Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
มองอดีตกับ "วารีกาฬ"
•
ติดตาม
9 ธ.ค. 2024 เวลา 15:00 • ประวัติศาสตร์
มองอดีตกับความเป็น "ลาว" 2
ชาติพันธ์ุตระกูลลาวในอดีต ผสมผสานไปด้วยความหลากหลายตระกูล สยามก็เช่นกัน เขมรก็ไม่ต่างกัน เพราะโดยพื้นฐานของตระกูลในดินแดนอุษาคเนย์แถบนี้ มีนิสัยการอพยพเคลื่อนย้ายไปมา การสร้างตระกูลใหม่เรื่อยๆ เพื่อหาที่ทำกิน และ มองหาความสมบูรณ์ในพื้นที่นั้นเพื่อทำการเกษตร ดังนั้น ถ้าเรียนรู้ ค้นคว้าเรื่องประวัติศาสตร์อย่างดี เราจะทราบว่า ทุกชีวิตในพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ล้วนแล้วแต่มีแม่เดียวกัน..
ในยุคสมัยที่อาณาจักรรุ่งเรืองทางอำนาจ และ เริ่มมีการกวาดต้อนผู้คนไปมา แรกเริ่มเดิมที่มีเพียงค้าขายและแลกเปลี่ยนสินค้า ก็เริ่มมีการค้าช้าง ค้าม้า ค้าวัว ค้าควาย และหนักสุดก็คือการค้าทาส การอพยพเคลื่อนย้ายถิ่นฐานจึงมากขึ้น แต่ก็ประกอบไปด้วย ปัจจัยต่างๆอีกมาก อย่างการทำสงคราม ความยากจน โรคระบาด หรือแม้แต่จำนวนประชากรที่มากขึ้น
ในอดีต จะมีชาติพันธ์ุหนึ่ง จากหลายชาติพันธ์ุในดินแดนนี้ อาจจะมากที่สุดก็เป็นได้ นั่นก็คือ กูย กวย หรือส่วย เป็นชาติพันธุ์ที่มีความสามารถในการปรับตัวเก่งที่สุด พวกเขาสามารถกลายเป็นคนในสังคมนั้นที่เค้าอยู่ได้อย่างเป็นธรรมชาติ เค้าสามารถกลมกลืนไปกับชาติลาวอื่นๆได้ หรือ แม้แต่ชาติพันธ์ุขอม จนสามารถเรียกได้ว่าเค้าเป็นกลุ่มเดียวกับชาติพันธ์นั้น
ปัจจุบันชาติพันธ์กูยเหลือ เพียงกลุ่มที่เลี้ยงช้างเท้านั้น เป็นกลุ่มชาติพันธ์ุที่ส่วนใหญ่จะนิยมเลี้ยงสัตว์เพื่อใช้แรงงานโดยเฉพาะ เมื่อหมดหน้างาน กลุ่มคนกลุ่มนี้จะเข้าป่าไปกับสัตว์เลี้ยงของตน และ เมื่อถึงหน้างานก็จะกลับมาพร้อมของป่า เพื่อนำมาค้าขายแลกเปลี่ยน กับคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ ที่อยู่เฝ้าถิ่นฐาน ของตน และ หารายได้จากการ ทอเสื่อ ทอผ้า หรือ ทำเครื่องปั้นดินเผาไว้ใช้งาน บางโอกาสก็จะมีการสลับกลุ่มกันเข้าป่าบ้าง
ตามหลักฐานทางประวัติศาตร์ เล่าถึงชาวกูยในเชิงผู้ส่งส่วย และทาสเชลย แต่ในมุมผู้เขียน เมืองขึ้นใดบ้างไม่มีการส่งส่วย แต่ในช่วงการค้าทาส ประวัติศาสตร์เขียนถึงชาวกูยในเชิงดูถูก อย่างไรก็ตาม เมื่อยุคสงครามมาถึงการล่าอาณานิคมเกิดขึ้นในอุษาคเนย์แถบนี้ ชนชั้นผู้มีอำนาจ ก็จำเป็นต้องรักษาฐานอำนาจ การรวบรวมแผ่นดินให้ได้มากที่สุด หรือการกวาดต้อนผู้คนเข้าสู่ศูนย์กลางมากที่สุด จึงจะเป็นโอกาสรอดให้ชาติพันธ์ุแถบนี้ดำรงอยู่ต่อไป
ในประวัติศาสตร์มักจะมีบทผู้ร้าย และพระเอกเสมอ ศึกใดที่มีผู้ชนะ มักจะปรากฎวีรบุรุษ และในศึกนั้นก็มักจะตามมาด้วยกบฏในยุคหนึ่งผู้เขียนเห็นด้วยว่าจำต้องมีการทำเช่นนี้ เพราะในแง่การปกครอง หรือการรวมอำนาจ จำเป็นต้องใช้ผู้คน
การปกป้องบ้านเมืองการปกป้องคนที่รัก เป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้ทุกคนในแถบนี้หยุดการเลี้ยงสัตว์เพื่อดำรงชีพ แต่หันมาเลี้ยงเพื่อการศึกสงคราม แต่ในบางยุคก็มากเกินความจำเป็น
แต่ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไร อดีต คือสิ่งที่เราทุกคนไม่สามารถแก้ไขได้ นำสิ่งเหล่านั้นมาเรียนรู้ ยอมรับ เข้าใจ แล้วมองหาโอกาสการพัฒนาดีกว่า
บางคนอาจจะให้ความเห็นในส่วนนี้ว่าก็ไม่ต้องสะกิดบาดแผลในอดีตปล่อยไป แล้วทำใหม่ไม่ดีกว่าหรอจะได้ไม่เสียเวลา
มุมมองผู้เขียนส่วนนี้ มองว่ามันเหมือนกับว่าเราไม่ใส่ใจอดีต และไม่เรียนรู้ที่จะเข้าใจผู้คนเลยเสียมากกว่า เอาละ ในส่วนนี้เราอาจจำเป็นต้องเข้าใจว่ามันมีในทุกยุคทุกสมัย แน่นอนว่า รวมไปถึงการสืบเชื้อสายชนชั้นปกครอง หรือ สืบฐานอำนาจในกลุ่มเครือญาตนั้นก็มีมาตั้งแต่โบราณกาลด้วยเช่นกัน นี่คือสิ่งที่เราต้องเข้าใจ
แต่ก็มีกลุ่มตระกูลบางส่วนที่ไม่เข้าใจในเรื่องนี้อยู่มาก ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงในอดีต ว่ากลุ่มชนชั้นผู้นำจะเกณฑ์ไพร่พลมาได้อย่างไร หากไม่ปลุกระดมด้วยเรื่องราว การรักษาพื้นที่ทำกินที่คิดว่าเป็นของเราแต่นานมา ชาวบ้านธรรมดาแค่คิดเรื่องปากท้อง ก็ยากแล้ว ไหนจะหาเช้ากินค่ำ จะเอาเวลาไหนไปห่วงเรื่องการรักษาอำนาจ ยิ่งชาวลาวส่วนใหญ่นับถือผีปู่ ย่า ตา ยาย ครั้งนี้ บรรพบุรุษจึง รับบทตัวเอก จึงจะสามารถระดมไพร่พลได้
ดังนั้นผู้เขียน จึงไม่เห็นด้วยกับ ทฤษฎีที่ชาวบ้านจะออกไปสู้เพื่อรักษาบ้านเมืองเสียเท่าไหร่ แต่จุดนี้ผู้เขียนยังไม่เข้าใจว่าทำไมในอดีต ต้องเป็นชาติพันธ์ุลาวส่วนใหญ่ที่ส่งส่วย บรรณาการ ให้ตระกูลฝั่งขอม หรือเป็นไปได้ว่า ฝั่งขอม คือ รัฐแม่มาตั้งแต่ยุคบรรพชน หรือก่อนยุคประวัติศสตร์
อย่างที่มีการศึกษาเมืองโบราณในอดีต ว่ายุคสมัยที่ขอมเรืองอำนาจ มีหนึ่งในตระกูลขอมต้องการเป็นมหาอำนาจ จึงเกิดการสู้รบกัน สุดท้ายไม่อาจสู้ฝั่งศูนย์กลางของขอมได้ ทำให้ทุกพื้นที่แถบนี้ต้องส่งเครื่องบรรณาการแก่กัน หรือ พอเข้าสู่ยุคสมัยพ่อปกครองลูก รัฐมีความจำเป็นต้องเลี้ยงดูประชากรของตน จึงทำให้ต้องมีการขยายขอบเขตการส่งบรรณาการเกิดขึ้น หรือนี่ เป็นชนวนการชิงอำนาจอาณานิคมของยุคสมัยประวัติศาสตร์ที่มีแต่เรื่องราวการรบราฆ่าฟัน ก่อนที่อาณาขอมโบราณจะค่อยหายไป จนเข้าสู่ยุดแบ่งดินแดน
เรื่องราวทั้งหมดเป็นเพียงสมมติฐานที่อาจจะเกิด หรือไม่เกิดก็ได้ แต่ไม่ใช่ใจความหลัก ผู้เขียนยังคงศึกษาเรื่องราวต่อไปเพื่อนำมาแบ่งปันให้ท่านผู้อ่านได้เห็นมุมมองอีกมุมหนึ่ง
การที่เราไม่ใส่ใจอดีต เท่ากับ การเลือกที่จะไม่เรียนรู้เพื่อที่จะเข้าใจผู้คน
วารีกาฬ
ประวัติศาสตร์
ความรู้รอบตัว
ความคิดเห็น
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย