30 พ.ย. 2024 เวลา 02:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

การเปิดบัญชีซื้อ-ขายหุ้น

1.อายุ มากกว่า 20 ปีขึ้นไป
2.วงเงินขั้นต่ำ (ขึ้นกับเงื่อนไข เเละการเจรจากับโบรกเกอร์)
3.เอกสารที่ต้องเตรียม
(1) สำเนาบัตรประชาชน
(2) สำเนาทะเบียนบ้าน
(3) สำเนาคู่ฝากบัญชีออมทรัพย์ ย้อนหลัง 6 เดือน
1
การเลือกบัญชีซื้อขายให้เหมาะกับตัวเอง
1.บัญชีเงินสด (Cash account) สำหรับคนมีวินัยดี
-นักลงทุนสามารถสั่งซื้อหุ้นได้ตามวงเงินที่ได้รับ
-ลงทุนก่อน จ่ายทีหลัง
-เมื่อได้รับการอนุมัติวงเงิน นักลงทุนต้องวางหลักประกัน 15% ของวงเงินดังกล่าว กับโบรกเกอร์ เช่น ได้รับอนุมัติ 100,000 ก็วางหลักประกัน 15,000 บาท (ถ้าวางไม่ครบ จะได้รับวงเงินอนุมัติไม่ถึงตามที่อนุมัติไว้)
-ข้อดี : ไม่ต้องชำระเงินทันที โบรเกอร์จะตัดเงินค่าซื้อหุ้นจากบัญชีเงินฝากหรือกองทุนรวมที่เเจ้งไว้ในวันทำการที่ 2 จากวันที่ซื้อหุ้น (T+2)
**เหมาะกับมือใหม่ เเละนักลงทุนที่มีวินัยการลงทุน
2.บัญชีเเคชบาลานซ์ (Cash balance/Cash deposit) สำหรับคนที่ใจยังไม่นิ่ง
-ต้องฝากเงินไว้กับโบรกเกอร์ที่เปิดบัญชีซื้อ-ขาย
-ถ้าสั่งซื้อ เงินจะถูกหักออกจากบัญชีทันที ดังนั้น ก่อนซื้อขาย ต้องดูเงินในบัญชีว่าพอไหม?
-ซื้อ จะต้องมีเงิน ขาย จะต้องมีหลักทรัพย์
-ถ้าวงเงินไม่พอ โอนเข้าไปเพิ่มได้
**เหมาะกับ นักลงทุนมือใหม่ เเละนักลงทุนที่มีเงินลงทุนไม่มากพอ เเละต้องการจำกัดวงเงินการลงทุน
3.บัญชีมาร์จิ้น (Marjin Account) หรือเครดิตบาลานซ์ (Credit balance)
-โบรกเกอร์เปิด เพื่อให้สินเชื่อกับนักลงทุนในการซื้อขายหุ้น
-นักลงทุนจ่ายเองส่วนหนึ่ง อีกส่วนโบรกเกอร์จ่าย(ส่วนที่กู้)
-มีเงินส่วนหนึ่ง กู้เพื่อลงทุกอีกส่วน
-ระวัง : วงเงินกู้ยืม อาจเพิ่มหรือลด ตามราคาหุ้นที่วางเป็นหลักประกัน อาจะมีการเรียก เก็บเพิ่ม ถ้าราคาหุ้นที่วางไว้ลดลงมากๆ จนอัตรามาร์จิ้นต่ำกว่าเกณฑ์
***เหมาะกับนักลงทุนประสบการณ์สูง มีความสามารถในการลงทุน เเละชำระหนี้ได้ดี
#vijourney #พัฒนาตัวเอง #สอนให้รู้ว่า #วางแผนการเงิน #วางแผนการลงทุน #ลงทุนหุ้น #หุ้นไทย #ลงทุนมือใหม่ #การเงินส่วนบุคคล #การเงิน #การเงินการลงทุน #ลงทุนในตัวเอง #ลงทุน #longervideos #เทรนวันนี้
Blockdit 👉https://www.blockdit.com/vijourney/
โฆษณา