20 พ.ย. 2024 เวลา 10:00 • ธุรกิจ

เจเนอเรชั่นใหม่แห่ง LVMH ‘อเล็กซองดร์ อาร์โนลต์’ การเดิมพันครั้งใหญ่ในธุรกิจไวน์&สุรา

‘Moët Hennessy’ ยักษ์วงการไวน์และสุราเผชิญยอดขายร่วงรุนแรง การแต่งตั้ง ‘อเล็กซองดร์’ บุตรชายคนที่สามของอาร์โนลต์เป็นรองซีอีโอ จึงนับเป็น ‘การเดิมพันครั้งสำคัญ’ ของ LVMH เพื่อฟื้นฟูธุรกิจและสร้างการเติบโตในอนาคต
แม้มีอาณาจักรธุรกิจอันยิ่งใหญ่ แต่การจะตั้งตระหง่านต่อไปได้ยาวนาน ก็ต้องปั้นผู้สืบทอดให้เก่ง
เมื่อไม่นานมานี้ ภายใต้อาณาจักรแบรนด์หรู “LVMH” เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ “อเล็กซองดร์ อาร์โนลต์” วัย 32 ปี ซึ่งเป็นบุตรชายคนที่สามของเบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ จะขึ้นดำรงตำแหน่ง “รองซีอีโอ” ที่ Moët Hennessy ธุรกิจไวน์และสุราของกลุ่มบริษัทมูลค่ากว่า 293,000 ล้านยูโร เหตุการณ์นี้ได้จุดประกายให้สาธารณชนหันมาจับตาความสามารถของผู้นำรุ่นใหม่คนนี้
ทั้งนี้ อเล็กซองดร์จะทำงานร่วมกับฌอง-ฌัก กีโญนี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ LVMH ผู้มากประสบการณ์ ซึ่งจะก้าวขึ้นเป็นซีอีโอของ Moët Hennessy
“แนวคิด คือ อเล็กซองดร์จะได้เป็นมือขวาที่ใกล้ชิดมาก” คนวงใน LVMH กล่าว “นี่จะทำให้เขาได้ประสบการณ์เพิ่มเติมในการบริหาร LVMH ขนาดย่อม เพื่อเตรียมตัวสำหรับบทบาทที่สำคัญยิ่งขึ้นในอนาคต”
หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์รายงานว่า สำหรับกีโญนี วัย 62 ปี อดีตนักธนาคาร และผ่านประสบการณ์กว่าสองทศวรรษในการดูแลการเงินของ LVMH จะขึ้นมามีบทบาทฟื้นฟูแผนกไวน์และสุราที่เผชิญแรงกดดันจากยอดขายที่ร่วงในจีนและสหรัฐ แต่แผนคือ ในที่สุดเขาจะมอบตำแหน่งผู้นำให้อเล็กซองดร์ ตามที่คนวงในกล่าว
“ความรู้สึกคือ นี่เป็นการเปลี่ยนผ่าน โดยกีโญนีจะเป็นเหมือนพี่เลี้ยงคอยดูแลอเล็กซองดร์ ก่อนที่จะมอบตำแหน่งให้” ฌอง ดองจู (Jean Danjou) นักวิเคราะห์ธุรกิจหรูจาก Oddo BHF กล่าว
การปรับเปลี่ยนตำแหน่งระดับสูงภายใน LVMH ครั้งนี้ ได้เปิดโอกาสให้เห็นถึงเส้นทางอาชีพที่โดดเด่นของ “อเล็กซองดร์” ณ กลุ่มสินค้าหรูอันดับหนึ่งของโลก
สำหรับลูกๆทั้งห้าคนของอาร์โนลต์ ต่างก้าวเข้าสู่บทบาทในบริษัทที่โดดเด่นมากขึ้น ขณะที่พ่อวัย 75 ปีของพวกเขากำลังค่อย ๆ ถอยห่าง ทำให้เกิดกระแสคาดเดาต่าง ๆ ในห้องประชุมรวมถึงงานเลี้ยงสังคมทั่วปารีสเกี่ยวกับการสืบทอดตำแหน่ง
📌สั่งสมประสบการณ์ใน Tiffany สู่ Moët Hennessy
ในการจะขึ้นมารับตำแหน่งรองซีอีโอของ Moët Hennessy อเล็กซองดร์ได้ออกจากตำแหน่งรองประธานบริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์และการสื่อสารของ Tiffany & Co. โดยในช่วงที่ผ่านมา เขาได้สะสมประสบการณ์ไว้ไม่น้อย
ด้วยวิสัยทัศน์ด้านการตลาดที่เฉียบคมและความสัมพันธ์อันดีกับเหล่าเซเลบริตี้ อเล็กซองดร์ได้ปรับปรุงร้านเรือธง Tiffany มูลค่าหลายล้านดอลลาร์ จนกลายเป็นร้านที่ทำยอดขายสูงสุดของกลุ่มในปัจจุบัน
นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้ริเริ่มแคมเปญที่มีศิลปินระดับโลกอย่าง Beyoncé และ Jay-Z รวมถึงแคมเปญที่มีสโลแกนว่า “Not your mother’s Tiffany” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการยกระดับและทำให้แบรนด์ดูทันสมัยมากขึ้น
ไม่เพียงเท่านั้น การทำงานที่ Rimowa ผู้ผลิตกระเป๋าเดินทางนาน 4 ปี ยังมอบประสบการณ์ให้เขาในแผนกแฟชั่นและสินค้าหนัง ซึ่งเป็นแผนกที่ใหญ่ที่สุดของกลุ่ม ช่วยเปลี่ยนแบรนด์ Rimowa จากแบรนด์ที่เน้นการใช้งานแบบเรียบง่ายของเยอรมัน ให้กลายเป็นสินค้าจำเป็นสำหรับผู้หลงใหลแฟชั่น
📌อเล็กซองดร์กับบทพิสูจน์ฝีมือในสนามรบใหม่
เมื่อเร็ว ๆ นี้ Moët Hennessy ได้เผชิญแรงกดดันด้านยอดขาย โดยได้ลดลง 8% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี ซึ่งเป็นการลดลงที่รุนแรงที่สุดในกลุ่ม เนื่องจากความต้องการคอนญักและแชมเปญลดลงหลังจากช่วงบูมในยุคโควิด-19
ยิ่งไปกว่านั้น การที่โดนัลด์ ทรัมป์ อาจสร้างความท้าทายเพิ่มเติมต่อการฟื้นตัว หากทรัมป์ปฏิบัติตามที่ขู่ไว้โดยเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากยุโรป 10-20% และเพิ่มภาษีสินค้าจากจีนสูงถึง 60%
อย่างไรก็ตาม การที่อเล็กซองดร์มีชื่อเสียงและมีความสัมพันธ์กับว่าที่ประธานาธิบดี อาจเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มธุรกิจ “เขาเป็นชายหนุ่มผู้มีความก้าวหน้า เป็นบุตรชายของหนึ่งในนักธุรกิจและผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของยุโรปและของโลก” ทรัมป์เขียนในแพลตฟอร์ม X (ทวิตเตอร์) หลังจากรับประทานอาหารค่ำร่วมกับอเล็กซองด์และภรรยาของเขาที่รีสอร์ตมาร์อาลาโกเมื่อปีที่แล้ว
“นักลงทุนหลายคนคิดว่าอเล็กซองดร์ต้องการโอกาสนำพาสิ่งที่ใหญ่กว่าภายในกลุ่ม และนี่คือการเปลี่ยนผ่านเพื่อให้เขาสามารถทำได้ทันเวลา” ดองจูจาก Oddo กล่าว
อ่านฉบับเต็มได้ที่:
โฆษณา