4 ธ.ค. 2024 เวลา 09:28 • ข่าวรอบโลก

"Brainrot" คำแห่งปีจาก Oxford สะท้อนปัญหาสติปัญญาเสื่อมถอยจากโลกออนไลน์

เป็นธรรมเนียมที่ทุกช่วงสิ้นปีพจนานุกรมภาษาอังกฤษ Oxford Dictionary จะประกาศคำคม คำพูดสั้นๆ ที่จะยกให้เป็น "ศัพท์แห่งปี" และสำหรับปี 2024 คำศัพท์ที่มหาชนพร้อมใจกันโหวตให้ก็คือคำว่า "Brain Rot"
Oxford Dictionary ให้นิยามความหมายของ Brain Rot ว่าเป็น "การเสื่อมถอยของสภาพจิตใจหรือสติปัญญาของบุคคล" ซึ่งเกิดจากการเสพคอนเทนต์ที่ไร้ประโยชน์หรือไม่ประเทืองปัญญามากเกินไป โดยเฉพาะคอนเทนต์บนโลกออนไลน์
แคสเปอร์ กราธโวล ประธานบริษัท Oxford Languages ซึ่งเป็นแผนกพจนานุกรมของบริษัท กล่าวว่าการใช้งานคำดังกล่าวเพิ่มขึ้นประมาณ 230% ในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางภาษาอย่างรวดเร็วจากโซเชียลมีเดีย
เป็นปรากฏการณ์ที่คนหนุ่มสาววิพากษ์วิจารณ์เทรนด์ภาษาบน TikTok เกือบจะทันทีหลังจากที่พวกเขาผลิตภาษานั้นออกมาแล้ว
แคสเปอร์ กราธโวล
Brain Rot พบถูกใช้ครั้งแรกบนหนังสือ WALDEN ของ เฮนรี เดวิด ธอโร ซึ่งตีพิมพ์เมื่อปี 1854 โดยมีใจความที่แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “ในขณะที่อังกฤษพยายามอย่างยิ่งที่จะรักษาโรคมันฝรั่งเน่า แต่กลับไม่มีผู้ใดพยายามรักษาอาการสมองเน่าที่แพร่ระบาดและร้ายแรงกว่ามากกระนั้นหรือ”
ในปี 2024 คนเริ่มกลับมานิยมใช้คำนี้กันมากขึ้นถึง 230% เทียบกับปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะกลุ่มคน Gen Z และ Gen Alpha ที่ใช้คำนี้ในการอธิบายถึงการเสพคอนเทนต์แย่ๆ บนโลกโซเชียลมีเดียนานเกินไป แต่อีกนัยหนึ่งนั้นก็ชี้ให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่มีความตระหนักถึงผลกระทบเชิงลบของโซเชียลมีเดียที่พวกเขาใช้งานอยู่ในปัจจุบันด้วย
ในปี 2023 Maria T. Maza, Kara A. Fox, Seh-Joo Kwon และคณะ จากภาควิชาจิตวิทยาและประสาทวิทยา มหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา ได้ค้นพบว่าโซเชียลมีเดียอาจส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสมองของวัยรุ่นในระยะยาว โดยเฉพาะส่วนของการควบคุมแรงกระตุ้นและการเรียนรู้
ทีมวิจัยใช้วิธีการสแกนสมองของผู้เข้าร่วมระหว่างเล่นโซเชียลมีเดียด้วยวิธี MRI ในกลุ่มนักเรียนที่อายุ 11-12 ปีกว่า 178 คนจากโรงเรียนมัธยมของรัฐ 3 แห่งในนอร์ทแคโรไลนาปีละครั้งเป็นเวลานาน 3 ปี เพื่อศึกษาดูแนวโน้มว่ากิจกรรมตรงหน้าส่งผลต่อพวกเขาอย่างไรบ้าง
ผลการวิจัยบ่งชี้ว่าวัยรุ่นที่มีส่วนร่วมกับโซเชียลมีเดียบ่อยๆ มีแนวโน้มการกระตุ้นสมองส่วนที่ส่งผลต่อความคาดหวังการชื่นชมยินดีจากสังคมในระดับที่มากเป็นพิเศษ และการกระตุ้นที่ว่าก็มักทำให้เกิดผลเสียตามมามากกว่าที่คิด นั่นคือความสามารถในการควบคุมแรงกระตุ้นของวัยรุ่นจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อโพสต์ของตนเองไม่ได้รับการตอบสนอง กลุ่มตัวอย่างเหล่านั้นคลิกเม้าส์ หรือคีย์บอร์ดในอัตราที่เร็วกว่าที่เป็น แสดงให้เห็นถึงความอดทนที่ลดต่ำลง คาดหวัง และรอคอย
ผู้วิจัยยังตั้งข้อสงสัยเพิ่มเติมด้วยว่าผลลัพธ์ที่พวกเขาเจอเป็นเพียง "การเปลี่ยนแปลงในสมอง" ณ เวลานั้น ยังไม่สามารถอนุมานถึงภาพใหญ่ได้ว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวหรือถาวร แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังเสนอแนะให้หยิบเอาประเด็นนี้มาถกเถียงเพื่อหาความเหมาะสมอยู่ดี เพราะการอยู่บนโซเชียลมีเดียนานเกินไปก็สามารถส่งผลเสียต่อร่างกายในด้านอื่นๆ ได้อีกหลายด้าน เช่น อัตราการเพิ่มขึ้นของโรคอ้วน ภาวะนอนไม่หลับ ไปจนถึงโรคทางจิตเวชที่มีหลายงานวิจัยพิสูจน์แล้ว
กระแสการต่อต้านการใช้โซเชียลมีเดียและการตั้งข้อสงสัยถึงความเหมาะสมและผลกระทบในระยะยาวเกี่ยวกับการใช้โซเชียลมีเดียเป็นที่พูดถึงในหลายพื้นที่ทั่วโลก กรณีที่ชัดเจนที่สุดคือการที่รัฐสภาออสเตรเลียผ่านกฎหมายการแบนด์โซเชียลมีเดียในเด็กที่อายุต่ำว่า 16 ปี
แม้จะเป็นที่ถกเถียงถึงความเหมาะสมของกฎหมายดังกล่าว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า โซเชียลมีเดียวกำลังส่งอิทธิพลทั้งกับตัวเรา คนรอบข้าง และสังคมส่วนรวม โดยที่เราไม่รู้ตัว เด็กที่เติบโตขึ้นมาในยุคที่เห็นหน้าจอเยอะกว่าหน้าพ่อแม่ อาจจะมีบุคลิก อุปนิสัย วิธีคิด และลักษณะอื่นๆที่แตกต่างออกไปอย่างที่เราคาดไม่ถึง
อ้างอิง
โฆษณา