19 ธ.ค. 2024 เวลา 03:54 • ความคิดเห็น

I am introvert

ฟังดูเผินๆ ก็ไม่น่าจะมีใครเชื่อ เพราะด้วยการงานอาชีพที่ทำด้านการตลาด ต้องพูดต้องบรรยาย ทำหลักสูตรที่ต้องเจอคนต้องอยู่หน้าชั้นตลอดเวลา แถมดูบุคลิกเผินๆ ก็ดูคุยเก่ง เข้าสังคมได้ ไม่น่าจะเป็นคน introvert ได้เลย
เอาเข้าจริงๆแล้ว ผมมีความสุขกับการอยู่คนเดียว ชอบวิ่งคนเดียว ชอบอยู่บ้าน ไม่ชอบไปไหน อึดอัดกับการที่ต้องเผชิญหน้ากับคนแค่หนึ่งคน ชอบอ่านหนังสือ ชอบกินข้าวคนเดียว ไม่ชอบรับโทรศัพท์ ไม่ชอบไปงานสังคมติดๆกัน หรือไปก็จะกลับเร็ว ในนิยามของคน introvert ไม่ว่าสำนักไหน ผมจะมีลักษณะนั้นเกือบครบทั้งสิ้น
5
Huffpost บรรยายคนประเภทนี้ว่า จะอึดอัดเวลาอยู่ในกลุ่มเล็กๆแต่พูดกะคนห้าร้อยคนได้ จะรู้สึกโดดเดี่ยวท่ามกลางคนเยอะๆ ชอบอยู่คนเดียวเพื่อสะสมพลัง เจอคนเยอะจะหมดแรงง่าย ถ้าขึ้นรถไฟฟ้าก็จะไปนั่งขอบๆ ไม่ใช่ตรงกลาง จะไม่ค่อยรับโทรศัพท์เลยแต่ต้องใช้เวลาเตรียมตัวโทรกลับ ชอบเขียนโน่นนี่ และที่ตลกคือจะมีความดันไม่สูง ผมนี่มีเกือบครบทุกข้อ เวลาทำ test ตามเว็บต่างๆมีหลายครั้งได้เป็น extreme introvert ด้วยซ้ำ
11
ซึ่งความขัดแย้งในงานกับสิ่งที่ตัวเองเป็นนี่แหละที่นำมาซึ่งความเข้าใจผิดและสร้างความไม่พอใจให้คนอื่นอยู่บ่อยครั้ง อาจจะประกอบกับการเป็นคนที่มีคนรู้จักเยอะ พอมีชื่อมีเสียงอยู่บ้าง ก็จะโดนต่อว่าบ่อยๆ ว่า หยิ่ง ดังแล้วลืมเพื่อน หรือไม่เต็มใจจะคุย โทรมาแล้วไม่ค่อยรับ สิ่งที่ผมไม่ชอบและอึดอัดที่สุดก็คือการที่ไม่ได้รับโทรศัพท์แล้วพอโทรกลับจะถูกแซว
1
จากความเข้าใจผิดว่าหยิ่งหรือยุ่งหรือดังแล้วลืมเพื่อน ซึ่งยิ่งทำให้ไม่กล้าโทรกลับและยิ่งต้องใช้พลังในการกลั้นใจโทร และพอได้ยินประโยคแบบนั้นก็จะหมดแรง และก็ได้แต่ตะโกนในใจว่า ผมเป็น introvert ซึ่งมันก็เป็นแบบนี้จริงๆ
ผมมีความสุขกับการอยู่บ้านมาก การอยู่บ้านผมก็เป็นการวางแผนการใช้ชีวิตอย่างหนึ่ง ซึ่งก็อีกนั่นแหละ มีผู้คนเข้าใจผิดบ่อยว่าทำไมไม่ไปโน่นไปนี่ ว่างไม่ใช่เหรอ เห็นอยู่บ้าน ซึ่งก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรว่า การอยู่บ้านของผมคือการไม่ว่าง ผมอยากอยู่บ้าน และชอบอยู่บ้าน เหตุการณ์แบบนี้ก็ทำให้มีคนเคืองผมอยู่บ้าง แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีแล้ว เพราะเพื่อนๆก็เลิกชวนไปเกือบหมด
ผมไม่ชอบเจอคนสองต่อสอง ไม่ค่อยชอบรับคนมาสวัสดีปีใหม่แบบสองต่อสองโดยเฉพาะคนที่ไม่คุ้นเคย เพราะจะรู้สึก awkward และใช้พลังมากเพื่อที่จะให้ผ่านช่วงที่ไม่รู้จะคุยอะไรไป ไม่ชอบสัมภาษณ์คนแบบสองต่อสอง ไม่ชอบคุยกะคนที่ไม่สนิท แต่ถ้าให้ทำก็ทำได้และหลายครั้งก็ทำได้ดีแต่มันจะดูดพลังไปพอสมควร
1
แต่ผมก็ยังสนุกกับงานหรือ dinner ที่วางแผนไว้และพร้อมที่จะไป ได้ทำงานออกไอเดียมันส์ เห็นงานดีๆ แล้วชื่นใจ ได้เจอผู้คนใหม่ๆ เวลางานหรือทำงานก็เหมือนกับเตรียมตัวไว้ก่อนก็จะสนุกไปกะมัน มีความสุขกับการได้เจอคนที่อยากเจอในบางวันของสัปดาห์ แต่ถ้าไปติดกันสองสามวันก็จะหมดแรงต้องหยุดชาร์ตพลังเงียบๆ ใหม่อีกสองวันถึงจะไปใหม่ได้ เหมือนมีใครเคยบอกว่า introvert gain energy from being alone and loses energy in stimulating environments.
2
ผมเพิ่งรู้เหมือนกันว่ามีคนที่ประสบความสำเร็จจำนวนมากที่ดูเหมือนจะเป็นคนเข้าสังคมเก่ง ต้องเจอคนเยอะๆ แต่เป็น introvert เลดี้กาก้า เอมม่า วัตสัน หรือแม้กระทั่ง 40% ของ CEO (huffpost บอก) ก็เป็น introvert ชื่อที่เขายกตัวอย่างบางทีเราก็อาจจะแทบไม่ค่อยเชื่อ เช่น บารัค โอบาม่า อีลอน มัสค์ หรือบิล เกตส์ มีบทความเขียนอธิบายว่า introvert CEO จะมีคุณสมบัติเด่นเป็นพิเศษเรื่องการฟัง การคิดในแต่ละเรื่องอย่างลึกซึ้งและมีแนวโน้มที่จะให้อิสระ ให้พื้นที่กับคนทำงานมากกว่าคนทั่วไป
1
มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับชาว introvert เยอะอยู่พอสมควร มีบทความเคยเขียนไว้ด้วยว่าคนมักจะคิดว่าชาว introvert ไม่ค่อยชอบมนุษย์เท่าไหร่ หรือไม่ชอบไปเที่ยวสนุกสนาน หรือแม้กระทั่งชาว introvert อยากเปลี่ยนตัวเองเป็น extrovert ซึ่งเอาเข้าจริงๆ แล้ว ไม่จริงเลย
ผมก็ชอบคุยกะคนแต่คุยกับคนที่คุ้นเคยจะใช้พลังงานน้อยกว่าคนแปลกหน้า ชอบไปเที่ยวสนุกสนาน ชอบทำหลักสูตร ชอบบรรยาย ชอบสัมภาษณ์คนบนเวทีและฟินมากเวลาผู้คนได้ประโยชน์ แต่ไปติดๆกันแล้วเหนื่อยง่ายต้องเข้าถ้ำชาร์จพลัง และก็มีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองเป็นไม่ได้อยากเปลี่ยนอะไร
3
มันเหมือนกับมีความอยากจะทำและลักษณะนิสัยที่บางครั้งก็มีความขัดแย้งกันอยู่ และพอมาฟังโปรเฟสเซอร์ไบรอันถึงเริ่มเข้าใจความขัดแย้งในตัวได้ดีขึ้น
โปรเฟสเซอร์ ไบรอัน ลิตเติ้ล (Brian little) เป็นอาจารย์ด้านจิตวิทยาและลักษณะนิสัยของมนุษย์ เล่าไว้อย่างสนุกที่ ted talk ว่า คน extrovert จะทำงานได้ดีเวลามีคนอยู่รอบๆ และจะต้องการการกระตุ้นตลอดเวลา (stimulation) อะไรก็ได้ที่ตื่นเต้นเช่นปาร์ตี้ เสียงดังๆ หรืองานสังคม แต่คน introvert อาจจะไปอยู่ชั้นสองเงียบๆมองลงมา ซึ่งไม่ใช่เพราะไม่ชอบสังคมแต่แค่อาจจะทำอะไรได้ดี มีพลังเวลาไม่มีสิ่งเร้ามากกว่า
1
คาเฟอีนก็ทำงานได้ดีกับพวก extrovert มากกว่า introvert (ผมนี่กินกาแฟไม่ได้เลย หัวใจเต้นเร็วเกิน) ก็เลยชอบกินกาแฟตั้งแต่เช้า เวลาจะสื่อสารกัน สองกลุ่มนี้ก็จะมีวิธีต่างกัน ชาว extrovert จะชอบคุยกันใกล้ๆ สบตากันเวลาคุย สนิทสนมใช้ชื่อเล่นกันได้เร็วมาก ส่วน introvert จะพูดทางการกว่า พูดอ้อมๆ เกรงอกเกรงใจไม่ตรงประเด็น แต่พวก extrovert จะพูดตรงๆ ใช้คำแรงๆ introvert บ่อยครั้งจะพูดผ่านคนอื่น ไม่มองหน้าคู่สนทนาด้วยซ้ำ
2
แต่โปรเฟสเซอร์ไบรอันก็บอกว่า มันไม่ใช่เราเป็น introvert หรือ extrovert และจะมีแค่นั้น เราก็มีลักษณะเฉพาะของตัวเราเองในแต่ละคน ในการเข้าใจแต่ละคนมีความหมายลึกซึ้งกว่านั้นที่ทำให้เราชอบหรือไม่ชอบกัน สิ่งที่ทำให้เราต่างจะอยู่ที่สิ่งที่เราทำในชีวิตมากกว่า งานเลี้ยงลูก รายละเอียดชีวิตของแต่ละคนที่ทำให้เราหลายครั้งไม่ได้ทำตามลักษณะนิสัยของเราไม่ว่าจะเป็น introvert หรือ extrovert ก็ตาม คน introvert เวลามีใครมารังแกลูกก็อาจจะคุยตรงๆ กล้าสบตาและเผชิญหน้าคนที่ไม่ประสงค์ดีก็ได้
โปรเฟสเซอร์เลยบอกว่าถ้าเรามีงานที่เรารัก มีภาระที่สำคัญ เราก็จะทำอะไรที่ไม่ได้อยู่ในนิสัยหลักของเราก็ได้ โปรเฟสเซอร์ไบรอันรักในการสอนมากๆ รักที่จะเห็นนักเรียนเติบโต อยากสอน อยากเล่าความรู้ให้เด็กๆฟัง อยากตื่นมาทำงานทุกเช้า ก็เลยทำตัวเป็นคน extrovert ทั้งๆที่ตัวเอง introvert มากด้วยการตื่นเช้า มาเล่นมุกตลกหน้าชั้นระหว่างสอนให้นักเรียนที่มาเรียนได้อย่างเต็มใจ
แต่เราเองก็ต้องเข้าใจด้วยว่าเมื่อเราเอา passion นำจนออกจากลักษณะนิสัยส่วนตัวไปไกล เราเองก็ต้องกลับมาดูแลสิ่งที่เราเป็นด้วย ต้องดูแลตัวเองบ้าง โปรเฟสเซอร์พอสอนเสร็จ ใช้พลังที่ฝืนตัวเองออกไปจนล้าก็ต้องกลับมาซ่อมแซมตัวเอง เขาเล่าขำๆ ว่าบางทีก็แอบไปอยู่เงียบๆ ในห้องน้ำ ไม่อยากพูดกับใครซักพักด้วยซ้ำ
มนุษย์เรามีความต่างกันด้านลักษณะนิสัย และมีรายละเอียดในชีวิตที่ต่างกัน สิ่งที่เราชอบทำหรือเป็น หรือสังคมส่วนใหญ่เป็นก็อาจจะไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีความสุขหรือเป็นเหมือนคนส่วนใหญ่ การกระทำบางอย่างหรือไม่กระทำบางอย่าง การถูกกระตุ้นเร้าอาจจะทำให้บางคนมีพลัง แต่ก็อาจจะทำให้บางคนพลังหมดก็ได้ คนรอบข้างเรา ญาติ พี่น้อง เพื่อนฝูงก็คงมีหลายแบบอยู่ในนั้น
ตั้งแต่ extrovert แบบสุดทางจนถึง introvert แบบสุดขั้ว หรืออยู่กลางๆก็มีเยอะ แค่พอระลึกนึกถึงได้ว่าคนเรานั้นต่างกันก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเวลามองหรือกำลังจะตัดสินใคร
และพอเข้าอกเข้าใจถึงความต่างกันแล้ว ชีวิตก็น่าจะมีความรื่นรมย์ขึ้นอีกเยอะเลยนะครับ
โฆษณา