รู้จัก “SINBAD” เทรนด์คนนิยมโสด เน้นทำงาน หาเงินเก่ง ซื้อความสุขให้ตัวเองได้ โดยไม่ต้องมีคู่
คุณยังโสดกันอยู่หรือเปล่าคะ?
ถ้าคุณยัง “โสด โสด อยู่ทางนี้” แน่นอนว่าต้องเคยมีคำถามคลาสสิกผุดขึ้นมาในหัว หรือมักจะโดนถามจากบรรดาเพื่อน หรือป้าข้างบ้านอย่างแน่นอน นั่นคือ เมื่อไหร่จะมีแฟน? เมื่อไหร่เจอคนที่ใช่สักที? ไม่อยากซื้อกุหลาบให้ตัวเองในวันวาเลนไทน์แล้ว แต่จะเก็บเงินให้รวยก่อน หรือหาแฟนก่อนดี แล้วถ้าเลือกได้คุณจะเลือกอะไร? ระหว่าง ‘ไม่มีคู่’ กับ ‘ไม่มีเงิน’
เชื่อว่าคนส่วนใหญ่มักจะตัดสินใจเลือก ‘ไม่มีคู่’ เพราะในยุคข้าวยากหมากแพง ราคาของทุกอย่างและค่าครองชีพปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง คงไม่มีใครอยากเลือกให้ตัวเอง ‘ไม่มีเงิน’ แล้วต้องพลอยทำให้ “คนรัก” ลำบากไปด้วยอย่างแน่นอน
สอดคล้องกับข้อมูลของ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เคยระบุว่า นอกจากสังคมไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงอายุ “ระดับสุดยอด” ที่มีประชากรอายุเกิน 60 ปีประมาณ 1 ใน 4 ของประชากรทั้งประเทศแล้วนั้น สังคมไทยกำลังกลายเป็นประเทศของ “คนโสด” เมื่อประเทศไทยมีคนโสดมากถึง 1 ใน 5 จากจำนวนประชากรทั้งหมด คิดเป็น 23.9% โดยที่ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเขตเมือง นอกจากนี้พบว่าคนวัยเจริญพันธุ์ช่วงอายุ 15-25 ปี เป็นโสดมากที่สุดกว่า 50.9%
จึงเป็นเรื่องเข้าใจได้ทันที หาก “เงิน” จะกลายเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ใครหลายคนตั้งใจทำงานเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว และทำให้ใช้ชีวิตในแต่ละวันได้อย่างราบรื่นแล้ว ยังเพิ่มโอกาสให้ตัวเองได้ใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการ หรือก็คือใช้เงิน “ซื้อความสุข” ได้ตามใจอยาก
นั่นจึงทำให้จำนวนคนไม่มีคู่ หันมาทุ่มเททำแต่งาน เพื่อจะได้มีเงินเอาไว้ซื้อความสุขใส่ตัวมีมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นเทรนด์ หรือคำจำกัดความใหม่ว่า “SINBAD” ซึ่งแตกต่างจาก “DINK” หรือคนมีคู่แต่ไม่มีลูกอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะในแง่มุมที่เกี่ยวข้องกับ ‘เรื่องเงิน’ ยิ่งต้องวางแผนให้รัดกุม เพื่อทำให้ตัวเองมีเงินซื้อความสุขได้ไม่สะดุด
- ●มนุษย์ SINBAD แบกตัวเองแบบนี้ สบายใจที่สุด
SINBAD (ซินแบด) ในที่นี้ ไม่ใช่ชื่อตัวละครผู้พิชิตคาบสมุทรทั้งเจ็ดในนิทานปรัมปรา แต่เป็นคำย่อเอาไว้ใช้เรียกกลุ่มคนวัยทำงานที่ยังโสด มาจากคำเต็ม ๆ ว่า Single Income, No Boyfriend, Absolutely Desperate หากแปลตรงตัว หมายถึง คนที่มีรายได้หลักช่องทางเดียวจากการทำงาน และดูเป็นคนน่าสิ้นหวังที่ไร้คู่ชีวิตเคียงข้าง
เพราะจุดเริ่มต้นของ SINBAD เกิดขึ้นหลังปี ค.ศ. 1980 ในยุคสมัยที่คนโสด โดยเฉพาะผู้หญิงอายุขึ้นเลขสามแต่ยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน มักจะถูกสังคมกดดันและจับจ้องถึงชีวิตในอนาคตว่าจะลงเอยอย่างไร? เพราะค่านิยมของสมัยก่อนถือว่าการสร้างครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญ
แวดวงการตลาดจึงคิดคำว่า SINBAD ขึ้นมา เพื่อจำกัดความและใช้เรียกกลุ่มคนโสดที่มีทุกอย่างพร้อม ทั้งงานและเงิน แต่ไม่มีความทะเยอทะยานหรือความอยากจะหาแฟนให้ตัวเอง
จนกระทั่งเข้าสู่ยุคสมัยที่ผู้คนเปิดกว้างมากขึ้น มุมมองต่อคนโสดจึงเปลี่ยนแปลงตาม คำว่า SINBAD ที่เคยแฝงความหมายเชิงลบ กลายเป็นคำกลาง ๆ ที่ใช้เรียกตัวเองหรือใครก็ได้ที่ภูมิใจกับความเป็นโสดเพราะมีเงินซื้อความสุขได้ทุกเมื่อ
จึงไม่แปลกที่ “คนโสด” ในปัจจุบัน จะไม่ใช่คนสิ้นหวังที่หาแฟนไม่ได้อีกต่อไป แต่พวกเขาจะรู้สึกสิ้นหวังมากกว่า หากหาเงินไม่พอซื้อความสุขให้ตัวเอง พฤติกรรมการใช้ชีวิตและใช้จ่ายในประจำวันของ SINBAD ตอนนี้ กลายเป็นเน้นความสบายใจที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใคร เพราะอยู่ได้สบายด้วยลำแข้งตัวเองแบบนี้ดีที่สุด
เพราะจากข้อมูล Credit Karma ยังเคยระบุว่า คู่รัก Gen Z และมิลเลนเนียลเลิกกันเพราะปัญหาเรื่องเงิน โดยคิดเป็น 33% และ 31% ตามลำดับ สำหรับชาวมิลเลนเนียล เรื่องเงินเป็นประเด็นที่ทำให้ทะเลาะกับคู่รักมากที่สุด มากกว่าประเด็นเรื่องการให้เวลากันและกัน การเลิกเล่นโทรศัพท์ จึงถือได้ว่า “เงิน” มีความสำคัญกับคนรุ่นใหม่มากจนหลายคนถึงกับสืบข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพของคู่เดท เพื่อดูว่าพวกเขามีรายได้เท่าไร
ทั้งนี้ กลุ่มคน SINBAD มักจะมีรายได้หลักจากการทำงานประจำ ซึ่งเป็นแหล่งรายได้ทางเดียว แม้จะเป็นเงินก้อนใหญ่ที่แลกมาด้วยความสามารถจากการทำงาน แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังไม่มีหลักประกันใดจะช่วยยืนยันได้ว่า งานที่กำลังทำอยู่มีความมั่นคงมากพอให้นิ่งนอนใจ มักเป็น Target ของสินค้ามูลค่าสูง เครื่องสำอาง สินค้าแบรนด์เนม และมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นลูกค้าประจำของแบรนด์เหล่านั้นในอนาคต
และเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงิน ให้พร้อมรับมือกับทุกการเปลี่ยนแปลงที่อาจส่งผลกระทบกับเงินในกระเป๋าซึ่งถือเป็นหนึ่งในความเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ภาวะเศรษฐกิจยังอยู่ในช่วงชะลอตัวหรือยังเติบโตได้ไม่เต็มที่ จึงจำเป็นต้องวางแผนการเงินให้รัดกุมมากที่สุด ตามแนวทางต่อไปนี้
1. คุมรายจ่ายให้น้อยกว่ารายรับเสมอ
2. เก็บเงินสำรองฉุกเฉิน พอให้ใช้จ่ายนาน 12 เดือน
3. วางแผนเกษียณแต่เนิ่น ๆ เพื่อชีวิตบั้นปลายที่สุขสบาย
เมื่อ SINBAD เลือกใช้เงินซื้อความสุข จึงมีข้อควรระวังที่จำเป็นต้องคำนึงถึงเสมอ นอกจากจะช่วยให้ใช้เงินได้อย่างสบายใจและสบายเงินในบัญชีแล้ว ยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาด้านการเงินตามมา
1. ประเมินจำนวนเงินก่อนใช้ ว่าต้องไม่เกินกำลังเพราะความสุขมีหลายราคา ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้เงินซื้ออะไรและใช้เงินเท่าไหร่? ดังนั้นควรมีการตั้งเป้าหมายการใช้เงินก่อนที่จะจ่ายออกไป
2. เงินเป็นสิ่งที่มีจำกัดและมีวันหมด เมื่อเงินไว้ใช้ซื้อความสุข ก็มักเป็นเงินที่ใช้แล้วหมดไป หมายถึง ไม่ก่อให้เกิดสิ่งตอบแทนเป็นผลกำไรที่ช่วยทำให้เงินที่จ่ายไปงอกเงย ดังนั้นต้องพึงตระหนักเสมอว่า เงินแม้หามาได้เท่าไหร่ หากไม่รู้จักเก็บก็มีวันหมดสิ้นเช่นกัน
3. ระวังตกหลุมพราง ไม่มีเงิน ไม่มีความสุข เมื่อความต้องการหรือความอยากได้อยากมีของคนเราไม่มีที่สิ้นสุด ยิ่ง SINBAD ใช้เงินซื้อความสุขมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้อยากจับจ่ายมากเท่านั้น
ดังนั้นแม้ว่า SINBAD จะทำงานเก่งและหาเงินได้มากแค่ไหน แต่เงินเป็นสิ่งที่ยิ่งใช้ยิ่งหมดไป และมีแนวโน้มว่า SINBAD ต้องแบกรับ ‘ภาษีคนโสด’ หมายความว่า ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันทั้งหมดเพียงลำพัง เพราะไม่มีคู่ชีวิตมาช่วยแบ่งเบาภาระตรงนี้ จึงจะดียิ่งกว่าหากมีหนทางที่ช่วยเพิ่มมูลค่าเงินที่หามาได้
โดยเฉพาะการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินและการลงทุนอย่างเหมาะสม ถือเป็นวิธีที่ ‘ให้เงินช่วยทำงาน’ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุน การสร้างอาชีพที่สอง หรือแม้กระทั่งการออมเพื่อตัวเองในอนาคต
ดังนั้น SINBAD จำเป็นต้องสำรวจความพร้อมของเงิน และความต้องการของตัวเองทุกครั้ง ก่อนตัดสินใจลงทุน เพื่อเป้าหมายเดียวที่สำคัญที่สุดของ SINBAD นั่นคือ มีความสุขในการใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการ โดยไร้กังวลเรื่องรายรับและรายจ่าย "ไม่มีแฟนก็ไม่อดตายหากรู้จักตัวเอง และใช้จ่ายอย่างพอดี"
มีสตางค์นี่มันช่างดี เหลือเกิน มีสตางค์จะทำอะไร ก็เพลินจะตาย ไม่ต้องดิ้นต้องรน จะนกจะไม้ จะเอาอะไรก็ชี้ สุขสันต์วันวาเลนไทน์...
อ้างอิง lifetolife , SET , campaignindia , creditkarma
ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
