23 มี.ค. เวลา 00:23 • ข่าวรอบโลก

ทรัมป์ vs ญี่ปุ่น

โตเกียวได้แสดงท่าทีวิตกกังวลต่อแนวคิดของทีมทรัมป์ที่ต้องการลดจำนวนทหารสหรัฐฯ ในญี่ปุ่น ทำเนียบขาวต้องการประหยัดเงิน 1.1 พันล้านดอลลาร์ด้วยการล้มเลิกแผนของไบเดนในการสร้างกองบัญชาการร่วมของทหารสหรัฐฯ-ญี่ปุ่นที่เป็นหนึ่งเดียว [1]
นอกจากนี้ยังมีการเสนอให้แก้ไขข้อตกลงด้านกลาโหมของสหรัฐฯ กับญี่ปุ่น ซึ่งสรุปขึ้นย้อนกลับไปเมื่อปี 1960 ทรัมป์เรียกร้องให้ญี่ปุ่นจ่ายเงินเพิ่ม “สี่เท่า” สำหรับร่มความมั่นคงของสหรัฐฯ คือเป็น 8 พันล้านดอลลาร์ต่อปีแทนที่จะเป็น 2 พันล้านดอลลาร์ต่อปีในอัตราปัจจุบัน มิฉะนั้นสหรัฐฯ จะถอนทหารออกจากญี่ปุ่น โดยตอนนี้นาวิกโยธินสหรัฐฯ กำลังถูกย้ายจากโอกินาวาไปยังฐานทัพใหม่ในกวมแล้ว [2]
เพนตากอนโดยรวมกำลังรอการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ เจ้าหน้าที่ 60,000 คนจะถูกลดจำนวนลง กองบัญชาการหลายแห่ง ทั้งในยุโรปและแอฟริกาจะถูกรวมเข้าด้วยกัน อำนาจทางทหารภายในนาโตจะถูกโอนไปยังยุโรป สภาคองเกรสเรียกสิ่งนี้ว่าเป็นการ “ล่าถอยครั้งใหญ่” ของอเมริกาในแนวรบต่างประเทศแล้ว ไม่มีเงินในงบประมาณ และเครื่องจักรทางทหารของสหรัฐฯ กำลังหยุดชะงักอย่างนั้นหรือ?
เมื่อปี 2010 สหรัฐกับญี่ปุ่นได้ออกแคมเปญ “โฆษณาชวนเชื่อ” เพื่อจูงใจ (ล้างสมอง) หนุ่มสาวญี่ปุ่นคนรุ่นใหม่ให้เห็นความสำคัญและเข้าใจถึงการที่ทหารอเมริกันต้องเข้ามาประจำการและมีกองกำลังร่วมโดยเฉพาะกับกองกำลังรักษาประเทศของญี่ปุ่น เพราะหลังจากญี่ปุ่นถูกวางระเบิดนิวเคลียร์ตั้งแต่ช่วง WWII จนถึงยุคปัจจุบัน ก็ยังมีกระแสคนที่ไม่ชอบอเมริกาและต่อต้านการเข้ามาในประเทศของทหารอเมริกันอยู่ตลอด [3]
โดยพวกเขาได้ทำเป็นมังงะที่มีธีมข้อความสำคัญคือ “พันธมิตรระหว่างเรา เป็นสิ่งที่ยั่งยืนตลอดไป” ใช้ตัวการ์ตูนเด็กชายชาวอเมริกันชื่อ อุสะคุง (U.S.A.-kun) เดินทางมายังญี่ปุ่นและผูกมิตรกับเด็กสาวชาวญี่ปุ่นชื่ออาราอิ อันซุ (ออกเสียงเหมือนคำว่า “Alliance” เมื่อพูดแบบคนญี่ปุ่น) เขาบอกกับเธอว่าเขามาเพื่อปกป้องบ้านของเธอเพราะพวกเขาเป็น “เพื่อนที่สำคัญ” ตามตัวอย่างภาพหน้าปกบทความนี้ ถ้าต้องการดูแบบเต็มๆ ว่าพวกเขาใช้มังงะเพื่อชวนเชื่อคนหนุ่มสาวญี่ปุ่นยังไงบ้างเข้าไปดูที่ลิงก์นี้
สำหรับญี่ปุ่นเองเรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ค่อยดีซะเท่าไหร่ ญี่ปุ่นเคยให้คำมั่นสัญญากับทรัมป์ว่าจะลงทุนมหาศาลด้านการทหาร แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบจากสงครามกำแพงภาษีของทรัมป์ได้ อุตสาหกรรมรถยนต์ของญี่ปุ่นซึ่งกำลังสูญเสียตลาดอยู่แล้วจากการแข่งขันกับจีน อาจได้รับผลกระทบจากภาษีเช่นกัน [4]
1
ญี่ปุ่นมีวิกฤตหนี้ในประเทศ จำนวนประชากรลดลง และค่าเงินเยนอ่อนค่า คะแนนนิยมของนายกรัฐมนตรีอิชิบะคนปัจจุบันสร้างสถิติใหม่หล่นฮวบอยู่ที่ 26% และมาตอนนี้วอชิงตันก็กำลังริบหลักประกันความมั่นคงของญี่ปุ่นและวิพากษ์วิจารณ์โตเกียวว่าไม่สามารถใช้จ่ายเงินอย่างน้อย 2% สำหรับการป้องกันประเทศได้ ปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นจากทุกฝ่าย และยังไม่ชัดเจนว่าจะแก้ไขอย่างไร [5]
เครดิตภาพ: Nikkei, Reuters
เรียบเรียงโดย Right Style
23rd Mar 2025
  • อ้างอิง:
<เครดิตภาพปก: The Asia-Pacific Journal – Japan Focus>
โฆษณา