16 ม.ค. เวลา 06:29 • ประวัติศาสตร์

เหยื่อของ “แจ็กเดอะริปเปอร์ (Jack the Ripper)”

เชื่อว่าหลายคนที่เป็นคอประวัติศาสตร์ต้องรู้จักเรื่องราวหรืออย่างน้อยก็ต้องเคยได้ยินชื่อของ “แจ็กเดอะริปเปอร์ (Jack the Ripper)”
1
“แจ็กเดอะริปเปอร์ (Jack the Ripper)” เป็นฆาตกรปริศนาในตำนาน ทำการสังหารหญิงสาวจำนวนมากในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19
และจนถึงปัจจุบัน ตัวตนที่แท้จริงของแจ็กเดอะริปเปอร์ก็ยังคงเป็นปริศนา ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าตัวตนจริงของฆาตกรผู้นี้คือใคร เป็นที่ถกเถียงมาจนถึงทุกวันนี้
แต่เรื่องที่หลายคนไม่ค่อยพูดถึงก็คือตัวตนของเหยื่อแต่ละคนของแจ็กเดอะริปเปอร์
เหยื่อของแจ็กเดอะริปเปอร์มีทั้งหมดห้าคน ล้วนแต่เป็นสตรีทั้งหมด ซึ่งก็ได้แก่ 1.แมรี แอนน์ นิโคลส์ (Mary Ann Nichols) 2.แอนนี แชปแมน (Annie Chapman) 3.เอลิซาเบท สไตรด์ (Elizabeth Stride) 4.แคทเทอรีน เอ็ดโดวส์ (Catherine Eddowes) 5.แมรี เจน เคลลี (Mary Jane Kellly)
เหยื่อเหล่านี้ล้วนมีชีวิต มีความหวัง มีคนรัก มีเพื่อนและครอบครัว บางรายก็มีลูกด้วย และแต่ละชีวิตก็สะท้อนถึงภาพชีวิตในสมัยศตวรรษที่ 19 ของกรุงลอนดอน
เรื่องราวของพวกเธอเป็นอย่างไร ผมจะเล่าให้ฟังครับ
1
เรื่องราวของหญิงทั้งห้านี้ไม่ได้เริ่มต้นที่ลอนดอน หากแต่จุดจบอยู่ที่นี่ โดยเริ่มจากย่าน “ไวท์ชาเปล (Whitechapel)” ซึ่งเป็นย่านในลอนดอน ซึ่งอาจจะเรียกว่าเป็นย่านที่เสื่อมโทรมที่สุดแห่งหนึ่งในมหานครแห่งนี้ในช่วงเวลานั้น
ในสมัยช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ไวท์ชาเปลเป็นแหล่งที่อยู่ของครอบครัวที่ยากจนหลายครอบครัว ผู้อพยพ ชนชั้นแรงงาน และโจรขโมย ล้วนแต่มาอาศัยอยู่ในย่านนี้ เป็นย่านสลัมที่ถูกทอดทิ้งจากสังคม
และที่ไวท์ชาเปลนี่เอง ก็ได้กลายเป็นเวทีของคดีฆาตกรรมช็อกโลก เมื่อมีการพบร่างของ “แมรี แอนน์ นิโคลส์ (Mary Ann Nichols)” ซึ่งถูกหั่นเป็นส่วนๆ โดยพบร่างของนิโคลส์ในเช้าวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ.1888 (พ.ศ.2431)
และนี่คือปฐมบทเริ่มต้นของฆาตกรโหด “แจ็กเดอะริปเปอร์ (Jack the Ripper)”
ไวท์ชาเปล (Whitechapel)
ภายในเดือนต่อมา มีผู้พบศพหญิงสาวอีกสามรายบนถนนย่านเดียวกัน และต่างก็ถูกฆ่าอย่างสยดสยอง บางรายถูกผ่าและอวัยวะภายในหายไป บางรายถูกเชือดคอ อวัยวะถูกตัด
เหยื่อรายสุดท้ายของแจ็กเดอะริปเปอร์เกิดขึ้นในวันที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ.1888 (พ.ศ.2431) เมื่อได้มีการฆาตกรรม “แมรี เจน เคลลี (Mary Jane Kellly)“ ซึ่งถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมชนิดที่จำสภาพเดิมไม่ได้
เหตุสยดสยองเหล่านี้ทำให้ประชาชนในย่านไวท์ชาเปลหวาดกลัว อีกทั้งความจริงที่ว่ายังไม่สามารถจับตัวฆาตกรได้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นฆาตกร ก็ยิ่งทำให้ประชาชนทั้งลอนดอน ไม่เพียงแค่ไวท์ชาเปล ต่างตื่นกลัวและสนใจข่าวนี้
สำหรับเหยื่อทั้งห้านั้น ก็ล้วนมีบางอย่างที่เหมือนกัน นั่นคือทั้งหมดคือประชาชนที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นกลุ่มเปราะบาง มีฐานะต่ำกว่าระดับปานกลาง อยู่ในย่านเสื่อมโทรมของมหานครลอนดอน
เหยื่อทั้งห้าต้องดิ้นรนทำงานเพื่อประทังชีวิต แทบจะไม่มีเงินจ่ายค่าที่ซุกหัวนอน ในยามที่ไม่มีเงิน ก็ต้องนอนข้างถนน และหากไม่มีเหตุฆาตกรรม ก็คงไม่มีใครสนใจชีวิตของหญิงทั้งห้านี้
เหยื่อรายแรกอย่าง “แมรี แอนน์ นิโคลส์ (Mary Ann Nichols)” เกิดในปีค.ศ.1845 (พ.ศ.2388) และได้แต่งงานขณะมีอายุเพียง 18 ปี มีบุตรห้าคน ก่อนจะแยกทางกับสามี และประสบปัญหาติดสุรา
1
แมรี แอนน์ นิโคลส์ (Mary Ann Nichols)
เหยื่อรายต่อมาคือ “แอนนี แชปแมน (Annie Chapman)“
แชปแมนเกิดในปีค.ศ.1840 (พ.ศ.2383) และใช้ชีวิตไปๆ มาๆ ระหว่างลอนดอนกับเบิร์กเชอร์ ก่อนจะแต่งงานในปีค.ศ.1869 (พ.ศ.2412) และมีบุตร
แอนนี แชปแมน (Annie Chapman)
แต่ในเวลาต่อมา แชปแมนก็ต้องสูญเสียบุตร และก็ติดสุรา ทำให้ชีวิตครอบครัวพังทลาย และแชปแมนก็ต้องระหกระเหินเร่ร่อนจนมาปักหลักและพบจุดจบยังไวท์ชาเปล
“เอลิซาเบท สไตรด์ (Elizabeth Stride)” คือชาวสวีเดนที่อพยพมาอังกฤษ เกิดในปีค.ศ.1843 (พ.ศ.2386) และย้ายมาอังกฤษเมื่อมีอายุได้ 22 ปี และต้องดิ้นรนเพื่อเลี้ยงปากท้อง
เอลิซาเบท สไตรด์ (Elizabeth Stride)
“แคทเทอรีน เอ็ดโดวส์ (Catherine Eddowes)” เกิดในปีค.ศ.1842 (พ.ศ.2385) และเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่อายุ 15 ปี ก่อนจะมีบุตรกับชายคนหนึ่ง และก็ต้องดิ้นรนเพื่อเลี้ยงปากท้องเช่นกัน
แคทเทอรีน เอ็ดโดวส์ (Catherine Eddowes)
รายสุดท้ายคือ “แมรี เจน เคลลี (Mary Jane Kellly)“ วัย 25 ปี ซึ่งนับเป็นเหยื่อที่มีอายุน้อยที่สุดและลึกลับที่สุด
จากคำบอกเล่าของเคลลี เธออ้างว่าตนนั้นมาจากไอร์แลนด์และเวลส์ก่อนจะย้ายมาลอนดอน และเธอยังมีความหรูหราอย่างหนึ่งที่เหยื่อคนอื่นไม่มี นั่นคือเธอมีที่พักเป็นหลักแหล่ง โดยได้เช่าห้องที่มีเตียงนอน ซึ่งที่นี่เองจะเป็นที่ที่เธอจบชีวิต
หลายคนเชื่อว่าเหยื่อทั้งห้านี้คือโสเภณีที่ค้าบริการ หากแต่ความเป็นจริง มีเหยื่อเพียงสองคนเท่านั้นที่เคยค้าบริการ นั่นคือสไตรด์และเคลลี ส่วนที่เหลือนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องเลย
1
แมรี เจน เคลลี (Mary Jane Kellly)
การเหมารวมว่าเหยื่อทั้งห้าที่ยากจนนี้เกี่ยวข้องกับการค้าบริการ ก็สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองว่าสังคมในยุคนั้นมองคนยากจน คนเร่ร่อนอย่างไร
เมื่อมีการพบศพของแชปแมน ความหวาดกลัวก็กระจายไปทั่วลอนดอน เนื่องจากสภาพศพนั้นไม่ต่างจากเหยื่อรายแรก และตำรวจก็ลงความเห็นว่าฆาตกรคือคนคนเดียวกัน และก็ต้องลุ้นว่าใครจะเป็นเหยื่อรายต่อไป
ในช่วงปลายเดือนกันยายน ค.ศ.1888 (พ.ศ.2431) สำนักข่าวในลอนดอนได้รับจดหมายปริศนาที่เขียนด้วยหมึกสีแดง อ้างว่าตนคือฆาตกรที่ทุกคนกำลังตามตัว
จดหมายนั้นลงชื่อ “แจ็กเดอะริปเปอร์ (Jack the Ripper)”
จดหมายของแจ็กเดอะริปเปอร์
หนังสือพิมพ์ทุกฉบับลงข่าวและเรียกนามของฆาตกรตามชื่อที่ลงในจดหมาย เรื่องแจ็กเดอะริปเปอร์เป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ ไม่มีข่าวใดที่ผู้คนจะสนใจเกินกว่าข่าวแจ็กเดอะริปเปอร์
ในทุกวันนี้ ตัวตนของฆาตกรรายนี้ก็ยังคงเป็นปริศนา เกิดทฤษฎีสมคบคิดและรายชื่อผู้ต้องสงสัยมากมาย หากแต่ก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเป็นใครกันแน่
ในปัจจุบัน คดีนี้ผ่านมานานเกือบ 140 ปีแล้ว แต่คดีนี้ก็ยังคงเป็นที่เล่าขานและเป็นปริศนาและน่าจะเป็นปริศนาที่ไม่มีทางไขออก
โฆษณา