22 มี.ค. เวลา 03:00 • สุขภาพ

จะกินยาต่อดีมั้ย เรื่องราวของผู้ป่วยโรคหัวใจที่อาการดีขึ้น

ลองนึกภาพนะครับ วันหนึ่งคุณหมอบอกกับเราว่า "คุณเป็นโรคหัวใจล้มเหลว" คำนี้อาจจะฟังดูน่ากลัวใช่มั้ยครับ ในทางการแพทย์ โรคหัวใจล้มเหลวหมายถึงภาวะที่หัวใจของเราไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้เพียงพอ ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ แต่สิ่งที่สำคัญคือ เมื่อเป็นแล้ว คุณภาพชีวิตของเราจะเปลี่ยนไป และต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง
ในระยะแรกของการรักษา สิ่งที่คุณหมอจะให้ความสำคัญคือการใช้ "ยาหลักตามแนวทางการรักษา" หรือ GDMT (Guideline-Directed Medical Therapy) ซึ่งประกอบไปด้วยยาหลายกลุ่ม เช่น ยาในกลุ่ม RASi/ARNi, beta-blockers, และ MRA ยาเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อช่วยให้หัวใจทำงานได้ดีขึ้น ลดภาระของหัวใจ และป้องกันไม่ให้อาการแย่ลง
จากข้อมูลในงานวิจัย พบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหัวใจล้มเหลวชนิดที่หัวใจบีบตัวอ่อนแรง (HFrEF) หรือมีค่า ejection fraction (EF) น้อยกว่า 40% จะได้รับยาเหล่านี้ครับ
1
หลังจากเริ่มทานยา GDMT ไปสักระยะ สิ่งที่น่าดีใจก็คือ ผู้ป่วยหลายรายมีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด บางคนเหนื่อยน้อยลง หายใจสะดวกขึ้น และกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ใกล้เคียงปกติมากขึ้น และที่สำคัญคือ ค่า EF ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ความสามารถในการบีบตัวของหัวใจ ก็เริ่มดีขึ้นด้วย จากเดิมที่เคยต่ำกว่า 40% ก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้น จนในที่สุด บางคนค่า EF กลับมาเป็น 40% หรือมากกว่า ซึ่งในทางการแพทย์เราเรียกภาวะนี้ว่า "ภาวะหัวใจล้มเหลวที่มีอาการดีขึ้น" หรือ HFimpEF ครับ
ภาวะ HFimpEF นี้ถือเป็นสัญญาณที่ดีของการรักษา แสดงว่ายาที่เราทานนั้นได้ผล และหัวใจของเราตอบสนองต่อยาเป็นอย่างดี แต่คำถามที่ตามมาก็คือ เมื่ออาการดีขึ้นแล้ว เราควรทำอย่างไรกับยาที่ทานอยู่? จะทานต่อไป หรือจะหยุดยาดี?
เมื่ออาการดีขึ้นจนถึงจุดหนึ่ง ผู้ป่วยหลายคนอาจเริ่มคิดถึงเรื่องการ "ถอนยา" หรือหยุดยา เพราะรู้สึกว่าตัวเองหายดีแล้ว และไม่อยากทานยาไปตลอดชีวิต คำถามนี้เป็นคำถามที่สมเหตุสมผล และเป็นสิ่งที่แพทย์และเภสัชกรต้องพิจารณาอย่างรอบคอบครับ
ในอดีต เราอาจยังไม่มีข้อมูลมากนักเกี่ยวกับผลของการถอนยาในผู้ป่วย HFimpEF แต่ด้วยงานวิจัยล่าสุดที่เรากำลังพูดถึงนี้ ทำให้เรามีความเข้าใจในเรื่องนี้มากขึ้นครับ งานวิจัยนี้ได้ศึกษาข้อมูลจากผู้ป่วย HFimpEF จำนวนมากในประเทศสวีเดน และพบว่าอัตราการถอนยา GDMT ในผู้ป่วยกลุ่มนี้ยังค่อนข้างต่ำ นั่นแสดงว่าโดยทั่วไปแล้ว แพทย์ส่วนใหญ่ยังคงแนะนำให้ผู้ป่วยทานยาเหล่านี้ต่อไป แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม
สิ่งที่งานวิจัยนี้ค้นพบและเป็นประเด็นสำคัญก็คือ การถอนยาบางกลุ่ม โดยเฉพาะยาในกลุ่ม RASi/ARNi และ MRA มีความสัมพันธ์กับการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคหัวใจ และการกลับเข้ารักษาในโรงพยาบาลด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวภายใน 1 ปี ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย และเป็นสิ่งที่ผู้ป่วยและแพทย์ต้องตระหนักถึง
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยนี้ก็มีข้อค้นพบที่น่าสนใจเกี่ยวกับยา beta-blockers ครับ ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่า การถอนยา beta-blockers อาจไม่เพิ่มความเสี่ยงในภาพรวม แต่เมื่อพิจารณาในรายละเอียด พบว่าอาจมีความแตกต่างกันในผู้ป่วยที่มีค่า EF ที่ดีขึ้นแตกต่างกัน
โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีค่า EF ดีขึ้นอยู่ในช่วง 40-49% อาจยังได้รับประโยชน์จากการทานยา beta-blockers ต่อไป ในขณะที่ผู้ป่วยที่มีค่า EF ดีขึ้นมากกว่า 50% การทานยา beta-blockers ต่อไป อาจไม่ได้ให้ประโยชน์เพิ่มเติม และอาจมีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้
การตัดสินใจเรื่องการถอนยาในผู้ป่วย HFimpEF ไม่ใช่เรื่องง่าย และต้องพิจารณาหลายปัจจัย สิ่งสำคัญที่สุดคือ อย่าตัดสินใจหยุดยาเองโดยเด็ดขาด หากคุณเป็นผู้ป่วยโรคหัวใจล้มเหลวและอาการดีขึ้นแล้ว
การเดินทางของการรักษาโรคหัวใจล้มเหลวเป็นเรื่องยาวไกล และต้องมีการปรับเปลี่ยนแผนการรักษาไปตามสถานการณ์ เมื่ออาการดีขึ้นจนถึงภาวะ HFimpEF ก็ถือเป็นก้าวสำคัญ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการรักษาจะสิ้นสุดลง การทานยา GDMT อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะยาในกลุ่ม RASi/ARNi และ MRA ยังคงมีความสำคัญในการป้องกันไม่ให้อาการกลับมาแย่ลง ส่วนยา beta-blockers อาจต้องพิจารณาเป็นรายบุคคลมากขึ้น โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีค่า EF ดีขึ้นมาก
สิ่งที่ผมอยากฝากทิ้งท้ายไว้ก็คือ โรคหัวใจล้มเหลวเป็นโรคเรื้อรังที่ต้องดูแลอย่างต่อเนื่อง การทานยาเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลนี้ แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้ว ก็อย่าละเลยการทานยา หรือหยุดยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ การดูแลสุขภาพหัวใจอย่างสม่ำเสมอ และการติดตามอาการกับแพทย์อย่างใกล้ชิด จะช่วยให้คุณมีคุณภาพชีวิตที่ดีและยืนยาวได้ครับ
แหล่งอ้างอิง:
Basile, C., Lindberg, F., Benson, L., Guidetti, F., Dahlström, U., Piepoli, M. F., Mol, P., Scorza, R., Maggioni, A. P., Lund, L. H., & Savarese, G. (2025). Withdrawal of Guideline-Directed Medical Therapy in Patients With Heart Failure and Improved Ejection Fraction. Circulation
โฆษณา