11 ก.พ. เวลา 04:00 • ธุรกิจ

ทำ TikTok เปลี่ยนเด็กบนขวด อยากให้ซีอิ๊วอยู่ไปอีก 200 ปี ‘เด็กสมบูรณ์’ ใต้ปีก ‘ท็อป-วสุพล’

บุก TikTok-เจอดราม่า-คว้าพีพีนั่งพรีเซนเตอร์! รีแคปสารพัดอย่างจากปาก “ท็อป-วสุพล” ทายาทรุ่นที่ 3 อาณาจักรหยั่นหว่อหยุ่น หลังนั่งแท่นผู้บริหารได้ 2 ปีเต็ม วางเป้าหมายใหญ่ อยากให้ “เด็กสมบูรณ์” เป็นแบรนด์ระดับโลก ยืนระยะยาวนานไปอีกร้อยปี
ไอศกรีมซีอิ๊วดำ อิ๊วโซดา จนมาถึง “ซีอิ๊วเม็ด” ทั้งหมดล้วนมี “ท็อป-วสุพล ตั้งสมบัติวิสิทธิ์” เป็นหนึ่งในคีย์แมนคนสำคัญ พาอาณาจักรเด็กสมบูรณ์ไปไกลกว่าการเป็นเครื่องปรุงหลังครัว จากความตั้งใจที่ทายาทรุ่นที่ 3 คนนี้ อยากให้ซีอิ๊วตราเด็กสมบูรณ์ใกล้ชิดกับผู้บริโภคมากขึ้น โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ที่อาจจะไม่ได้มีความผูกพันกับแบรนด์เหมือนคนเจเนอเรชันก่อนๆ มากนัก
นับจนถึงตอนนี้ทายาทเด็กสมบูรณ์เพิ่งลงสนาม TikTok ได้เพียง 3 เดือนเศษๆ เท่านั้น แม้จะเป็น Gen Z เหมือนกัน แต่ “วสุพล” ยังใหม่กับแพลตฟอร์มนี้อย่างมาก โดยจุดเริ่มต้นที่ทำให้หันมาเอาจริงเอาจังกับการทำการตลาดช่องทางนี้เกิดจากความไม่สม่ำเสมอของฐานแฟนคลับ เด็กสมบูรณ์ปั้นช่อง TikTok มาระยะหนึ่งแต่ยังขาดความต่อเนื่อง ประกอบกับตัว “วสุพล” อยากให้มีรูปแบบการนำเสนอที่เข้าใจง่าย จึงเปิดช่องเองเป็นของตัวเองและทำการสวมบทนักแสดงเข้าไปด้วย
ปรากฏว่า ลงคลิปแรกไปเพียงชั่วข้ามคืน ยอดวิวจนถึงตอนนี้พุ่งไปมากกว่า 7 ล้านครั้ง หลังจากนั้นก็เร่งทำต่ออีกเรื่อยๆ จนตอนนี้มีทั้งหมดเกือบๆ 15 คลิปแล้ว “วสุพล” บอกว่า ไม่ได้ต้องการรีเทิร์นในเชิงตัวเลขกลับไปหาแบรนด์ เป้าหมายคือทำอย่างไรให้แบรนด์เข้าใกล้ผู้บริโภคมากที่สุด หากพูดกันอย่างตรงไปตรงมา “เด็กสมบูรณ์” แข็งแรงในเชิงแบรนดิ้งอยู่แล้ว มีส่วนแบ่งตลาดสูงกว่า 80% ต่อเนื่องหลายปี
ในมุมมองคนรุ่นใหม่ “วสุพล” อยากรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าไว้ให้มากที่สุด สร้างบทสนทนาผ่านช่องทางอื่นๆ นอกจากเพจเฟซบุ๊ก เขาบอกว่า ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครได้คุยกับผู้บริหารเด็กสมบูรณ์แม้แต่น้อย เชื่อว่า ช่องทางเหล่านี้จะช่วยให้คนทำงานเข้าใจรากของปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในตลาดได้เป็นอย่างดี
2
“ผมอยากให้ธุรกิจของเรายืนไปอีก 100 ถึง 200 ปี เจเนอเรชันมีการเปลี่ยนแปลงตลอด คนเก่าหายไปจากโลก คนใหม่เกิดขึ้นมา สิ่งที่ผมตั้งเป้ามาโดยตลอดและคาดหวังมากๆ คือต่อให้ผมไม่อยู่หรือเกษียณไปแล้ว ธุรกิจต้องส่งให้เจนที่ 4 และเจนอื่นต่อไปได้ ทำอย่างไรเพื่อสร้างฐานลูกค้าใหม่ให้กับเขาในอีก 10 หรือ 20 ปี ในอนาคต”
ภายในระยะเวลาเพียง 3 เดือน กระแสของ “วสุพล” ขึ้นสุดลงสุดยิ่งกว่ารถไฟเหาะ แรกๆ ก็มีเสียงชื่นชมถึงความสดใหม่ในฐานะทายาทธุรกิจอายุเกือบร้อยปี ขณะเดียวกันก็ต้องรับมือกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ท่ามกลางสปอตไลต์ดวงใหญ่ไปพร้อมกัน
กระแสดราม่าน้ำจิ้มซีฟู้ดของ “วสุพล” สร้างบทสนทนาบนโลกโซเชียลหลากหลายแพลตฟอร์ม บ้างก็บอกว่า ไม่จริงใจกับผู้บริโภค หนักเข้าก็มีคำสบประมาทบอกว่า ธุรกิจจะพังทลายลงก็เพราะรุ่นลูก “วสุพล” บอกว่า ตนเป็นเพียงเด็กรุ่นใหม่ที่ตั้งใจทำงาน มีแพชชัน และมีมุมมองที่ต่างจากกรอบคิดเดิมๆ ยอมรับว่า แรกๆ ที่เจอดราม่าส่งผลต่อใจไม่น้อยเหมือนกัน เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ไม่ได้คาดคิดว่า จำนวนผู้ติดตามจะส่งผลกับการใช้ชีวิตหรือไม่อย่างไร
“ที่ผ่านมาอาจจะเคยเห็นดราม่าของผม เช่น กินน้ำจิ้มซีฟู้ดแล้วไม่โดนปาก มีหลายคอมเมนต์ในเชิงสบประมาทว่า เด็กรุ่นใหม่มาบริหาร เด็กอมมือรึเปล่า มาบริหารแบบนี้ที่พ่อแม่ทำมาพังหมดเพราะมึง มีแม้กระทั่งส่งข้อความหลังไมค์มาบอกว่า พ่อแม่ทำมาดีๆ มึงมาทำก็ปัง ปังปินาศหมด เราก็พยายามอธิบาย ยึดมั่นในสิ่งที่ทำ ครอบครัวเห็นก็บอกว่า ถ้าคนคอมเมนต์ได้ ด่าได้ ก็แปลว่า เขารู้จักเราแล้วแหละ ก็รู้สึกว่า เป็นอีกจุดที่ต้องรับมือให้ได้ ทำอะไรต้องระวังมากขึ้น”
ทายาทรุ่นที่ 3 คนนี้บอกว่า หน้าฉากอาจจะเห็นว่า คอนเทนต์ดังเปรี้ยงภายในพริบตา แต่กว่าจะออกมาเป็นผลลัพธ์เชิงประจักษ์ทุกอย่างไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ “วสุพล” ลงมือทำทุกอย่างเองตั้งแต่เขียนสคริปต์ไปจนถึงเช็กเทป
ซึ่งนอกจากคอนเทนต์ในช่อง TikTok เขายังเป็นคนนำเสนอ “พีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดชกร” เพื่อให้บอร์ดบริหารอนุมัติในฐานะพรีเซนเตอร์เด็กสมบูรณ์คนใหม่ล่าสุด เพราะแม้จะอยู่ในฐานะลูกชายคนโตเจ้าของบริษัท แต่หมวกอีกใบก็ยังเป็นคนทำงานที่จะคิดจะทำอะไรต้องผ่านการอนุมัติจากบอร์ดบริหารอยู่ดี โดยเฉพาะการ “ปรับใหญ่” ที่ต้องผ่านการวิเคราะห์ประมวลผลข้อมูลมาแล้วนับไม่ถ้วน
โฆษณา