22 ม.ค. เวลา 02:09 • ประวัติศาสตร์

สงครามที่ใช้เงินน้อยที่สุดคือการปั่นหัวให้คนในชาติฆ่ากันเอง

แคว้นกาตาลุญญา
มารู้จักประวัติศาสตร์ของ แคว้นกาตาลุญญาทำความเข้าใจแนวคิดชาวคาตาลัน ในวันที่ต้องการเอกราชจากสเปน แคว้นกาตาลุญญาเป็นหนึ่งในเขตการปกครองที่มั่งคั่งที่สุดของสเปน เป็นแหล่งอุตสาหกรรมใหญ่ ประชาชนมีความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์และภาษาถิ่นของตัวเอง บวกกับประวัติศาสตร์ที่ย้อนกลับไปได้ถึงยุคกลาง ทำให้ชาวคาตาลันจำนวนมาก มองว่าตนเองเป็นประเทศที่แยกออกจากส่วนอื่นของสเปน และมีแนวคิดต้องการเป็นอิสระจากสเปนมากที่สุด
ความรู้สึกดังกล่าว มีที่มาจากความทรงจำสมัยระบอบการปกครองแบบเผด็จการของนายพลฟรังโก ซึ่งกดอัตลักษณ์ของชาวคาตาลัน ดังที่สะท้อนอยู่ในความไม่ชอบกันอย่างรุนแรงระหว่างทีมฟุตบอลเอฟซี บาร์เซโลนา และเรียลมาดริดในปัจจุบัน
ประชากรส่วนใหญ่ของแคว้นกาตาลุญญาอาศัยอยู่ในเมืองบาร์เซโลนา ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการเมืองและเศรษฐกิจ
ส่วนชายหาดคอสตาบราวาและคอสตาโดราดา ริมทะเลเมดิเตอเรเนียน รวมถึงเทือกเขาพิเรนีส ล้วนเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของยุโรป ส่วนภาคการผลิตของแคว้น ถูกพัฒนาขึ้นจากอุตสาหกรรมดั้งเดิมอย่างสิ่งทอ มารวมถึงอุตสาหกรรมเคมี อาหาร และเหล็กในปัจจุบัน ทำให้คาตาลูญญากลายเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญของสเปน ไปพร้อมกับการเติบโตในภาคธุรกิจบริการ
ประวัติศาสตร์
แคว้นคาตาลูญญาถือเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของสเปนมาตั้งแต่ก่อตั้งประเทศเมื่อศตวรรษที่ 15 จากการที่กษัตริย์เฟอร์ดินานด์ แห่งอารากอน และพระราชินีอิซาเบลลา แห่งคาสตีล ทรงอภิเษกสมรสกันและรวมดินแดนเป็นหนึ่งเดียว ทำให้ภูมิภาคนี้ผนึกเข้ากันเป็นรัฐเดียว จนกระทั่งในศตวรรษที่ 19 ซึ่งมีความพยายามฟื้นฟูอัตลักษณ์ความเป็นแคว้นคาตาลูญญาขึ้นมาใหม่ ทั้งในแง่ภาษาและวรรณกรรม จนนำไปสู่การรณรงค์เพื่อแยกส่วนการปกครอง และแยกดินแดน
การที่สเปนเปลี่ยนระบอบการปกครองมาเป็นสาธารณรัฐ เมื่อปี 1931 เปิดโอกาสให้แคว้นคาตาลูญญา ได้รับอิสระในการปกครองตนเองภายใต้กรอบกว้าง ๆ และแคว้นกาตาลุญญายังมีบทบาทสำคัญของฝ่ายนิยมสาธารณรัฐ ในช่วงสงครามกลางเมืองสเปนด้วย แต่เนื่องจากเมืองบาร์เซโลนาถูกกองทัพขวาจัดของนายพลฟรังโก ยึดครองเมื่อปี 1939 จึงนับเป็นจุดเริ่มต้นของช่วงที่แนวคิดต่อต้านแบบชาตินิยมของชาวคาตาลันถูกลดทอนลง
ภายใต้การปกครองแบบอนุรักษ์นิยมของนายพลฟรังโก แคว้นคาตาลูญญาถูกเพิกถอนสิทธิในการปกครองตนเอง รวมถึงถูกปิดกั้นแนวคิดชาตินิยมแบบคาตาลัน และห้ามใช้ภาษาท้องถิ่น ชาวคาตาลันจำนวนมากมองว่า แคว้นที่ร่ำรวยของตนต้องแบกรับค่าใช้จ่ายของรัฐบาลกลาง มากเกินกว่าผลประโยชน์ที่ได้รับกลับคืน และโทษว่าเป็นความผิดของรัฐบาลกลางที่ทำให้เกิดวิกฤตหนี้สินเมื่อปี 2008
สงครามที่ใช้เงินน้อยที่สุดคือการปั่นหัวให้คนในชาติฆ่ากันเอง
ข้อถกเถียงว่าด้วยเรื่องแยกดีหรือไม่แยกดีกว่า
ข้อเสนอหลักของฝ่ายสนับสนุนการประกาศอิสรภาพ นอกจากเรื่องประวัติศาสตร์ ก็คือการพยายามสร้างรัฐใหม่ที่สามารถออกแบบกลไกและระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพรองรับความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ ลดขั้นตอนยุ่งยากล่าช้าแบบราชการเดิม และป้องกันปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน
ดังที่ปรากฏเป็นกรณีอื้อฉาวมากมายในรัฐสภา รัฐบาล พรรคการเมืองสเปน โดยเสนอว่า การแก้ปมที่ยุ่งเหยิงนั้นยากกว่าการสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมด ส่วนฝ่ายคัดค้านมุ่งปมไปที่ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมที่ผูกพันกับคนสเปนในแคว้นต่างๆ และการสูญเสียสถานะรัฐใหญ่ในทวีปยุโรปหากแยกออกไปเป็นรัฐกาตาลุญญา
ข้อเท็จจริงทางสถิติคือ หากกาตาลุญญาแยกตัว จะกลายเป็นรัฐที่มีกำลังทางเศรษฐกิจอันดับ 34 ของโลก ใหญ่กว่าโปรตุเกสและฮ่องกง เนื่องจากผลิตภัณฑ์มวลรวมของแคว้นคิดเป็น 19 เปอร์เซ็นต์ของสเปน และมีอัตราการว่างงานต่ำ การแยกตัวจะสร้างความเสียหายให้กับสเปนมากกว่ากรณีสกอตแลนด์แยกออกจากอังกฤษถึงสองเท่า ปัจจุบันรายได้ต่อหัวของคนในแคว้นกาตาลุญญาสูงกว่าคนอิตาเลียนและอิสราเอล หากมีการแยกตัวก็จะเกิดการอพยพครั้งใหญ่ที่มีผลสะเทือนในทางเศรษฐกิจและการแย่งชิงโอกาสทางเศรษฐกิจอีกมากมาย
ปัญหาที่แฝงอยู่คือการต่อรองของรัฐบาลท้องถิ่นกับรัฐบาลกลางเรื่องส่วนแบ่งภาษีและการจัดสรรงบประมาณสู่ท้องถิ่น ปัญหาการคอร์รัปชัน วิธีการที่ชนชั้นนำทางการเมืองเลือกใช้ คือการปลุกกระแสชาตินิยมเพื่อกลบความคับแค้นใจของประชาชนที่มีมาตั้งแต่เมื่อมีการต้านนโยบายรัดเข็มขัดในปี 2012-2013 ซึ่งสะท้อนวิกฤตการเมืองในระบบตัวแทน และความเสื่อมถอยของพรรคการเมืองที่ไม่สนองมวลชน
“พวกประเทศเจ้าอาณานิคมมักจะวางระเบิดเวลาไว้ในประเทศอาณานิคมด้วยการแบ่งเขตแดนเสมอนั่นแหละ ที่บาร์เซโลน่าก็เป็นระเบิดอีกลูกเท่านั้นเอง” ชาวคาตาลัน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา