24 มี.ค. เวลา 15:19 • หุ้น & เศรษฐกิจ

Treasurist Fund Traffic Control ประจำสัปดาห์ที่ 24 - 28 มี.ค. 68

🔵 กลุ่มสีฟ้า (ตัวช่วยชี้วัด) >>
▪ ประชุม US FOMC ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่เดิม 4.25% - 4.50% พร้อมปรับการประเมินระดับ ณ สิ้นปี 2568 ขึ้นเล็กน้อย จาก 3.84% (ตามการประเมินรอบธันวาคม 2568) เป็น 4.01% แต่ก็ลดความเร็วในการลดขนาดงบดุลลงด้วย จากเดิมที่จะลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 25,000 ล้านเหรียญ/เดือน มาเป็นลดเพียง 5,000 ล้านเหรียญ/เดือน เป็นการส่งสัญญาณว่าจะมีแรง re-invest พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากระดับเดิม
▪ 10-Y US Gov Bond Yield ย่อลง (ราคาเพิ่มขึ้น) จาก 4.32% ต่อปีในสัปดาห์ก่อน ลงมาเป็น 4.25% ต่อปีในสัปดาห์ล่าสุด สะท้อนมาตรการลดขนาดงบดุลที่จะช้าลง
▪ ขณะที่ USD Index ขยับขึ้นเล็กน้อย จาก ระดับ 103.7 มาเป็น 104.2 ส่วนหนึ่งตามแรงซื้อในตลาดพันธบัตรรัฐบาล
▪ THB/USD อ่อนค่าจาก 33.48 มาปิดที่ 33.74 สอดคล้องแบบผกผันกับ USD Index ที่ขยับขึ้น ภาพระยะกลางอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่า
▪ ลงทุนต่างประเทศแบบ ไม่ปิด ความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (unhedged) ยังคงได้เปรียบ และประหยัด hedging cost 2-3% ต่อปีไปได้พร้อมกัน โดยเฉพาะในช่วงที่ THB/USD เคลื่อนไหวในกรอบแคบลง (สองเดือนล่าสุดอยู่ในกรอบ 33.4 ถึง 34.3)
🟢 กลุ่มแนวโน้มระยะกลางสีเขียว (ซื้อได้ ถือต่อได้) >>
▪ ทองคำแม้จะย่อลงช่วงปลายสัปดาห์ แต่ก็ปิดรายสัปดาห์ไปที่ระดับ weekly new all-time high ได้เป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน โดยเทรเชอริสต์แนะนำให้เข้าลงทุนรอบใหม่ในกองทุนทองคำ มาตั้งแต่ 3 ก.พ. 68
▪ ดัชนีหุ้นยุโรป หุ้นจีน หุ้นเวียดนาม ย่อลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นตามเดิม
▪ ภาพรวมกลุ่มนี้ ถือลงทุนต่อไปได้
🔴 กลุ่มแนวโน้มระยะกลางสีแดง (รอดู) >>
▪ หุ้นเทคโนโลยี และหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกได้เล็กน้อยจากสัปดาห์ก่อนหน้า หลังจากร่วงติดต่อกันมา 4 สัปดาห์ เป็นสัญญาณที่ดี แต่ก็ยังเร็วเกินไปที่กลับเข้าไปลงทุน (NASDAQ ลงมาจากระดับเกิน 20,000 จุด ลงมาแตะระดับ 17,300 จุด คือลงมา 2,700 จุด แต่ล่าสุดฟื้นขึ้นมายังไม่ถึง 500 จุด)
▪ หุ้นไทยช่วงนี้ เรื่องราวคล้าย ๆ หุ้นสหรัฐฯ คือเริ่มฟื้นตัว ซึ่งเป็นข้อดีมาก ๆ โดยส่วนหนึ่งยังได้รับแรงส่งจากข่าวกองทุน Thai ESGX แต่การที่ก่อนหน้านี้ลงมาแรงต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2567 จึงยังเร็วเกินไปที่จะรีบกลับเข้าซื้อ (SET Index ลงมาจากระดับเกิน 1,480 จุด ลงมาแตะระดับ 1,160 จุด ลงมา 320 จุด แต่ล่าสุดฟื้นขึ้นมายังไม่ถึง 30 จุด)
▪ ภาพรวมกลุ่มนี้ รอดูไปก่อน ยังไม่เข้าลงทุน
🧐 วิธีดูข้อมูลนี้ให้เข้าใจและใช้ประโยชน์ได้เต็มที่
1. ดู "สรุป" และ "รายการ" เพื่อให้ได้ข้อมูลทันทีว่ารายการไหนมีแนวโน้มระยะกลางอยู่ในขาขึ้น ซึ่งอยู่ในช่วงที่ลงทุนได้ และดู “ลำดับวัฏจักรของแนวโน้ม” ในคอมเมนท์ของโพสนี้ เพื่อเข้าใจการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มจากระยะสั้นที่จะส่งผ่านมาถึงระยะกลาง และทำความเข้าใจรายละเอียดคำแนะนำในสถานะแนวโน้มต่าง ๆ .. โดยสีของกล่องแต่ละรายการจะอิงตามประเภทสินทรัพย์ หุ้น = สีฟ้า สินค้าโภคภัณฑ์ = สีทอง และกองรีท (สินทรัพย์ทางเลือก) = สีเขียว
2. ดู “ตัวอย่างกองทุนน่าสนใจ” ได้ที่ LINE: @Treasurist https://page.line.me/treasurist เพื่อนำไปศึกษาหนังสือชี้ชวน/Fund Fact Sheet ให้เพียงพอก่อนตัดสินใจลงทุนจริงต่อไป โดยทั้งหมดเป็นกองทุนที่ซื้อได้จริงกับ บลน. เทรเชอริสต์ https://treasurist.com หรือจะเลือกลงทุนกองทุนอื่น ๆ ในกลุ่มเดียวกันก็ได้ตามชอบ
3. ดู “วันที่เริ่มแนะนำแนวโน้มระยะกลาง" เพื่อให้เห็นจุดเริ่มต้นของแนวโน้ม โดยควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษเมื่อแนวโน้มระยะกลางเพิ่งเปลี่ยนทิศทาง (Reversal) จากเขียวเป็นแดง-จากแดงเป็นเขียว เพราะแปลว่า ผู้ลงทุนควรรีบพิจารณา ซื้อ/ขาย ตั้งแต่ต้นแนวโน้ม #ลงทุนให้ได้กำไร
4. แต่รายการควรลงทุนมากน้อยเท่าไรเมื่อเทียบกับเงินที่มี
4.1) ภาพรวมให้อิงตามการแบ่งสัดส่วนลงทุนตามประเภทสินทรัพย์ (Asset Allocation) ในคอมเมนท์ของโพสนี้ .. และหากตารางนี้ยังไม่แนะนำกองทุนประเภทใด สามารถลงทุนในประเภทกองทุนที่ระดับความเสี่ยงต่ำกว่าไปพลางก่อน เช่น หากยังไม่แนะนำกองทุนหุ้นใด ๆ เลย สามารถใช้โควต้าสัดส่วนกองทุนหุ้น ไปลงทุนในกองทุนตราสารหนี้เพิ่มขึ้นได้ นับเป็นการลดความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนในภาวะที่หุ้นยังไม่สดใส
4.2) กรณีสินทรัพย์ประเภทเดียวกันแนะนำให้ลงทุนได้หลายรายการพร้อมกัน สามารถแบ่งสัดส่วนคร่าว ๆ ได้ตามขนาดตลาด (Market Capitalization) ของรายการนั้น ๆ เช่น เนื่องจากตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีขนาดใหญ่กว่าตลาดหุ้นเวียดนาม หลายเท่าตัว ก็อาจจะแบ่งสัดส่วนกองทุนหุ้นญี่ปุ่นให้สูงกว่ากองทุนหุ้นเวียดนาม
4.3) หากแนวโน้มระยะกลางเป็นกรอบสีส้ม ซึ่งหมายความว่าแนวโน้มมีโอกาสสูงที่จะเปลี่ยนแปลง แต่ยังต้องรอการยืนยัน
>> กรณีมีสัญญาณ Temp Up (มีโอกาสสูงที่จะเปลี่ยนจากแดงเป็นเขียว) หากเน้นความเร็ว สามารถเริ่มเข้าซื้อได้ในสัดส่วน 50% ของตัวมันเอง
4.2) แต่หากเน้นความแน่นอน ก็ยังรอดูไปก่อน จนกว่าจะกลายเป็นสีเขียวจึงเริ่มเข้าซื้อ
>> กรณีมีสัญญาณ Temp Down (มีโอกาสสูงที่จะเปลี่ยนจากเขียวเป็นแดง) หากเน้นความเร็ว สามารถขายลดปริมาณลงมาเหลือ 50% ของตัวมันเอง (อ่านประกอบกับข้อ 4.2) แต่หากเน้นความแน่นอน ก็ยังถือเต็ม 100% ไว้ตามเดิมก่อน จนกว่าจะกลายเป็นสีแดงจึงขายทั้งหมด
5. ชวนสังเกตความสัมพันธ์แบบแปรตามและแปรผกผันกันระหว่างสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ เช่น ช่วงที่ US Bond Yield ขยับขึ้น หุ้นมักปรับตัวลง และชวนสังเกตประเภทสินทรัพย์ (ดูตามสีกรอบ) ที่เป็นขาขึ้นลงในช่วงเวลาเดียวกัน #ลงทุนให้ได้ความรู้
ข้อมูลโดย: ศกุนพัฒน์ จิรวุฒิตานันท์, CISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ (IA) ผู้วางแผนการลงทุน (IP) และผู้แนะนำการลงทุนตราสารซับซ้อนประเภท 1 (IC) https://linkedin.com/in/sakunphatj
ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง: กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์เทรเชอริสต์ https://treasurist.com และ Thailand Investment Forum
📑หลักการพื้นฐานที่ใช้ทำข้อมูล
• รูปแบบตัวเลขเชิงสังคมเศรษฐกิจ (Socioeconomics) ที่เป็น time series เช่น จำนวนประชากรของประเทศหนึ่ง ๆ ย้อนหลังหลายปี ยอดขายของอุตสาหกรรมหนึ่ง ๆ ย้อนหลังหลายไตรมาส มักไม่เปลี่ยนแปลงแบบสุ่ม แต่เป็นแนวโน้ม (ขึ้นแล้วมักขึ้นต่อ ลงแล้วมักลงต่อ) .. รูปแบบ time series ของราคาหลักทรัพย์ต่าง ๆ ย้อนหลังหลายวัน-สัปดาห์-เดือน ที่เป็นผลมาจากเหตุปัจจัยเชิง Socioeconomics
จึงมีแนวโน้มเช่นกัน .. จึงสามารถใช้การคำนวณทางคณิตศาสตร์มาช่วยประเมินความต่อเนื่องของแนวโน้มได้ กล่าวคือ ที่ขึ้นมา ตอนนี้ยังขึ้นอยู่ไหม ที่ลงมา ตอนนี้ยังลงอยู่ไหม และที่สำคัญคือ ตอนไหนที่กำลังเกิด reversal คือการเปลี่ยนจากลงเป็นขึ้น-ขึ้นเป็นลง
แนวโน้มระยะกลาง >> ดูภาพระยะหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน เป็นกรอบเวลาที่ให้สัญญาณช้ากว่าแนวโน้มระยะสั้น แต่ก็มักจะแม่นยำกว่า (ขึ้นแล้วขึ้นต่อ ลงแล้วลงต่อ) โดยเป็นการใช้เครื่องมือ MACD ใน 2-Week/Weekly Timeframe มาช่วยวิเคราะห์ .. ซึ่งแนวโน้มระยะกลาง ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนไปมาถี่เสมอไป อาจกินเวลาหลายเดือนหรือเป็นปีได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับบริบทแต่ละช่วงเวลา
แนวโน้มระยะสั้น >> ภาพระยะหลายวันถึงหลายสัปดาห์ เป็นกรอบเวลาที่ให้สัญญาณเร็วกว่าแนวโน้มระยะกลาง แต่อาจเปลี่ยนไปมาได้บ่อย โดยเป็นการใช้เครื่องมือ MACD ใน 2-Day/Daily Timeframe มาช่วยวิเคราะห์
• สำหรับ TFTC กองภาษี เลือกใช้แนวโน้มระยะยาว >> ใช้เครื่องมือ MACD ใน Monthly Timeframe มาช่วยวิเคราะห์
• ข้อมูลนี้ช่วยแสดงแนวโน้มปัจจุบันไปจนถึงอนาคตสั้น ๆ ได้ตาม "แรงเฉื่อย" ของแนวโน้ม แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าอีก 2 เดือน 6 เดือนข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เมื่อสถานการณ์ตรงหน้าเปลี่ยนไป ก็ต้องรีบปรับตัว
• การตัดสินใจลงทุน/ชะลอลงทุนตามแนวโน้มของ Treasurist Fund Traffic Control หากวิเคราะห์แบบย้อนหลัง (hindsight analysis) จะไม่สามารถชนะแบบซื้อแล้วถือยาว (buy-and-hold) ได้ .. แต่ในโลกความเป็นจริง การลงทุนคือ "การมองไปข้างหน้า" และ "ปรับตัวตามสถานการณ์" ...ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ หากในอนาคตเกิดสงครามโลกหรือโรคระบาดครั้งใหญ่ แนวโน้มการลงทุนโดยรวมย่อมเป็นขาลงอย่างรุนแรง โดยยังไม่เห็นอนาคต (เช่น ณ ต้นปี 2563
โลกยังไม่มีวัคซีนโควิด-19 และยังไม่มีใครรู้ว่าวิกฤติครั้งนั้นจะบรรเบาลงเมื่อใด แต่พอมองย้อนหลัง ทุกอย่างก็ชัดเจนหมด เพราะเกิดแล้วจบแล้ว) ซึ่งการใช้คำแนะนำจาก Treasurist Fund Traffic Control ควรจะช่วยให้ผู้ลงทุนเลี่ยงผลขาดทุนที่รุนแรงได้อย่างทันท่วงที และช่วยให้ทราบจังหวะกลับเข้าลงทุนในระยะถัดไปด้วยเช่นกัน
• กองทุนน่าสนใจ จะอิงตามดัชนีหุ้นหลักของรายการนั้น ๆ เช่น รายการหุ้นญี่ปุ่น ก็จะพิจารณาดัชนี NIKKEI 225 ว่ามีสถานะแนวโน้มอย่างไร แล้วจึงเลือกกองทุนหุ้นญี่ปุ่นที่น่าสนใจมานำเสนอ หุ้นเทคก็จะพิจารณาดัชนี NASDAQ ว่ามีสถานะแนวโน้มอย่างไร แล้วจึงเลือกกองทุนหุ้นเทคที่น่าสนใจมานำเสนอ อย่างไรก็ดี หากแนวโน้มระยะกลางยังไม่เอื้อต่อการลงทุน ก็ยังไม่แนะนำกองทุนน่าสนใจ
(เนื้อหานี้ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537)
👍สนใจซื้อขาย รับคำปรึกษาเรื่องการลงทุนกองทุนรวม ทำได้ง่าย ๆ ที่ http://www.treasurist.com หรือติดต่อเราได้ที่ LINE: @Treasurist https://page.line.me/treasurist หรือ Inbox m.me/treasurist
📣นำทีมโดยผู้บริหารประสบการณ์นักลงทุนสถาบัน ภายใต้กำกับ ก.ล.ต.
📣แนะนำจังหวะซื้อขายแม่นยำ ครอบคลุมสินทรัพย์ทั่วโลก
📣สื่อสารต่อเนื่อง ติดตามไม่ละเลย ช่วยคุณตัดสินใจทุกโอกาส
👍ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเราได้ที่ https://www.treasurist.com/whyus
🏆เทรเชอริสต์ ขอขอบคุณสำนักงาน ก.ล.ต. กับรางวัล "ความคิดสร้างสรรค์ยอดเยี่ยม" พร้อมตราสัญลักษณ์พิเศษ "Investment Knowledge Provider" ภายใต้โครงการ “ตลาดทุนไทย ร่วมใจส่งพลังความรู้ สู่ประชาชน เฟส 2” และภูมิใจที่ได้สร้างคุณค่าในการให้ความรู้การเงินการลงทุนแก่สังคม
โฆษณา