15 เม.ย. เวลา 10:04 • ธุรกิจ

‘ครีมภูเขาในตำนาน’ โกยยอดขายเฉียดร้อยล้าน ขายครีมผ่านความทรงจำ คนแก่ยังคิดถึงวัยรุ่นเริ่มใช้ตามแม่

ครีมภูเขาในตำนานกลับมาแล้ว! คุยกับ “ก้อย-สุธีตา” เริ่มจากทำครีมซอง สู่การปลุกปั้นชุบชีวิตครีมภูเขาอีกครั้ง ชี้ ขายความทรงจำคือสิ่งที่คนอื่นสู้ไม่ได้ ยอดขายในห้างโตเฉียด 3,800% ต่างชาติเริ่มสนใจ-เล็งขยายเพิ่ม แง้มปีนี้แตกแบรนด์เครื่องสำอางผู้สูงอายุเสริมพอร์ตด้วย
สำหรับเด็กรุ่นใหม่ “ครีมภูเขา” อาจเป็นชื่อที่ไม่คุ้นหูนัก แต่ถ้าเป็นคนรุ่น Baby Boomers หรือ Gen X เป็นต้นไป ครีมภูเขาแทบจะเป็นของสามัญประจำบ้านที่ต้องมีติดตัวไว้ไม่ห่าง เป็นที่รู้กันว่า นี่คือครีมสารพัดประโยชน์ที่มีสัมผัสแน่นหนึบ ลดอาการระคายเคืองแห้งแตกของผิวได้เป็นปลิดทิ้ง แต่หลายสิบปีที่ผ่านมา ครีมภูเขาหายไปจากตลาดอย่างไร้ร่องรอย
จนไม่นานมานี้โลโก้ภูเขาไฟฟูจิที่คุ้นเคยกลับมาอีกครั้งบนชั้นวางร้านค้าโมเดิร์นเทรด ครั้งนี้ครีมภูเขาผลิตและจัดจำหน่ายภายใต้ “บริษัท ฟูจิครีมดอทคอม จำกัด” โดยมี “ก้อย-สุธีตา บุนนาค” ปลุกกระแส Nostalgia ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
“ครีมภูเขา” หรือ “Hazel Snow Cream” กลับมาวางขายในไทยได้ 3 ปีแล้ว โดย “สุธีตา” บอกกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่าเธอคลุกคลีในวงการสกินแคร์มา 18 ปีเต็ม ล้มลุกคลุกคลานจากการทำครีมซองวางขายในร้านสะดวกซื้อ เคยขายไม่ได้เลยจนเกือบจะต้องโละสินค้าออกจากเชลฟ์ แต่หากย้อนไปไกลกว่านั้น สุธีตาสั่งสมความรู้ด้านการตลาด แพลตฟอร์มออนไลน์ และการทำเว็บไซต์มาตั้งแต่เรียนจบหมาดๆ โดยเธอนี่เอง คือหนึ่งในทีมแอดมินเว็บไซต์ Dek-D บอร์ดอันดับต้นๆ ของเด็กยุค 2000s ทำให้มีประสบการณ์ในการงัดแงะอินไซต์ผู้บริโภคบนโลกออนไลน์เป็นอย่างดี
เจ้าของครีมภูเขาเริ่มต้นเส้นทางผู้ประกอบการจากการเรียนจบคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ค่อยๆ สั่งสมองค์ความรู้จากการทำเว็บไซต์ ออกแบบกราฟิกดีไซน์ ตลอดจนการทำ SEO ด้วยการรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ รับหน้าที่ดูแล “Dek-D” บอร์ดเว็บไซต์วัยรุ่นอันดับต้นๆ ในช่วงเวลานั้น จำนวนกระทู้ที่เคยดูแลมากที่สุดสูงถึง 3-4 หมื่นกระทู้ต่อวัน ทำให้เธอได้เรียนรู้การเก็บอินไซต์ผู้บริโภคไปในตัวจนนำมาต่อยอดสู่รูปแบบสินค้าได้
แต่ก่อนจะมาเจอกับครีมภูเขา “สุธีตา” เริ่มด้วยการขายครีมซองผ่านช่องทางออนไลน์ รวมถึงวางขายตามร้านสะดวกซื้อและร้านค้าโมเดิร์นเทรด เธอเล่าย้อนกลับไปว่า ช่วงนั้นล้มมาก็เยอะ ไม่ได้ขายดีตั้งแต่วันแรก แถมยังมาเจอกับมรสุมคุณแม่ล้มป่วยจนต้องเข้าผ่าตัดใหญ่ โดยส่วนตัวสุธีตาชื่นชอบสกินแคร์แนวเกาหลี-ญี่ปุ่นอยู่แล้ว จึงคิดทำครีมไข่มุกผสมสาหร่ายและชาเขียววางขายก่อนแต่ก็ยังไม่สามารถเจาะตลาดได้ ยอดขายเริ่มลดลงเรื่อยๆ กระทั่งตัดสินใจเปลี่ยนเป็นโปรดักต์ครีมหอยทากผสมอโลเวร่า
เธอเล่าอย่างตรงไปตรงมาว่า แม้จะเปลี่ยนสูตรมาเรื่อยๆ แต่ยอดขายก็ยังไม่โตสักที จนมาเจอกับจุดเปลี่ยนสำคัญเมื่อได้เข้าไปวางขายในร้าน “เซเว่นอีเลฟเว่น” (7-Eleven) ซึ่งโดยปกติหากเป็นสินค้า SMEs ทางเซเว่นฯ จะมีทีมพัฒนาสินค้าคู่ขนานไปกับเจ้าของแบรนด์อยู่แล้ว ทั้งการแนะนำขนาดสินค้า ราคาขาย รูปแบบโปรดักต์ ฯลฯ แต่ถึงอย่างนั้นยอดขายก็ยังทรงตัว จนเธอเองก็เริ่มถอดใจและคิดว่า ถ้าเลิกขาย-โดนโละของออกก็ไม่เป็นไรเพราะเตรียมใจไว้อยู่แล้ว
ผลที่คิดไว้ผิดคาด คืนนั้นราวๆ สองทุ่ม ทีมเซเว่นอีเลฟเว่นโทรแจ้งความคืบหน้ากับสุธีตาว่า ครีมหอยทากผสมอโลเวร่าขายดีแบบ New High จนมีการขอให้เติมสต๊อก 1 ล้านซองทันที ซึ่งต่อมาธุรกิจครีมซองหอยทากของสุธีตาพุ่งทะยานสู่ความสำเร็จ สร้างยอดขาย “20 ล้านซอง” ภายใน 1 ปี กลายเป็นประตูบานใหญ่ให้สุธีตาเดินหน้าสู่วงการบิวตี้เต็มตัว
หลังจากนั้นแม้ว่าครีมซองจะยอดขายดีมาตลอด แต่สุธีตามองว่า สกินแคร์เป็นสินค้ากระแส ใช้ “Emotional” นำทาง ไม่ใช่ปัจจัยสี่ บริษัทต้องปรับตัวให้ธุรกิจมีมูฟเมนต์ตลอดเวลา ขายดีอยู่แล้วไม่ได้แปลว่าจะหยุดทำสิ่งใหม่ได้ ประกอบกับวอลุ่มในการขายครีมซองที่เธอยอมรับว่า ต้องใช้ความพยายามค่อนข้างมาก ขายครีมหลายสิบซอง เทียบเท่ากับการขายครีมเพียง 1 กระปุก รวมถึงกระแสวินเทจหวนคิดถึงอดีตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นำมาสู่การถือกำเนิดขึ้นอีกครั้งของครีมภูเขาในตำนาน
“ก้อยมองครีมภูเขาเป็นครีมที่เราไม่ได้แข่งแค่นวัตกรรม แต่มีแก่นที่คนอื่นสู้ไม่ได้คือความทรงจำ คือ Emotional ที่อยู่ในครีม คือการส่งต่อความงามจากรุ่นสู่รุ่น ความปรารถนาดีของแม่ ของยาย ก้อยว่า ตัวนี้เป็น Core มากๆ ทำให้ครีมเรามีความแตกต่าง ใช้แล้วคิดถึงอดีต ใช้แล้วมีความสุขเมื่อหวนคิดถึงว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่คุณยายคุณแม่เคยทาให้ แล้วมันก็คือครีมสามัญประจำบ้านในอดีต เรามีความสุขกับจุดนี้นอกจากการแข่งในแง่นวัตกรรมด้วย”
กลยุทธ์ของ “ครีมภูเขา” ภายใต้การนำทัพครั้งใหม่ของ “ก้อย-สุธีตา” เกิดขึ้นมาได้ราวๆ 3 ปีที่แล้ว กลุ่มเป้าหมายที่แบรนด์ตั้งไว้ คือกลุ่มผู้สูงอายุที่คุ้นเคยกับแบรนด์ โดยก่อนหน้านี้ครีมภูเขาหายไปจากตลาดหลายสิบปีแล้ว พอกลับมาขายด้วยรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย จากขวดแก้วเป็นบรรจุภัณฑ์พลาสติก แต่ยังโดดเด่นด้วยคำว่า “Hazel Snow Cream” พร้อมรูปภูเขาไฟฟูจิขนาบข้าง ทำให้ครีมภูเขาเติบโตอย่างรวดเร็วผ่านการบอกต่อ
ด้วยสังคมสูงวัยในประเทศไทยตอนนี้ ทำให้ “ครีมภูเขา” กลับมาติดตลาดเร็วกว่าที่คาด ตรงกับสิ่งที่สุธีตาคิดไว้ตั้งแต่คิดทำครีมภูเขา เธอมองว่า ตลาดสกินแคร์ตอนนี้มีหลายร้อยหลายพันแบรนด์ให้เลือก แข่งขันกันที่นวัตกรรมและสารสกัดใหม่ๆ แต่จะมีสักกี่แบรนด์ที่ยังอยู่ในความทรงจำของลูกค้า ครีมภูเขาจึงไม่ต้องผ่านการบรรยายสรรพคุณมากมาย เป็นจุดแข็งที่ทำให้คว้าชัยชนะมาได้
#กรุงเทพธุรกิจ #InsightforOpportunities #กรุงเทพธุรกิจBusiness
โฆษณา