8 ก.พ. เวลา 01:39 • ปรัชญา
พระนิพพาน นั้นเป็นสถานที่ของจิต ที่หลุดพ้นไม่ต้องมาเกิด เวียนว่ายตายเกิดอีก ก่อนเข้าพระนิพพาน ก็ต้องชำระสะสาง กายให้เป็นกายแก้ว สะอาดสะอ้านบริสุทธิ์ มีพระท่านเล่าเรื่อง ของจิต ที่ไม่ยึดกาย ท่านก็ขึ้นไปขั้นดาวดึงส์ พระเจอท้าวสักกะเทวราช ท้าวสักกะถามว่า ไหนๆขึ้นมาแล้ว จะเข้าไปแดนพระนิพพานมั้ย แล้วท้าวสักกกะ ก็หยิบ สิ่งหนึ่งทีถอดออกจากหน้าอก บอกว่า เมื่อออกมาแล้ว ก็มาเอากลับคืน ท่านก็ได่เล่าเรื่องของพระนิพพาน ที่เป็นเมืองแก้วให้ฟัง ที่ต้องชำระสะสางธาตุทั้งสี่นั้น ให้เป็นแก้วเจียไน
มีพระอรหันต์ หลายพระองค์ ท่านบรรลุธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ปฏิบัติธรรมตามรอยท่านปฏิบัติธรรมในป่า เข้าป่าไม่กลับออกมา เมื่อสำเร็จแล้ว ท่านก็ระลึกในพระคุณขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านก็ยังไม่ได้เข้าพระนิพพาน .
มีพระอรหันต์ บางองค์ท่านก็เรียกองค์ ท้าวสักกะเทวราชว่า เป็นปู่ของธรรม ..แล้วท่านก็ช่วยเหลือช่วยจัด เรื่องราวต่างๆ ให้ญาติโยม ทั้งทวยเทพ ในเรื่องราวของการสร้างบุญกุศลบารมี มีพระท่านเรียกว่า ผู้ที่เป็นมัคคทายกใหญ่ บำรุงศาสนา ..
ก็พระที่ท่าน อธิฐาน ..อยู่ต่อเพื่อพยุงศาสนา ช่วยเหลือจิต ที่ประพฤติปฏิบัติธรรม ตามรอยคำสอนพระพุทธเจ้า เพื่อหนีกรรม ท่านก็ช่วยเหลือแนะนำให้ ในเรื่องราวของการประพฤติปฏิบัติธรรม ช่วยเหลือด้วย แสงรัตนะที่ช่วยให้จิต มีแสงรัตนะ .เพื่อให้จิตนั้นมีปัญญาธรรม ชำระสะสางกรรม ที่อยู่กับธาตุทั้งสี่ ที่ท่านก็ปฏิบัติธรรมกันด้วยขันติเป็นบารมี
บางองค์ก็ไปอยู่ในที่หนาวเย็น นั่งแช่น้ำแข็ง เป็นวันๆ ท่านกระทำได้เพราะจ้ตนั้นสะสมบารมี มีขันติบารมี ชำระสะสาง ธาตุทั้งสี่ จนเป็นแก้วเจียรไน จิตที่บุญบารมี ..ไม่เพียงพอ ทำไม่ได้ ก็ออกมาจากป่า ไปเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ ปฏิบัติอย่างนั้นอย่าง เหมือนว่าทำได้ ส่วนผู้ที่ทำได้ ไปแล้วไม่กลับมาเกิดแก่เจ็บตายอีก
เรื่องราวที่เขียนมานี้ เราก็ฟังมาจากพระที่ท่าน แนะนำ สอนเราในเรื่องของการสร้างบุญกุศล การกราบพระ การสวดมนต์ การทำบุณ ท่านก็สอนตามที่พระสอนโยมสมัยต้นพุทธกาล พระสอนโยมให้สร้างบุญกุศลบารมีอย่างไร จึงจะช่วยให้จิตมีกายเป็น กายบุญ แล้วอาศัยกายบุญนั้นมาปฏิบัติธรรม ชำระสะสาง กรรมที่ธาตุทั่งสี่ท่่จิตนั้นสะสมมา จึงต้องเกิดตายๆ นับชาติไม่ได้
ท่านก็สอนให้ทำให้การเกิดมันน้อยลงไปๆ ..สะสมไป ..สะสมไปเพื่อไปเกิดในยุคหลวงพ่อองค์พระศรี ที่จะช่วยให้การชำระสะสางกรรมนั่นง่ายขึ้น เพราะมีแต่จิตที่สูง จะมาเกิดในยึดนั้น บรรลุธรรมด้วยความเมตตากรุณา ..ยุคพระสมณะโคดม ต้องใช้ขันติเป็นบารมี
..มีพระท่านเล่าให้ฟัง แล้วก็บอกว่า ให้หมั่นสร้างบุญสร้างกุศล หมั่นพิจารณา เรื่องราวกาย อารมณ์ จิต ทำให้เป็นนิจสิน โดยอาศัย ฝึกหัดกายนิ่ง จิตนิ่ง ..ที่จะช่วยให้มีปัญญาธรรม ทำกายนิ่งจิต..ให้ได้ ..ท่านบอกว่า จะเกิดปัญญาธรรมให้จิตได้เรียนรู้ เรื่องราวต่างๆ ในคำว่า มะโนทะศึกษา ที่จะสลัด เรื่องราวต่าง คัดเอ้าท์กรรมออกไปจากกายจากจิต.ให้จิตนั้นเบาบางจากกรรม
..บางที่เข้าสอนให้วิปัสสนา ..แต่พระท่านบอกว่า ยีงไม่ต้องไปวิปัสสนาอะไรหรอก นั่นมันพกอารมณ์มานึดมาคิดมาปรุงแต่ง ทำกายให้เป็นพระ กายนิ่ง จิตเฉย ..ถึงเวลาปฏิบัติธรรม ..นั่งนิ่ง จิตเฉย อะไรมันเกิดขึ้น ก็ทิ้งมันไปไม่ยึด นึกคิดอะไรไม่เอา ..ทิ้งมันไป ..ขัดกายขัดจิต ให้กายเป็นบุญ จิตมีธรรม เค้ากระทำขึ้นมา ด้วยคำว่า สัจจะ เป็นบารมี
เช่น สมมุติว่า จะนั่งพับเพียบ ปฏิบัติธรรม ห้านาที ครึ่งชั่วโมง ก็ทำให้ครบสามสิบนาที .ขาดไปวินาที ก็แสดงว่า ล้มเหลวทำไม่ได้ ตามที่ตนเองให้สัจจะที่จะกระทำ เวลามีความเจ็บปวดขึ้นมา นั่นมันทุกข์ ก็อย่าไปยึดมัน นั่งนิ่งๆ จิตเฉย ..นั่นเป็นเรื่องราวของการฝึกหัด การปฏิบัติตามรอยทั้งสี่ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
จิตดวงใดมีบุญกุศลบารมี ก็สามารถ ปฏิบัติธรรม ..อาราธนารอยทั้งสี่นี้ มากระทำได้ ..หากจิตไม่ได้สะสมบุญกุศลบารมี ..เค้าย่อมไม่สนใจที่จะประพฤติปฏิบัติธรรม ในรอยทั้งสี่นี้ได้ มองไม่ว่า ว่าจิตนั้นจะได้อะไร .เพราะจะมีเรื่องราว ที่คำว่า เป็นปัจจัตตังของจิตที่ประพฤติปฏิบัติธรรมนั้นเกิดขึ้น
..แล้วผู้ที่ไม่ปฏิบัติธรรม นันไม่ได้ฝึกหัด เค้าจะรู้จักมั้ย ว่าทำกายนิ่ง จิตนิ่ง เหมือนที่องค์พระสิทธัตถะไปกระทำในป่า นั่น จิต..ได้อะไร . เราก็ได้อาศัย ..เรื่องราวเหล่านี้ ที่พระท่านชี้ ให้ทำตรงนี้แหละ ทำให้ได้ กายนิ่ง จิตนิ่ง
บางคนไปนั่งนิ่งๆ กายนิ่ง ..แต่ท่องคาถาอาคม ..แล้ว นั่นเป็นจึตของผู้ที่ยึดกรรม เกิดตายไม่จบสิ้น เค้าบอกให้ละโลภโกรธหลง .ก็มัวนั่งท่องคาถาอาคม .แล้วจะมีธรรมที่ไหนไปสอนจ้ตได้ ..มีแต่พญามารช่วยส่งเสริม ให้อุปโลกน์เรื่องราวนี่นั่นให้หลงใหล จมอยู่กับกรรม
เรื่องราวที่มีพระบอกว่า พระพุทธเจ้า ท่านไม่ได้เขียนคำภีร์ตำรา ท่านฝากธรรมของท่านไว้กับ ดินฟ้าอากาศ ..ท่านไป ทำกายนิ่งจิตนิ่งในป่า พระสาวกท่านก็ทำตาม พระอานนท์ท่านก็ทำตามกายนิ่งจิตนิ่งได้ พระท่านก็ชี้บอกว่า ให้ฝึกหัดตรงนี้ ทำด้วยความนอบน้อมถ่อมตน กายนิ่งจิตนิ่งได้ ก็มีแสงของธรรมส่องลงมา ช่วยเหลือจิต ..ให้เกิดปัญญารู้จักกรรม แล้วก็หนีกรรม ด้วยการปลดเปลื้องอารมณ์กรรมตัวกระทำที่เกิดขึ้นที่กายกรรม นั่นออกไป ..
การจะยุติการเกิด นั่น ต้องอาศัยกายพ่อแม่เป็นมนุษย์ .อาการครบสามสิบสอง พร้อมด้วยสติปัญญา เรียบเรียงเหตุผล เรียกรู้จักว่า โลกนำพาจิตไปทางใด ธรรมนำพาจิตไปทางใด เมื่อเรียบเรียงเหตุผลที่ดี ก็นำกายวาจาใจมากระทำขึ้น เหมือนว่าไปฟังพระท่านสอนธรรม ก็ได้แต่รู้จักฟังธรรม เมื่อนำไปปฏิบัติขึ้น ..ท่านบอกว่า นี่รนแหละจะเป็นธรรม
..แล้วก็ต้องรู้จัก เรื่องราวของคำว่า ธาตุทั้งสองของคุณบิดามารดา ไม่ใช่แค่พูดได้ ว่า กตัญญูรู้คุณ ..แต่การกระทำไม่มีเลย เมื่อไม่มี ..คำว่า ..จิตมนุษย์รู้จักดีชั่วได้ จิตที่เป็นมนุษย์ก็ไม่เกิดขึ้น เราก็ดูได้ ..ยิ่งสมัยนี้ข่าว .คนทำร้ายทำลายพ่อแม่ มันมีบ่อย .เราก็เปรียบเทียบดู สุนัขที่แม่มันให้อุ้มท้องให้ในนมกิน พอโตขึ้นมันก็กัดแม่มัน แล้วผู้ที่ไปเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน เค้าจะมีจิตเป็นมนุษย์กับเค้ามั้ย
โฆษณา