25 มี.ค. เวลา 08:00 • ธุรกิจ

ขายขนม ‘The Rolling Pinn’ โตไม่หยุดตัวจุดกระแส ‘ช็อกโกแลตดูไบ’ ทำเดือนละ 4 หมื่นชิ้น ก็หมดเกลี้ยง!

นี่คือเจ้าแม่ช็อกโกแลตดูไบเมืองไทย! คุยกับ “พิณ เจนวัฒนวิทย์” เจ้าของแบรนด์ “The Rolling Pinn” โด่งดังจากเค้กกลิตเตอร์-ช็อกโกแลตดูไบ-ช็อกโกเจมส์ ฝึกทำขนมมา 18 ปี จนมีหน้าร้านเป็นของตัวเอง ตั้งเป้าปีนี้โตขึ้นสองเท่า วางเป้าขยายไปต่างประเทศเร็วๆ นี้
คงไม่เกินจริงไปนักหากจะบอกว่า “ช็อกโกแลตดูไบ” คือหนึ่งในเมนูยอดฮิตแห่งปี 2567 เพราะไม่ว่าจะเป็นร้านขนมหวานขึ้นห้างหรือแม้แต่แผงขายเบเกอรีตามท้องตลาด เมนูช็อกโกแลตสอดไส้พิสตาชิโอก็ยังได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง
ในระดับโลก “ช็อกโกแลตดูไบ” เป็นไวรัลครั้งแรกจากคอนเทนต์ในแอแพลิเคชัน TikTok ส่วนในไทยพบว่า ร้านแรกๆ ที่รับกระแสดังกล่าวมาต่อยอดจนขายดีสุดเพดานการผลิต คือ “The Rolling Pinn” แบรนด์ที่ถูกยกให้เป็นร้านขนมหวานสุดเซ็กซี่ที่สุดในห้วงเวลานี้
ไม่ใช่แค่กระแสช็อกโกแลตดูไบเท่านั้น แต่ “The Rolling Pinn” ของ “พิณ เจนวัฒนวิทย์” เคยสร้างปรากฏการณ์มาแล้วจาก “Glitter Queen Cake” เค้กกลิตเตอร์ฟุ้งกระจายที่มียอดผู้เข้าชมคอนเทนต์ดังกล่าวมากกว่า 36 ล้านวิว และเร็วๆ นี้กับเมนู “Choco Gems” ช็อกโกแลตเคลือบเบอร์รี่ที่เจ้าตัวบอกกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า กำลังการผลิตตอนนี้อยู่ที่ 12,000 ชิ้นต่อวัน ทำได้มากสุดวันละ 1,000 กล่อง และแน่นอนว่า ขายหมดเกลี้ยงแทบทุกวัน
จุดเริ่มต้นแรกสุดที่นำพา “พิณ” เข้าสู่วงการเบเกอรีมาจากความชอบส่วนตัวตั้งแต่เด็กๆ เธอเล่าว่า ครั้งแรกที่เริ่มฝึกทำขนมตอนนั้นอายุราวๆ 11 ปี เหตุเกิดเมื่อครั้งที่เธอมีโอกาสเดินช้อปปิ้งกับครอบครัวแล้วเหลือบไปเห็นหนังสือสอนทำขนมของ “เมย์-กุลพัชร์ กนกวัฒนาวรรณ” หรือ “เมย์ After You” เจ้าของร้านขนมหวานชื่อดัง เด็กหญิงพิณขอซื้อทั้งหมด 3 เล่มในคราวเดียว โดยให้คำมั่นกับครอบครัวว่า เธอจะใช้เวลาว่างฝึกทำขนมให้ครบทุกสูตรทั้ง 3 เล่มที่ซื้อมา
จากวันที่มี “พี่เมย์” เป็นไอดอล “พิณ” ฝันมาตลอดว่า วันหนึ่งหากได้เปิดร้านขนมเป็นของตัวเองบ้างก็คงจะดีไม่น้อย และฝันใหญ่ที่วางไว้ไกลตั้งแต่เด็กๆ คือการมีร้านขนมเปิดที่ต่างประเทศด้วย จนกระทั่งเมื่อ 6 ปีที่แล้ว “The Rolling Pinn” ก็ถือกำเนิดขึ้น เริ่มจากการเปิดร้านบนแพลตฟอร์มออนไลน์ก่อน โดยเมนูแรกสุดที่ทำขายคือคุกกี้และเค้ก
ร้านของพิณโดดเด่นเรื่อง “เค้กด่วน” หมายถึงเค้กที่สามารถส่งด่วนได้ทันทีแบบ “Sameday” โดยทางร้านจะมีการสต๊อกวันต่อวัน แต่ละวันจะมีแบบพร้อมส่งให้ลูกค้าเลือกแตกต่างกันไป สามารถตัดส่งให้ได้ทันทีภายใน 3 ชั่วโมง และหลังจากนั้น “The Rolling Pinn” ก็ถูกพูดถึงเป็นไวรัลไปถึงต่างแดนจากคลิปวิดีโอ “Glitter Queen Cake” เค้กกลิตเตอร์ฟุ้งกระจายที่มีชาวต่างชาติให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะฝั่งสหรัฐ รัสเซีย ดูไบ
กระแส “Glitter Queen Cake” ถูกต่อยอดความไวรัลมากขึ้นไปอีก จากเมนู “ช็อกโกแลตดูไบ” ที่ครั้งนี้เธอบอกว่า ทำให้ร้านได้รับทั้งกระแสและยอดสั่งซื้อช็อกโกแลตแบบถล่มทลาย จนสามารถพูดได้ว่า “The Rolling Pinn” คือร้านขนมหวานในไทยเจ้าแรกที่รังสรรค์เมนูนี้ออกมา หลังจากนั้นช็อกโกแลตดูไบก็ได้รับการตอบรับที่ดี จนมีร้านเล็กร้านใหญ่ออกเมนูดังกล่าวเพิ่มขึ้นทั่วตลาด
เธอบอกว่า ช่วงที่พีคสุดๆ เคยขายได้มากถึง 1,500 ชิ้นต่อวัน กินเวลาเช่นนั้นยาวนานถึง 3 เดือน วันแรกทำอยู่ 80 ชิ้น แต่ปรากฏว่า หมดเกลี้ยงภายใน 1 นาที จากนั้นจึงขยายกำลังการผลิตเป็น 500 ชิ้น 800 ชิ้น 1,000 ชิ้น 1,200 ชิ้น และเต็มอัตราที่ 1,500 ชิ้นต่อวัน ในช่วงนั้นความท้าทายไม่ใช่แค่การผลิตให้รองรับกับปริมาณความต้องการของลูกค้า แต่ยังเป็นเรื่องวัตถุดิบที่มีราคาสูงและหายาก โดยเฉพาะช็อกโกแลตที่อยู่ในช่วงขาดแคลน
ถัดจาก “ช็อกโกแลตดูไบ” ตอนนี้ร้านก็สร้างปรากฏการณ์อีกครั้งจาก “ChocoGems” โดย “พิณ” บอกว่า เธอไปเจอเมนูนี้ครั้งแรกที่ดูไบ มีโอกาสซื้อกลับมากินต่อที่ไทยแล้วเกิดติดใจมาก จึงคิดว่า ต้องนำเมนูมาพัฒนาต่อที่ร้านให้ได้ ใช้เวลาหลังจากนั้นเพียง 1 เดือน กระบวนการ R&D ก็แล้วเสร็จ ทันทีที่วางขาย “ChocoGems” ก็ได้รับการตอบรับที่ดีทันที ปัจจุบันกำลังการผลิตเมนูนี้ได้สูงสุดวันละ 12,000 ชิ้น หากคิดเป็นจำนวนกล่องจะอยู่ที่ราวๆ 1,000 ต่อวัน
ความสำเร็จของบรรดา “Hero Product” ในปีที่ผ่านมา ทำให้รายได้ของ “The Rolling Pinn” เติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้ามากกว่า 300% เกินจากที่ตั้งเป้าไว้พอสมควร โดยในปีนี้ก็อยากโตขึ้นจากเดิมสองเท่า ช่องทางการขายยังคงเน้นออนไลน์เป็นหลัก ยอมรับว่า การเปิดหน้าร้านมีความท้าทายมากกว่าการขายช่องทางออนไลน์พอสมควร โดยเฉพาะการจัดเก็บสินค้าอย่าง “ChocoGems” ที่ต้องเก็บในฟรีซเท่านั้น
โฆษณา