29 พ.ย. เวลา 08:30 • ข่าวรอบโลก

WHO เรียกร้องทั่วโลก ยกระดับเฝ้าระวังไข้หวัดนก

องค์การอนามัยโลก เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ยกระดับการเฝ้าระวังไข้หวัดนกให้เพิ่มมากขึ้น หลังจากพบกรณีการติดเชื้อในเด็กในสหรัฐอเมริกา
1
มาเรีย แวน เคอโคฟ ผู้อำนวยการฝ่ายการเตรียมความพร้อมและการป้องกันการระบาดของโรคและโรคระบาดของ องค์การอนามัยโลก กล่าวในการแถลงข่าวว่า มีการตรวจพบการติดเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 ในมนุษย์ทั่วโลกเพิ่มขึ้น
แม้ว่าจะเป็นจำนวนที่ยังน้อย แต่ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งแม้ว่าสถานการณ์การระบาดจะไม่รุนแรงมาก แต่สิ่งที่ต้องการในระดับโลก ทั้งในสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ คือการเฝ้าระวังที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น ทั้งในนกป่า นกในฟาร์ม และสัตว์ที่รู้ว่ามีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ซึ่งรวมถึงหมูและโคนมด้วย
ไวรัส H5N1 ถูกพบครั้งแรกในปี 1996 แต่ตั้งแต่ปี 2020 จำนวนการระบาดในนกได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก พร้อมกับจำนวนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ติดเชื้อเพิ่มขึ้น
โดยเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว มีเด็กในรัฐแคลิฟอร์เนียเป็นผู้ติดเชื้อไข้หวัดนกที่เป็นเด็กรายแรกในสหรัฐฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้เข้าตรวจสอบและให้การรักษาป้องกันแก่ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดที่ศูนย์เด็กเล็กของเด็กคนดังกล่าวแล้ว
โดยมีรายงานว่าเด็กที่ติดเชื้อ มีอาการไม่รุนแรงและได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสไข้หวัด และเด็กกำลังพักฟื้นอยู่ที่บ้าน
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) ระบุว่าจนถึงขณะนี้ รวมถึงเคสเด็กล่าสุด มีการรายงานการติดเชื้อ H5 ในมนุษย์ทั้งหมด 55 รายในสหรัฐอเมริกาในปี 2024 โดย 29 รายอยู่ในแคลิฟอร์เนีย โดยผู้ป่วยเกือบทั้งหมด ยกเว้นเพียง 2 คน มีการสัมผัสกับสัตว์ที่ติดเชื้อ
1
อย่างไรก็ตาม เคอโคฟ ระบุว่า ยังไม่พบหลักฐานการติดเชื้อจากคนสู่คน แต่จะต้องมีการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง
ทั้งนี้ เชื้อไวรัสไข้หวัดนก ทำให้ไก่หลายสิบล้านตัวล้มตาย รวมถึงนกป่าและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั้งบนบกและในทะเลที่พบการติดเชื้อ ส่วนในเคสการติดเชื้อในมนุษย์ที่มีการบันทึกไว้ในยุโรปและสหรัฐฯ ส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง
ขณะที่ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีการตรวจพบการติดเชื้อในฝูงโคนมหลายฝูงทั่วสหรัฐฯ โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขสหรัฐฯ เชื่อว่าความเสี่ยงต่อประชาชนทั่วไปยังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ แต่จะมีความเสี่ยงสูงขึ้นสำหรับผู้ที่ทำงานโดยตรงกับสัตว์ปีก โคนม และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ.
1
ที่มา : channelnewsasia
โฆษณา