4 มี.ค. เวลา 10:58 • ปรัชญา
ความจริงเรื่องนรกสวรรค์ เค้าก็ไม่ได้ ปิดบังอะไร เพียงแต่ว่า กายของเรามันมีกรรม ที่กว่ากายกรรม เค้าชี้ทางให้ มาทางนี้ๆ นำกายวาจาใจ ..มาสร้างบุญบารมีให้เกิดขึ้น พอกายเรา เป็นกายบุญ คนมีบุญ เราก็จะได้เรียนรู้จัก เรื่องราวนรกสวรรค์ .ง แต่นั่นแหละ เค้าบอกว่า ให้นำกายมาสร้างบุญกุศล ..ก็ไม่อาจจะทำได้ ..คนมีกรรม ก็ต้องอยู่กับกรรมต่อไป ..ทำมาหากินไป กินกับนอน นานวัน ก็แก่เจ็บตาย เป็นธามชาติของผู้มีกรรม ..
เมื่ออยู่กับกรรม..ก็ไม่รู้จักกรรม.. ก็ใช้อารมณ์กรรม ไม่ว่างเว้นได้เลย ช..ก็มีแต่อารมณ์กรรมอารมณ์นึกคิด ยึดอยู่อย่างนั้น ขันธ์ห้า ที่ขยุ้มจิต เหมือนอยู่ในอุ้งมือมาร..จิตเค้ากต้องถูกขยุ้มอยู่อย่างนั้น ..จามแต่ว่า เค้าจะขยุ้ม ..พาจิตนั้นไป .แล้วเค้าบอกว่า อยากจะรู้จักเรื่องนรกสวรรค์ ก็ให้รวบรวมจิต ให้ได้ เหมือนเขีย สิ่งที่ขยุ้มนั้นออกไปสิ่งที่ปิดบังนั้นออกไป ก็จะค่อยรับรู้ จิตรับรู้ .สัมผัส ในเรื่องราวนรกสวรรค์.นั่นก็คือ จิตต้องช่วยเหลือตัวเอง ผ่านพ้น สิ่งที่ขยุกขยิกจิตนันออกไป ปัดกวาดมันออกไป
เพราะฉะนั้น เมื่อไปพูดคำว่า นรก สวรรค์ ..มันก็เป็นเรื่องราวเหมือนสิ่งที่ใกล้เกินจะเรียนรู้ ..เพราะจิตนั้น ปฏิเสธที่จะสร้างบุญกุศลบารมี ปฏิเสธที่จะลงมือ .ปฏิบัติ ..เห็นว่า ไม่มีความสำคัญอะไรแก่จิตของตนเอง ..คล้ายว่า เป็นเรื่องไร้สาระ แล้วยังดูหมิ่ดูแคลน ปิดบังจ้ตของตัวเอง ที่ตะเรียนรู้ เรื่องราวพวกนี้ เค้าไม่ได้ยอกให้เชื่อ เค้าบอกว่า ให้ปฏิบัติธรรมไป ทำไป ให้ถูกวิธี ..ก็จะได้เรียนรู้จัก ในสิ่งที่เป็นนามธรรม ที่ต้องอาศัยคำว่า จิต..ที่เป็นนามธรรม ไปเรียนรู้จักเรื่องราวเหล่านี้
โฆษณา