10 มี.ค. เวลา 08:12 • หุ้น & เศรษฐกิจ

Slippage ฝันร้ายของเทรดเดอร์เเละวิธีรับมือกับมัน

Slippage คือความแตกต่างระหว่าง ราคาที่คาดหวัง กับ ราคาที่การเทรดถูกดำเนินการจริง ซึ่งมักเกิดขึ้นในตลาดที่มีความผันผวนสูงหรือสภาพคล่องต่ำ สิ่งนี้อาจทำให้เทรดเดอร์เสียเปรียบ โดยเฉพาะเมื่อเทรดด้วยหุ่นยนต์ หรือ Algo trade เเละ การเทรดในช่วงข่าวสำคัญอย่างเช่น การประกาศดอกเบี้ย หรือ NFP ( Non-Farm Payrolls) วันนี้เราจะมาดูสาเหตุ ผลกระทบ และวิธีลดความเสี่ยงจาก Slippage นะครับ
ประเภทของ Slippage มี 2 ประเภท
1.Negative slippage : การเทรดถูกดำเนินการที่ราคาแย่กว่าที่ตั้งไว้ (เช่น ซื้อแพงขึ้นหรือขายถูกลง) เป็นผลเสีย ทำให้เทรดเดอร์ขาดทุนได้ เพราะได้ราคาที่เเย่กว่าที่คาดไว้
2.Positive slippage : การเทรดได้ราคาที่ดีขึ้นกว่าที่คาดไว้ เช่น เหมือนการตั้นใจซื้อของเเพง เเต่ราคาถูกลง Positive slippage เป็นผลดีของเทรดเดอร์
สาเหตุ ของ Slippage
1.ความผันผวนของตลาด (Market Volatility) เช่น การประกาศข่าวทางเศรษฐกิจ เช่น การประกาศอัตราดอกเบี้ย Fed
2.สภาพคล่องที่ต่ำ (Low Liquidity) เช่น การเทรดในสินทรัพย์ที่คนไม่ค่อยเทรด อย่างเช่น USD/THB ค่าเงินของประเทศไทย
3.ความเร็วของโบรกเกอร์ (Broker Execution Speed) เช่นการใช้โบรกเกอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือ การประมวลผลที่ช้าของ โบรกเกอร์
FED ประกาศดอกเบี้ยทำให้เกิด Slippage ในตลาด
ตัวอย่างเหตุการ์ณ เกิด Slippage
1. Flash Crash ปี 2010 : ราคา ดัชชี Dow Jones ตก 9 เปอร์เซ็น ทำให้นักลงทุน ขาดทุนหนัก จากการตกลงของราคา
2. GBP/USD ตกฮวบปี 2016 : การขาดทุนในตลาด Forex จากเหตุการ์ณ Brexit คือ อังกฤษ ออกจาก EU
เหตุการ์ณ Dow jones ล่วงเเละ Brexit ทำให้เกิด Slippage มหาศาล
ผลกระทบ ของ Slippage ในการเทรดรูปเเบบต่างๆ
1. การเทรดเเบบ Scalping เเละ HFT การเทรดความเร็วสูงหากเกิด Slippage เพียงเเค่ 0.1 pips ก็ทำให้ขาดทุนได้
2. STOP LOSS การโดน Slippage อาจทำให้ การเทรด โดน Slippage เกี่ยว stop loss ทำให้ขาดทุนได้เพียงเเค่ไม่กี่วินาที
3. Big order การเทรดในสถาบันการเงินใหญ่ๆ ทำให้เวลาออกออร์เดอร์ทำให้เกิด Slippage มหาศาลได้
วิธีการรับมือ กับ Slippage
1. เลี่ยงการเทรดชนข่าว เช่น FED ประกาศดอกเบี้ย หรือ NFP
2. เลือกตลาดที่มีสภาพคล่องสูง ทำให้เกิด Slippage น้อย เช่น ค่าเงิน EUR/USD หรือ USD/JPY
3. การเลือกใช้โบรกเกอร์ที่มีบัญชี ECN (โบรกเกอร์ที่เชื่อมต่อตลาดโดยตรง) เช่น IC market หรือ Paper Stone
4. Back test กลยุทธ์ ที่เราสามารถรับมือกับ สภาวะการเกิด Slippage ได้
Slippage เป็นความเสี่ยงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การเตรียมพร้อมและเลือกเครื่องมือเหมาะสมจะช่วยลดผลกระทบได้ ศึกษาพฤติกรรมตลาด ใช้คำสั่งเทรดอย่างชาญฉลาด และทดสอบกลยุทธ์ หรือ Back Test ระบบให้เจอกับสภาวะเเย่ๆในตลาด ก่อนลงทุนจริง
โฆษณา