24 ธ.ค. 2024 เวลา 03:54 • ประวัติศาสตร์

ความมั่งคั่งของ “ไมเคิล แจ็คสัน (Michael Jackson)”

“ไมเคิล แจ็คสัน (Michael Jackson)” คือซูเปอร์สตาร์ระดับโลกผู้ยังเป็นตำนานมาจนถึงปัจจุบัน
ไมเคิลคือสุดยอดนักดนตรีผู้สร้างผลงานเพลงคุณภาพมากมาย อีกทั้งการแสดงแต่ละครั้งของเขาก็สามารถสะกดทุกคนที่เข้าชมได้
แต่นอกจากนั้น ไมเคิลยังเป็นคนใจบุญมากที่สุดคนหนึ่ง โดยตลอดชีวิตของเขา มีการประเมินว่าเขาได้บริจาคเงินเพื่อการกุศลไปแล้วไม่ต่ำกว่า 500 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 17,000 ล้านบาท) และหลังจากเสียชีวิต พินัยกรรมของไมเคิลยังระบุว่าทรัพย์สินของเขาจำนวน 20% จะตกเป็นของการกุศล
2
ไมเคิล แจ็คสัน (Michael Jackson)
แต่นอกเหนือจากการเป็นนักร้องและผู้ใจบุญแล้ว ไมเคิลยังเป็นนักธุรกิจที่มีสายตาแหลมคมคนหนึ่ง สามารถขยายความร่ำรวยออกไปยังหลากหลายธุรกิจ โดยนอกเหนือจากเงินที่ได้จากการขายงานดนตรีแล้ว เขายังได้รับเงินจากการเปิดการแสดง และยังได้ส่วนแบ่งจากการขายสินค้าต่างๆ ที่ใช้เขาเป็นแบบ ไม่ว่าจะเป็นของเล่นต่างๆ ขนม วีดีโอเกมส์ เสื้อผ้า และอีกหลากหลายสินค้า
และไมเคิลยังได้รับเงินจากโฆษณาที่ใช้เพลงของเขาและเพลงที่เขาเป็นเจ้าของลิขสิทธิอยู่ด้วย และทราบมั้ยว่า ไมเคิลยังได้รับเงินจากชาวไร่ที่นำวัวเข้ามากินหญ้าในคฤหาสน์ “เนเวอร์แลนด์ (Neverland)” ของเขาอีกด้วย
หากย้อนกลับไปในช่วงปลายยุค 80 (พ.ศ.2523-2532) และต้นยุค 90 (พ.ศ.2533-2542) ไมเคิลทำรายได้เฉลี่ยปีละประมาณ 100 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3,400 ล้านบาท)
เนเวอร์แลนด์ (Neverland)
แต่ต่อมารายได้เหล่านี้ก็ลดลงไปหลังจากที่ไมเคิลถูกกล่าวหาว่าล่วงละเมิดเยาวชน และต้องขึ้นศาลให้วุ่นวาย
1
แต่แม้แต่วาระสุดท้ายของไมเคิล ถึงแม้ว่าในช่วงนั้นเขาจะไม่ได้ทำงานมากมายเหมือนแต่ก่อน แต่ก็มีการประเมินว่าเขาน่าจะทำรายได้ได้ปีละ 10 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 340 ล้านบาท) เป็นอย่างต่ำ
แต่ด้วยความที่ร่ำรวย หาได้มาก การใช้จ่ายก็มากตามไปด้วย ทำให้ในช่วงที่ยังมีชีวิต ไมเคิลได้ไปกู้ยืมเงินมาเป็นจำนวนมาก โดยในเวลาที่เขาเสียชีวิต มีรายงานว่าไมเคิลเป็นหนี้กว่า 500 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 17,000 ล้านบาท)
1
สำหรับทรัพย์สินและอสังหาริมทรัพย์ของไมเคิลนั้น ก็มีอยู่มากมาย
ไมเคิลเป็นเจ้าของคฤหาสน์เนเวอร์แลนด์ (Neverland) ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินกว่า 7,600 ไร่ในแคลิฟอร์เนีย อีกทั้งยังมีบ้านพักอีกหลังในแคลิฟอร์เนีย รวมทั้งยังเป็นเจ้าของ “Mijac Music” ซึ่งเป็นบริษัทที่ดูแลงานเพลงของไมเคิล และยังเป็นเจ้าของบริษัทอีกหลายแห่งที่ดูแลสัญญาทางธุรกิจต่างๆ ของเขา และยังเป็นเจ้าของลิขสิทธิเพลงอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งรวมถึงลิขสิทธิเพลงของวงดังอย่าง “เดอะบีทเทิลส์ (The Beatles)”
3
ไมเคิลยังเป็นเจ้าของลิขสิทธิหนังสือชีวประวัติของตนเองอีกสองเล่ม อีกทั้งยังครอบครองงานศิลปะอีกมากมาย รวมทั้งของเล่นหายากและรถวินเทจอีกหลายคัน
สำหรับทรัพย์สินของไมเคิลในปัจจุบัน ก็เป็นการยากที่จะระบุได้เป๊ะๆ
1
เดอะบีทเทิลส์ (The Beatles)
ในสารคดีเมื่อปีค.ศ.2003 (พ.ศ.2546) เมื่อพิธีกรถามถึงทรัพย์สินของไมเคิลว่ามีจำนวนเท่าไร ไมเคิลก็ดูอึดอัดและลังเลที่จะตอบ ทำให้พิธีกรกล่าวว่าน่าจะราวๆ 1,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 34,000 ล้านบาท) ซึ่งไมเคิลก็ตอบว่า
“ก็น่าจะประมาณนั้น ผมก็ทำได้ดีทีเดียว”
ซึ่งนี่คือก่อนที่จะเกิดการฟ้องร้องเรื่องการละเมิดเยาวชนครั้งที่สอง ซึ่งก็ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไมเคิลเป็นอย่างมาก และลามไปถึงรายได้ของเขาในช่วงท้ายๆ ของชีวิต
คฤหาสน์เนเวอร์แลนด์ของไมเคิลได้ถูกขายไปด้วยราคา 22 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 754 ล้านบาท) รวมทั้งแค็ตตาล็อกเพลงของ Sony/ATV ซึ่งถูกขายไปด้วยราคา 750 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 25,700 ล้านบาท) ในปีค.ศ.2016 (พ.ศ.2559) รวมทั้งแค็ตตาล็อก EMI
นอกจากนั้น หลังจากเสียชีวิตไปแล้ว ชื่อของไมเคิลก็ยังคงขายได้ และมีโครงการต่างๆ ที่มีชื่อของไมเคิลเกี่ยวข้องมากมาย ทั้งภาพยนตร์ “This Is It” ภาพบันทึกการแสดงโชว์ต่างๆ งานเพลงที่นำลงแพลตฟอร์มดิจิทัล และสินค้าต่างๆ อีกมากมาย
นั่นทำให้ชื่อของไมเคิลยังคงติดท๊อปศิลปินที่เสียชีวิตไปแล้วแต่ยังทำเงินได้สูงสุดติดต่อกันหลายปี โดยรายได้ที่ไมเคิลทำไปแล้วหลังจากเสียชีวิตนั้น ทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 2,400 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 82,000 ล้านบาท)
และหากมาคิดมูลค่าทรัพย์สินแต่ละอย่างแบบคร่าวๆ ของไมเคิล ก็อาจจะประมาณได้ดังนี้
งานดนตรีนั้น ไมเคิลขายเร็คคอร์ด (แผ่นเสียง เทป ซีดี) ไปได้ทั่วโลกรวมกว่า 400 ล้านแผ่น ซึ่งหากคิดมูลค่าแค็ตตาล็อกทั้งหมด จะคิดคำนวณได้ประมาณ 1,333 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 45,600 ล้านบาท)
ส่วนทรัพย์สินส่วนตัวอื่นๆ ทั้งงานศิลปะ และของอื่นๆ นั้น ก็ประเมินว่าน่าจะอยู่ที่ 1,000 ล้าน-2,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 34,000 ล้าน-68,000 ล้านบาท) เป็นอย่างต่ำ โดยเสื้อแจ็คเก็ตในอัลบั้ม “Thriller” ของไมเคิล ก็ถูกประมูลขายไปด้วยราคาถึง 1.8 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 61.7 ล้านบาท) และนี่คือแค่เสื้อแจ็คเก็ตอย่างเดียวเท่านั้น
ต่อมาคือภาพถ่าย ก็คาดว่าในช่วงเวลาที่เสียขีวิต ภาพถ่ายของไมเคิลมีมูลค่าราวสี่ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 137 ล้านบาท) ก่อนที่ราคาจะพุ่งในเวลาต่อมาอีกหลายเท่า
ส่วนที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ก็มีมูลค่าอีกมหาศาล รวมทั้งลิขสิทธิจากหนังสือของไมเคิลก็คาดว่าน่าจะมีราคาอย่างต่ำคือ 100 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3,400 ล้านบาท)
ดังนั้นจึงมีการคำนวณว่าทรัพย์สินของไมเคิลในช่วงปีค.ศ.2022-2024 (พ.ศ.2565-2567) หรือก็คือช่วงปัจจุบันนั้น น่าจะมีมูลค่าราว 3,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 103,000 ล้านบาท) เป็นอย่างต่ำ
คำถามที่หลายคนอยากรู้ต่อมาก็คือ ในเมื่อไมเคิลเสียชีวิตไปแล้ว แล้วรายได้และทรัพย์สินต่างๆ ของไมเคิลจะเป็นอย่างไรต่อไป?
ไมเคิลนั้นมีบุตรสามคน รวมทั้งผู้เป็นมารดา โดยในพินัยกรรมนั้น ไมเคิลระบุว่า 20% ของทรัพย์สินตนให้ตกเป็นของผู้เป็นมารดา ส่วนบุตรทั้งสามคนได้ไปคนละ 20% และอีก 20% ให้ตกเป็นของการกุศล และหากมารดาของเขาเสียชีวิต ทรัพย์สินจำนวน 20% ในส่วนของมารดา ก็ให้ตกเป็นของบุตรทั้งสามรับไปคนละเท่าๆ กัน
1
แม่ของไมเคิลและบุตรทั้งสามของไมเคิล
เรียกได้ว่าตลอดช่วงระยะเวลา 50 ปีของชีวิตไมเคิล เขาคือมหาเศรษฐีระดับโลกและอาจจะเป็นอันดับต้นๆ ของวงการดนตรีเลยก็ว่าได้
โฆษณา