6 มี.ค. เวลา 03:33 • หุ้น & เศรษฐกิจ

เพราะโลกขับเคลื่อนด้วยความโลภ เเละความกลัว บทเรียนจาก Tulip Mania

Tulip Mania หรือ "ภาวะฟองสบู่ดอกทิวลิป" เป็นหนึ่งภาวะฟองสบู่ครั้งเเรกในประวัติศาสร์โลก ที่เกิดขึ้นในประเทศเนเธอร์เเลนด์ เเละให้บทเรียนอันเลวร้ายให้กับผู้คนหลายคน ที่มีความโลภ เเละความกลัว วันนี้ผู้เขียนจะมาเล่า วิกกฤตทางเศรษฐกิจ ครั้งนี้ให้เพื่อนๆผู้อ่านได้ฟังกันนะครับ
ในฤดูหนาวปี 1637 ในเมืองอัมสเตอร์ดัม เมืองหลวงในประเทศที่สวยงามอย่างเนเธอร์เเลนด์ ถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาวโพลน อากาศที่หนาวเน็บนั้น ไม่สามารถซ่อนความในใจอันร้อนระอุของชาวเมืองได้ ความบ้าคลั่งที่โลกไม่เคยเห็นมาก่อน
ภาพวาด Allegory on Tulipmania (สัญลักษณ์นิทัศน์ว่าด้วยภาวะฟองสบู่ทิวลิป) ของ Jan Brueghel the Younger ที่วาดในปี 1640 ใช้การเสียดสีปรากฎการณ์ทิวลิปมาเนีย โดยเเสดงภาพนักเก็งกำไรเป็น ลิงที่โง่เขลา
จุดเริ่มต้น : จากดอกไม้สู่สัญลักษณ์เเห่งความร่ำรวย
ทุกอย่างเริ่มจาก "Semper Augustus Tulip" ดอกทิวลิปสายพันธุ์หายากที่มีกลีบสีเเดงฉานตัดกลับกลีบสีขาวสวยงามราวกับมีจิตรกรชื่อดังวาดลวดลายลงไป เชื่อกันว่ามีไวรัสชนิดหนึ่งทำให้มันสวยงามเเปลกตา ทิวลิปพันธุ์นี้จึงการเป็นของสะสมที่นิยมของเศรษฐี เเละไม่ยานนัก พ่อค้า เเม่ค้า ชาวสวน เเม้เเต่ช่างทำของรองเท้าก็เริ่มเเห่งซื้อหัวทิวลิปด้วยความหวังภายในใจว่า... "วันหนึ่ง สิ่งนี้มันจะกลายเป็นทองคำ"
ตลาดการซื้อขายหัวดอกทิวลิปเฟื่องฟูใน โรงเตี๊ยม ผู้คนเเลกเปลี่ยน ด้วยการใช้ "สัญญาซื้อขายล่วงหน้า" หรือ "Future" บนกระดาษเปล่า เเทนที่จะใช้ดอกทิวลิปจริง มีบางคนขายบ้าน ขายที่ดิน บ้างก็ขายฝูงเเกะที่ตนเลี้ยงเพื่อซื้อดอกทิวลิปเพี่ยงไม่กี่หัว เเละผู้คนเหล่านั้นเชื่อว่า "ราคาจะขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่มีวันตก!"
ดอกทิวลิปสายพันธุ์ Semper Augustus
จุดสูงสุดของวิกฤต : ราคาบ้าน = ทิวลิป 1 หัว
เล่ากันว่า ในคืนหนึงในปี 1636 ชายคนหนึ่งชื่อ วิลเล็ม ตัวสินใจขายบ้านหลังงามริมคลองเพื่อซื้อดอกทิวลิปสายพันธุ์หายากนี้ เพียงเเค่ 1 หัว ภรรยาของเขาร้องไห้คร่ำครวญ เเต่เขามั่นใจว่า " อีกไม่นาน เราจะมีบ้านหลังใหญ่ขึ้น"
เเต่สิ่งที่คิดกลับไม่ใช่ สิ่งที่ฝัน ตลาดทิวลิป เป็นเกมเเห่งความโลภ เเละความกลัวที่จะพลาดโอาส
จุดจบ : หิมะที่ละลาย ฟองสบู่ที่เเตก
เช้าวันหนึ่งของเดือนกุมภาพันธ์ 1637 ที่ตลาดฮาร์เลม นักซื้อรายใหญ่ปฎิเสธจ่ายเงินตามสัญญาซื้อทิวลิป 5 หัว ข่าวลือเริ่มเเพร่สะพัด "ไม่มีใครต้องการดอกทิวลิปอีกเเล้ว!"
ภายในสัปดาห์เดียว ราคาดอกทิวลิปร่วงลงไป 95 เปอร์เซ็น จาดสัญญาการซื้อขายล่วงหน้า ราคาสินค้าที่เคยมีค่า กับกลายเป็นเพียงเศษกระดาษ วิลเล็ม พยายามขายหัวทิวลิปคืน เเต่กลับไม่ไมีผู้ใดซื้อเเม้เเต่ในราคา 1 ใน 10 ของเขาที่เขาซื้อมา บ้านหลังเก่าถูกยึด ภรรยาหนีหายไปกับคนรักเก่า จุดจบอันน่าเศร้า เศรษฐีกลายเป็นยาจก พ่อค้าที่เคยสวมเสื้อเเพรไหม สวยงามกลับต้องใช้ชีวิตในกระท่อมโทรม โรงเตี๊ยมที่เคยคึกคักกลับเงียบเหงา รัฐบาลต้องออกกฎหมายพิเศษ ยกเลิกสัญญาการซ์้อขายทั้งหมด เพราะไม่มีใครจ่ายหนี้ไหว
เเต่ที่น่าสนใจ... เศรษฐกิจดัตซ์กลับไม่พังทลาย
ผู้ที่ไม่ได้เล่นเกมดอกทิวลิปยังคงดำเนินชีวิตต่อไปตามปกติ ชาวประมงยังคงออกเรือ ช่างยังคงทอผ้า คนจนที่ไม่มีเงินที่จะเก็งกำไร ... กลับรอดพ้นจากวิกกฤษ
ราคาดอกทิวลิปที่ล่วงลงมาจากจุดสูงสุด สู่จุดต่ำสุดอีกครั้ง
บทเรียนส่งท้าย
1. เราควรเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีมูลค่าพื้นฐาน (Intrinsic Value)
2. ในตลาดที่เราควรเลือกลงทุนนั้น ควรมีกฏหมายควบคุมตลาดล่วงหน้าเพื่อป้องกันการฉ้อโกง
3. การควบคุมอารมณ์ FOMO "fear of missing out" กลัวที่จะตกรถ กลัวที่จะไม่รวยเหมือนคนอื่น ทำให้ความโลภ เเละความกลัว กลับครอบงำ จิตใจของเรา ทำให้เราตัดสินใจที่ผิดผลาด เหมื่อนกับ วิลเล็ม เเละคนอืนๆ ที่เข้ามาเก็งกำไรในดอกทิวลิป
โดยมีคำของ ปู่ Warren Buffett กล่าวไว้ว่า
"ตลาดถูกขับเคลื่อนโดยความโลภเเละความกลัว ... เเต่คนฉลาดคือคนที่รู้จักเดินทวนกระเเส"
โฆษณา