3 เม.ย. เวลา 09:30 • ข่าว

พาณิชย์ยื่นนัดเจรจาสหรัฐฯ ชี้ 3 แนวทางต่อรอง ลดภาษีนำเข้า-เพิ่มปริมาณสินค้าใหม่-ลดอุปสรรคการค้า

พิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่สหรัฐฯ ขึ้นภาษีตอบโต้ไทย 36-37% ว่า รู้สึกตกใจที่สหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีไทยในอัตราสูงมาก เกินกว่าความคาดหมาย โดยสหรัฐฯ ได้คำนวณจากอัตราภาษีที่คู่ค้าเก็บจากสหรัฐฯ และสหรัฐฯ เก็บจากคู่ค้า รวมถึงมาตรการกีดกันทางการค้าต่างๆ ซึ่งของไทยคำนวณได้ 72% และหาร 2 เท่ากับ 36%
อย่างไรก็ตาม รมว.พาณิชย์กล่าวด้วยว่า ไม่ต้องห่วง เพราะไทยมีคณะทำงานที่เตรียมความพร้อมในการเจรจากับสหรัฐฯ ไว้แล้ว และมีความหวังว่าเราจะสามารถเจรจาต่อรองเพื่อให้สหรัฐฯ ลดภาษีลงได้ ส่วนจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ปีนี้รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ 3% หรือไม่ ขณะนี้ยังบอกไม่ได้
“ไทยพร้อมเจรจาตลอดเวลา รอแค่ว่าสหรัฐฯ จะรับนัดเมื่อไร แต่การขึ้นภาษีครั้งนี้ ทุกประเทศได้รับผลกระทบเหมือนกันหมด แต่เราจะเจรจาให้สหรัฐฯ ลดภาษีให้ และมีความหวังว่าจะสำเร็จ”
  • ตรวจสอบอัตราภาษี เอกสารกับคำกล่าวแถลงไม่ตรงกัน
ด้านวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า คำประกาศจากสหรัฐฯ เมื่อรุ่งเช้าวันนี้ (ตี 3 ตามเวลาประเทศไทย) ถือว่าเกินความคาดหมายสำหรับไทย อีกทั้งเอกสารที่ประธานาธิบดีทรัมป์ถือตอนแถลงข่าวอยู่ที่ 36% แต่ในเอกสารประกอบคำสั่งฝ่ายบริหารอยู่ที่ 37% และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เม.ย.นี้
อย่างไรก็ตาม สำหรับประเทศไทยยังมีเวลาที่จะเจรจาต่อรองได้ โดยไทยพร้อมที่จะเจรจาทุกเมื่อ รอเพียงให้สหรัฐฯ นัดมา ถ้าเดินทางไปไม่ทัน ก็จะมีทีมไทยแลนด์ที่เป็นเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เป็นหัวหน้าคณะ แต่หากมีเวลาเดินทางไป รมว.พาณิชย์จะเป็นหัวหน้าคณะเจรจา
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้คาดการณ์ว่า ถ้าสหรัฐฯ ขึ้นภาษีตอบไทย 11% จะทำให้การส่งออกของไทยได้รับผลกระทบ 7,000-8,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วง 1 ปี แต่ขณะนี้สูงถึง 36% ก็อาจเสียหายใกล้เคียง 30,000 ล้านเหรียญฯ ถ้าหากไทยไม่ทำอะไรเลย แต่ถ้าเจรจาต่อรองแล้วเป็นผลสำเร็จ ก็อาจไม่เกิดความเสียหายหรือเสียหายลดลง ส่วนจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยที่ปีนี้ตั้งเป้าหมายขยายตัว 2-3% หรือไม่นั้น ต้องคำนวณอีกครั้ง
  • เปิดลิสต์ 15 สินค้าไทยส่งออกรับผลกระทบ
สำหรับสินค้าไทยที่จะได้รับผลกระทบมากๆ จะเป็นสินค้าที่ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ มูลค่าสูงๆ โดย 15 สินค้าแรกที่ส่งออกไปสหรัฐฯ มาก ได้แก่
1. โทรศัพท์มือถือ
2. ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
3. ยางรถยนต์
4. เซมิคอนดักเตอร์
5. หม้อแปลงไฟฟ้า
6. ชิ้นส่วนอุปกรณ์การพิมพ์
7. ชิ้นส่วนรถยนต์
8. อัญมณี
9. เครื่องปรับอากาศ
10. กล้องถ่ายรูป
11. เครื่องปริ้นเตอร์
12. วัตถุดิบอาหารสัตว์
13. แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์
14. ข้าว
15. ตู้เย็น
  • เปิด 3 แนวทางเจรจาต่อรองสหรัฐฯ
สำหรับแนวทางการเจรจาต่อรองนั้น ปลัดกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า
1. ไทยจะลดภาษีสินค้านำเข้าบางรายการให้กับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสินค้าที่ไทยนำเข้าอยู่แล้ว แต่นำเข้าจากแหล่งอื่น อย่างข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ถั่วเหลือง รวมถึงเพิ่มการลงทุนด้านพลังงานในสหรัฐฯ
2. เพิ่มปริมาณการนำเข้าสินค้าที่ยังไม่เคยนำเข้าจากสหรัฐฯ
3. ลดเงื่อนไขต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการนำเข้าของสหรัฐฯ
“มั่นใจว่าจะเจรจาต่อรองกับสหรัฐฯ ได้ ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ซึ่งไม่ใช่แค่การเจรจาด้านการค้าสินค้าเท่านั้น แต่จะทำทุกมิติ ทั้งการค้าบริการที่สหรัฐฯ ได้ดุลไทยจำนวนมาก การลงทุน ความมั่นคง การทหาร การเป็นพันธมิตรที่ดี หรือแม้แต่ภูมิรัฐศาสตร์”
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะมีมาตรการเยียวยาผลกระทบให้กับผู้ประกอบการไทยที่ส่งออกไปสหรัฐฯ โดยช่วงบ่ายวันนี้ (3 เม.ย.) จะหารือกับนายพิชัย ชุณหวชิระ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ในประเด็นต่างๆ เช่น อาจจะมีกองทุนเพื่อช่วยเหลือ หรือเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ โดยจะกำหนดเงื่อนไขว่า ต้องเป็นนิติบุคคลสัญชาติไทย และมีการส่งออกไปสหรัฐฯ
สำหรับประเด็นที่หลายฝ่ายกังวลว่า อาจจะมีสินค้าจากหลายประเทศที่ส่งออกไปสหรัฐฯ ไม่ได้และส่งออกมาทุ่มตลาดไทยและอาเซียนนั้น กระทรวงพาณิชย์มีคณะกรรมการที่ดูแลเรื่องนี้อยู่แล้ว โดยมี รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน ซึ่งทำงานล่วงหน้ามาหลายเดือนแล้ว และเกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรมชัดเจน เช่น มีการนำเข้าสินค้าทางออนไลน์ลดลง มีตัวเลขการปราบปรามสินค้านำเข้าที่ไม่ได้มาตรฐานเพิ่มขึ้น มูลค่าความเสียหายของสินค้าไร้มาตรฐานที่จับกุมได้มากขึ้น
อีกทั้งกระทรวงพาณิชย์ยังมีมาตรการที่จะใช้ดำเนินการกับสินค้านำเข้า ทั้งมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) มาตรการหลบเลี่ยงมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (เอซี) รวมถึงได้ขึ้นบัญชีสินค้าเสี่ยงที่จะสวมสิทธิประเทศไทยส่งออกไปสหรัฐฯ 49 รายการไว้แล้ว
ติดตามข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศ กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney
โฆษณา