Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
twilight12/2.1
•
ติดตาม
19 เม.ย. เวลา 11:27 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
About Black sea and Mediteranian Part 2
สรุปตัวเลขคร่าวๆให้นะครับ เรียงลำดับเหตุการ์ณต่างๆ เผื่อว่า นักประวัติศาสตร์ และนักค้นคว้าจะได้ไปสืบหาข้อมูลต่อยอดจากที่อ่านกันมาแล้วๆได้ แต่ก็ยังไม่การันตีนะครับ ว่าในอนาคตนั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขอะไรอีกหรือไม่ เพื่อให้ข้อมูลความเป็นจริงนั้น ครบถ้วนใกล้เคียงมากที่สุด พอจะเป็นหลักฐานอ้างอิงทางวิชาการได้ต่อๆไป
1)ประมาณ4,600 ล้านปีก่อน มีการพุ่งเฉียดเข้ามาใกล้ของดาวนิบิรุกับเทียมัต จนดาวโลกของเรามีสภาพคล้ายกับแอปเปื้ลถูกกัดจนแหว่ง และโลกเหลือเพียงครึ่งใบเท่านั้นในปัจจุบัน หาก
เราสูบน้ำทะเลและมหาสมุทรออกจนหมด *** ส่งผลให้
ทวีปเลอมูได้มีการเปลี่ยนแปลง และเกิดแถบดาวเคราะห์น้อยระหว่างดาวอังคารกับดาวพฤหัสบดี
เหตุการ์ณนี้ ชาวอนันนูกินำมาแต่งมหากาพย์เอนนูม่า เอนริช โดยเอาเหตุการ์ณมหาทวีปแพนเจียค่อยๆแยกตัวออกจากกันมาผนวกด้วย
2) 335-250 ล้านปีก่อน ยุค มหาทวีปแพนเจีย ค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากกัน เมื่อราวๆ175 ล้านปีก่อน ทำให้แผ่นเปลือกโลกแอฟริกามุดตัวลงเข้าใต้แผ่นเปลือกโลกยูเรเชีย (เมื่อราว65ล้านปีก่อน) และเกิดน้ำทะเลท่วมสูงขึ้นจนดูคล้ายๆกับได้เกิดภาวะน้ำท่วมโลกในสมัยโบราณ เช่น เกิดทะเลอีเจี้ยน และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นต้น ตลอดจนเกิดทะเลและมหาสมุทรต่างๆขึ้นทั่วโลกอีกด้วย จากการเคลื่อนที่แยกออกเป็นทวีปๆ เหตุการ์ณนี้ ชาวอนันนูกินำมาแต่งเรื่องน้ำท่วมโลกและเรือโนอาห์
3) 5,300,000ปีก่อน เกิดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
4) *** 500,000-450,000ปีก่อน บนดวงดาวนิบิรุ เริ่มประสบภัยพิบัติ ขาดแคลนแร่ทองคำ และได้เดินทางลงมายังเทียมัต เพื่อขุดหาแร่ทองคำ เอาไปแก้ไขภัยพิบัติที่กำลังเกิดขึ้นบนนิบิรุ ตัวเลขนี้ ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ชาวอนันนูกิ หลอกให้ชาวสุเมเรียน ชนชั้นใต้ปกครองของพวกเขาขณะนั้น แต่งขึ้นมา ความจริง พวกเขาอาจจะเคยมาบนโลกเราแล้วก็ได้ และอาจจะมาก่อน5,300,000BC ด้วยซ้ำไป ก่อนจะมีทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสักพักใหญ่ๆ ถึงขนาดมีอารยธรรม อาจจะยาวนานถึงหลายพันปี
5) ยุคโฮโลซีน เมื่อประมาณ 11,700 BC นักยูโฟวิทยาสรุปเป็นตัวเลขกลมๆที่12,000 BC เป็นช่วงเวลาที่น้ำแข็งที่บริเวณต่างๆของโลกด้วยเริ่มละลาย และไหลลงไปผสมกับน้ำจืดของทะเลดำ ด้วยมวลมากมายมหาศาลและรวดเร็วนั้น ทำให้ผู้คนรอบๆบริเวณ ต้องอพยพหนีตายไปตั้งถิ่นฐานใหม่ที่บริเวณดินแดนเมโสโปเตเมียในปัจจุบัน
เหตุการ์ณนี้ ชาวอนันนูกินำมาแต่งตำนานน้ำท่วมโลกของโนอาห์ และเรื่องหอบาเบล
6) ประมาณ 7,500 BC น้ำแข็งบนทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ไหลบ่าลงไปรวมกับน้ำจืดของทะเลสาปดำ เพราะโลกประสบภาวะอุณหภูมิสูงขึ้น มีการค้นพบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ในช่วงเวลาดังกล่าวว่า ได้เกิดปรากฏการ์ณนี้ขึ้นจริงๆกับโลกของเรา นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า ที่ใต้ทะลสาปดำแห่งนี้ เมื่อสมัยก่อน มันเคยเป็นน้ำจืด ไม่ใช่น้ำเค็มอย่างในปัจจุบัน
7) เมื่อดาวนิบิรุ เข้ามาในวงโคจรระบบสุริยะของเรา จนถึงช่วงระยะเวลาหนึ่ง คือ เมื่อดำเนินครบ 26,000 BC แล้ว ได้เข้ามาใกล้เฉียดโลกมาก จนทำให้คลื่นสึนามิขนาดใหญ่ และทำให้ดาวโลกเกิดภัยพิบัติต่างๆมากมาย เกิดเรื่องที่น่าจะ"แต่งปลอมๆ"
ที่อนันนูกิหลอกให้ชาวสุเมเรียนแต่งคือ ตำนานเรือโนอาห์ นั่นเอง เรื่องราวนี้และตัวเลขเวลานี้ ปรากฏแค่ในแผ่นหินจารึกคูนิฟอร์มของชาวสุเมเรียนเท่านั้น เราสามารถตรวจสอบได้ว่า ในช่วงระยะเวลา เมื่อ26,000 BC โลกได้เกิดมหาสึนามิรุนแรงขนาดนั้นจริงๆรึเปล่า ?? เทียบกับระยะเวลา เมื่อ5,300,000 BC
จำนวนปีนี้ ความจริงแล้ว มันก็ไปเกี่ยวข้องกับอารยธรรมมายา ที่ชาวมายาเรียกว่า "ศตวรรษวิสุทธิ์ "
ซึ่งก็น่าจะเป็นตัวเลขที่ชาวอนันนูกิหลอกให้ชาวสุเมเรียนเหมือนกัน กับชนชั้นใต้ปกครองของพวกเขาขณะนั้น แต่ง ในแผ่นหินจารึกคูนิฟอร์ม
8) หกพันปี อายุของแผ่นหินจารึกคูนืฟอร์มของชาวสุเมเรียนที่มีอายุเก่าแก่มากที่สุดที่ได้ค้นพบกัน
แผนที่แสดงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และประเทศต่างๆโดยรอบ
ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ได้ถูกแยกตัวออกจากมหาสมุทรแอตแลนติส เมื่อราวๆ5.9 ล้านปีBC ในยุคเมสซีเนียน และกินเวลายาวนานถึง 6แสนปี
ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (อังกฤษ: Mediterranean Sea) เป็นทะเลระหว่างทวีป คั่นกลางทวีปยุโรปและดินแดนอานาโตเลียที่อยู่ทางเหนือ ทวีปแอฟริกาที่อยู่ทางใต้ และทวีปเอเชียที่อยู่ทางตะวันออก ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 2.5 ล้านตารางกิโลเมตร[1] (คิดเป็นร้อยละ 0.7 ของพื้นผิวน้ำทะเลทั้งหมดในโลก) และมีส่วนที่เชื่อมต่อกับมหาสมุทรแอตแลนติกผ่านทางช่องแคบยิบรัลตาร์ คำในภาษาอังกฤษ Mediterranean มาจากภาษาละตินmediterraneus หมายถึง 'ภายในแผ่นดิน' (medius'กลาง' terra 'แผ่นดิน, โลก') ในภาษากรีกใช้ว่า "mesogeios" – จากคำ
กรีก μέσος (mésos) แปลว่า "ในท่ามกลาง", และ γήινος (gḗinos) แปลว่า "แห่งแผ่นดิน" – ซึ่งแสดงถึงลักษณะทะเลที่มีแผ่นดินล้อมรอบ ตามหลักฐานทางธรณีวิทยาแล้ว ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนถูกตัดออกจากมหาสมุทรแอตแลนติก เมื่อ 5.9 ล้านปีก่อน
และอยู่ในภาวะระเหยแห้ง (dessicated) โดนสิ้นเชิงเป็นช่วงเวลานานราว 6 แสนปี หรือที่เรียกว่า วิกฤติระดับเกลือยุคเมสซิเนียน (Messinian Salinity Crisis) ก่อนที่จะถูกน้ำท่วมใหญ่เพิ่มระดับน้ำให้เต็มอีกครั้งในยุคซานคลีอัน
ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมีความลึกเฉลี่ย 1,500 ม. (4,900 ฟุต) และจุดลึกสุดที่บันทึกไว้ คือ 5,267 ม. (17,280 ฟุต) ในร่องลึกคาลิปโซ (Calypso Deep) ในทะเลไอโอเนียน ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนถูกล้อมรอบด้วยชายฝั่งของทวีปยุโรปใต้ ชายฝั่งของเอเชียไมเนอร์ และชายฝั่งแอฟริกาเหนือ ตั้งอยู่ระหว่างละติจูด 30 °และ 46 ° N และลองจิจูด 6 ° W และ 36 ° E มีความยาวตามทิศตะวันตก - ตะวันออก เมื่อวัดจากช่องแคบยิบรอลตาร์ไปจนถึงอ่าว Iskenderun บนชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของตุรกีอยู่ที่ประมาณ 4,000 กิโลเมตร ( 2,500 ไมล์)
ความยาวตามทิศเหนือ - ใต้โดยเฉลี่ยของทะเล วัดจากชายฝั่งทางใต้ของโครเอเชีย ถึงลิเบียประมาณ 800 กม. (500 ไมล์)
ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเป็นเส้นทางที่สำคัญสำหรับพ่อค้าและนักเดินทางในสมัยโบราณ มันช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้าและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างผู้คนในภูมิภาค
ประวัติศาสตร์ของภูมิภาคในเมดิเตอร์เรเนียนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเข้าใจต้นกำเนิดและการพัฒนาของอารยธรรมสมัยใหม่หลายแห่ง
การเป็นทะเลที่เกือบจะไม่มีทางออกสู่มหาสมุทร ได้ส่งผลกระทบต่อเงื่อนไขหลายประการในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน: ตัวอย่างเช่น กระแสน้ำขึ้นลงมีจำกัดมากเนื่องจากการเชื่อมต่อที่แคบกับมหาสมุทรแอตแลนติก นอกจากนี้ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนยังมีสีฟ้าลึกซึ่งเป็นลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์อย่างเห็นได้ชัด
ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมีระดับการระเหยตัวที่สูงกว่าปริมาณน้ำฝน และอัตราการไหลลงสู่ทะเลของแม่น้ำมาก[2] โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัตราการระเหยสูงในซีกตะวันออกทำให้ระดับน้ำลดลงและความเค็มเพิ่มขึ้นทางทิศตะวันออก ความเค็มเฉลี่ยในอ่างทะเล คือ 38 PSU ที่ความลึก 5 เมตร[3] อุณหภูมิของน้ำในส่วนที่ลึกที่สุดของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนคือ 13.2 ° C (55.8 ° F)
ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ถูกตัดแยกออกจากมหาสมุทรแอตแลนติส เมื่อราวๆ5.9ล้านปี BC ในยุคเมสซีเนียน และอยู่ในภาวะระเหยแห้งเช่นนั้น หริอที่เรียกว่า วิกฤติระดับเกลือ (Messinian Salinity Crisis) นานถึงหกแสนปี
ก่อนจะถูกเติมเต็ม ในยุคซานคลีอันถัดมา ซึ่งถ้าคำนวณดูแล้ว ยุคซานคลีอัน ก็จะตรงกับช่วงระยะเวลาประมาณ
5,300,0000 BC อันเป็นช่วงเวลาที่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกพอดี
ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
เมื่อประมาณ 65 ล้านปีก่อน แผ่นทวีปแอฟริกาได้มาชนกับแผ่นทวีปยุโรปที่แหลมยิปรอลต้า
ปิดกั้นการไหลเวียนของน้ำในทะเลเมดิเตอเรเนียน
น้ำทะเลค่อยๆระเหยจนเหือดแห้งลงทั้งหมด กลายเป็นทะเลทรายในเวลา 2,000 ปี
ทิ้งเกลือจำนวนมหาศาลไว้ใต้พื้นดิน ลึกลงไปครึ่งกิโลเมตร
ใต้เกาะซิซิลี อิตาลี
เป็นเหมืองเกลือขนาดมหึมา ที่มีปริมาณเกลือหลายๆล้านตัน
สามารถทำเหมืองเกลือที่นี่ต่อไปได้อีกนับล้านปี โดยที่ไม่เกลือเหล่านี้ก็ยังไม่หมด
การไหลเข้ามาของน้ำทะเลจากมหาสมุทรแอตแลนติก
โดยประเมินอัตราไหลบ่าว่ามากกว่า 100 เท่าของน้ำตกไนแองการ่า ต่อเนื่องตลอดทั้งวันทั้งคืน
ใช้เวลาเป็นพันปี จึงเติมเต็มทะเลเมดิเตอเรเนียนทั้งหมดได้อีกครั้ง
บริเวณทะเลเมดิเตอร์เรเนียนนี้ เป็นแหล่งก่อกำเนิดของศาสนาหลักๆทั้งสามศาสนา อันได้แก่ ศาสนายูดาห์ (ศาสนาที่นับถือพระเจ้าเพียงพระองค์เดียว) ศาสนาเพเกิ้น (ศาสนาที่นับถือพระเจ้าหลายองค์) ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม ตามลำดับ เป็นพื้นที่ที่มีแผ่นกั้นพรมแดน ทั้งทวีปเอเชีย ยุโรป และแอฟริกา
เมื่อได้มีทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแล้ว เป็นเวลาช้านานที่พลเมืองที่นี่ใช้เรือพายข้ามระหว่างเกาะ แต่ทว่าเรือของพวกเขามันก็ไม่สามารถที่จะนำพาพวกเขาไปได้ไกลๆ ปัญหาของพวกเขา จึงได้ถูกแก้ไข โดยการคิดค้นใบเรือขึ้นมา ใบเรือนั้นเป็นรูปจตุรัสขนาดใหญ่ เพื่อจะได้ไม่มีปัญหากับกระแสลม เมื่อพวกเขาเดินทาง
ใบเรือจตุรัสขนาดใหญ่ ถูกพันด้วยเชือก เพื่อให้กะลาสีเรือสามารถที่จะขับเคลื่อน ควบคุมได้ด้วยการยกใบเรือขึ้น หรือ กางใบออก
ชาวเกาะมิโนอันบนเกาะครีต เป็นกลุ่มแรกที่สร้างใบเรือขึ้นมาบนโลก เพื่อขจัดปัญหา การเดินเรือที่มีกระแสลมและคลื่นกระแสน้ำรบกวนพวกเขา เมื่อประมาณ 4,000 BC
และเริ่มค้าขายกับชาวอียิปต์ที่อยู่ห่างออกไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ราวสี่ร้อยไมล์ ตั้งแต่เมื่อราวๆ1,700BC
แต่เมื่อประสบปัญหา การเดินทางในช่วงขากลับ จากทั้งกระแสลมและกระแสคลื่นทะเล จนทำให้ต้องพายเรือกลับบ้านเสมอๆ
เมื่อย้อนไปราวๆ2,500ปีต่อมา พวกเขาจึงได้ทำการดัดแปลงใบเรืออีก เพื่อ ให้กลายเป็นลักษณะคล้ายๆสามเหลี่ยม พวกเขาผูกปลายข้างหนึ่งของใบเรือเข้ากับหัวเรือ และดึงอีกปลายข้างหนึ่งขึ้น เพื่อสร้างรูปนี้ พวกเขาพบว่า สามารถจะโยกย้ายหรือควบคุมใบเรือ เพื่อให้รับลมได้ ไม่ว่ามันจะพัดมาจากทางทิศไหนก็ตาม ลมไม่จำเป็นจะต้องอยู่ด้านหลังอีกแล้ว วิธีการที่ชาวเรือเรียกว่า การเปลี่ยนทิศ
ทักษะใหม่ในการลดเลี้ยวผ่านเมดิเตอร์เรเนียน นำไปสู่การเฟื่องฟูของการค้าขาย,แนวคิด,เทคโนโลยี และสินค้า ชาวเมดิเตอร์เรเนียน พบว่า พวกเขาสามารถซึมซับทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เป็นประโยชน์กับผู้คนในภูมิภาคอื่น
ในศตวรรษที่15 ชาวโปรตุเกส ผสมผสานการโยกย้ายใบเรือสามเหลี่ยมเข้ากับพลังขับเคลื่อนของใบเรือจตุรัส กลายเป็นเรือ คาแล่กส์
สำหรับเดินทางออกท่องมหาสมุทรกว้าง นำไปสู่ยุคใหม่แห่งการสำรวจ และในที่สุดในปีค.ศ. 1492 คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ออกท่องมหาสมุทรกว้างด้วยเรือ คาแล่กส์
เรือคาแล่กส์ ที่คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ใช้ออกท่องมหาสมุทรกว้าง ในคริสตศวรรษที่ 15 เป็นเรือที่ผสมผสานกันระหว่างจตุรัสกับใบเรือสามเหลี่ยม เรือนี้ชื่อ ซานต้า มาเรีย
ชาวเมดิเตอร์เรเนียนล่องเรือในทะเลนี้มาหลายพันปี เเละเมื่อถึงศตวรรษที่15 พวกเขาก็เริ่มสำรวจโลกนอกพรมแดน เรือเดินสมุทรทำให้ภูมิภาคกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจแห่งใหม่
แต่ทว่า การพาณิชย์ก็ไม่ได้จำกัดแค่สินค้า หลังจากเรียนรู้ที่จะประยุกต์และประดิษฐ์สิ่งที่ดีที่สุดให้เข้ากับตนเองแล้ว พวกเขาก็พร้อมจะกอบโกยสมบัติของโลก
แม้ว่าสินค้าที่ดูเหมือนจะเป็นของสเปน เช่น มะเขือเทศ พวกเขาก็ไปนำเข้ามาจากอเมริกา โดยเรือคาแล่กส์ แล้วนำไปเผยแพร่ให้กับทั่วประเทศในแถบเมดิเตอร์เรเนียน มะเขือ ก็นำมาจากอินเดีย ถั่วแขก หรือ ถั่วลันเตา ก็เป็นสิ่งที่โคลัมบัสค้นพบในแคริบเบียน รวมถึง พาสต้าแห้ง ก็เป็นชาวอาหรับ นำเข้ามาจากเกาะซิซิลี ในศตวรรษที่8
แต่ผลไม้พื้นเมืองที่ขึ้นชื่อของที่นี่เลย และมีมาช้านาน ก็คือ * มะกอก (Olive) สำหรับชาวเมดิเตอร์เรเนียนโบราณ น้ำมันข้นที่คั้นจากมะกอก ถูกเรียกว่า ทองคำเหลว มันถูกใช้ในพิธีการทางศาสนา ,การแพทย์ ,ความงาม และมายากล (เช่น เชื้อเพลิงติดไฟ)
น้ำมันมะกอก คือ น้ำมันบริสุทธิ์ในยุคนั้น แต่เราสามารถทานมันได้
แต่ทว่า ต้นมะกอก จะมีผลผลิตตามต้องการของชาวเมดิเตอร์เรเนียน ต้นมะกอกป่าจะต้องได้รับการดูแลและเพาะปลูกขึ้นมา คนกลุ่มแรกที่ทำคือ ชาวมิโนอัน บนเกาะครีต เมื่อราวๆ3,000BC
ต้นมะกอก มีกลยุทธิ์ในการอยู่รอดที่ดีเยี่ยม ลำต้นของมัน ประกอบด้วยก้าน ใบ ต่างๆมากมาย หากก้านหนึ่งเสียหาย ก้านอื่นๆก็สามารถทดแทนมีชีวิตต่อไปได้ แต่ส่วนใหญ่แล้ว ต้นมะกอก จะเจริญงอกงามดี ได้ในอากาศอบอุ่นของเมดิเตอร์เรเนียนเท่านั้น ฤดูร้อน อากาศแห้งและร้อน เพราะมวลอากาศสูง เคลื่อนจากซาฮาร่าทางทิศเหนือ ฤดูหนาว อากาศเย็นและเปียกชื้น เพราะลมแรงนำความชื้นมาจากแอตแลนติส
ต้นมะกอก พืชพื้นเมืองของสเปนและดินแดนแถบเมดิเตอร์เรเนียนมาช้านาน เป็นตัวแทนของความอิสระภาพและสันติภาพ
สภาพอากาศที่เหมาะกับเมดิเตอร์เรเนียน อีกอย่างหนึ่ง ก็คือ องุ่น
ไร่องุ่นที่ซิซิลี ผลิตไวน์ที่ดีที่สุดของเกาะ
แต่มีตัวช่วย คือ ภูเขาไฟเอ้ดน่าร์ หนึ่งในภูเขาไฟที่คุกรุ่นที่สุดในโลก ปล่องขนาดใหญ่ของมัน ลึกถึงสองพันฟุต และมักปกคลุมด้วยก้าซพิษอยู่เสมอ แต่ทว่า เอ็ดน่าร์ ก็มอบของขวัญล้ำค่าให้กับเกษตรกร และชาวนา เถ้าภูเขาไฟทำให้ดินอุดม และต้นองุ่นงอกงาม
แต่บางครั้ง มันก็ให้คุณ และบางครั้งก็กลับสร้างโทษมหันต์ เอ้ดน่าร์ คือสิ่งเตือนเกี่ยวกับธรณีวิทยาที่ทำให้ก่อเกิดเมดิเตอร์เรเนียน
ภูเขาไฟวิซูเวียส เกิดระเบิดครั้งรุนแรง ถล่มเมืองปอมเปอีจนราบเป็นหน้ากลอง เมื่อ ค.ศ. 79
อิตาลี เป็นพรมแดนระหว่างแผ่นธรณีภาคแอฟริกาและแผ่นภาคยูเรเชีย เขตแตกทลายในการปะทะกันของทวีป แผ่นธรณีภาคแอฟริกา ถูกผลักลงใต้แผ่นธรณีภาคยูเรเชียอย่างข้าๆ ลึกลงไปใต้ดิน ความร้อนรุนแรง หลอมละลายหิน
ตลอดระยะเวลากว่า ** 7ล้าน 5แสนปีมานี้ ลาวาลอดผ่านรอยแยกของเปลือกโลก แล้วสร้างห่วงโซ่ภูเขาไฟขึ้นมา รวมถึง ภูเขาไฟที่คุกรุ่นที่สุดในประวัติศาสตร์
ภูเขาไฟวิซูเสียส ที่เมืองชายฝั่งตะวันตกของอิตาลี เมืองเมเปิ้ลส์ ได้เรียนรู้พิษสงของภูเขาไฟวิซูเวียส
ค.ศ. 79 ปอมเปอี เมืองท่าตากอากาศที่อยู่ใกล้ๆ ต้องยอมศิโรราบต่อแผ่นเปลือกโลกที่สูงกว่าของโรมันอย่างเงียบๆ เมื่อธรณีวิทยาของเมดิเตอร์เรเนียน ทำลายเมืองปอมเปอี
* ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ภาคปฐมกาล เมื่อโนอาห์ได้ทำการปล่อยนกพิราบออกไปจากนาวา เพื่อจะลองพิสูจน์ว่าน้ำได้ลดระดับลงบ้างรึยัง?
ในการปล่อยนกครั้งที่สาม นกพิราบนั้น ก็ได้จัดการคาบใบมะกอก กลับมาให้โนอาห์ แสดงว่า เหตุการ์ณน้ำท่วมโลกนั้น อาจจะเกิดขึ้นในบริเวณประเทศแถบเมดิเตอร์เรเนียน เพราะมะกอก คือพืชพื้นเมืองของแถบนี้ที่มีมานาน อย่างเช่น ในสารคดีเมดิเตอร์เรเนียนที่กล่าวถึงประเทศสเปน นกกาที่ถูกปล่อยออกไปก่อน แล้วไม่กลับมา น่าจะแสดงถึงตัวแทนของสัญลักษณ์ชาวนิบิรุ ซึ่งพวกเขาก็มีปีกเหมือน
กันกับนกนั่นแหล่ะ (นิบิรุ เป็นภาษาแอคคาเดียน แปลว่า จุดตัด หรือจุดหักเห คือมีการพุ่งชนกัน นั่นเอง และยังหมายถึง ความลึกลับ) อีกด้วย
และการที่ไม่กลับมา ก็น่าจะหมายถึง การเยาะเย้ย ชาวมนุษย์ หลังจากที่ได้จัดการให้มีน้ำท่วมโลกขึ้นแล้ว ซึ่งมันจะตรงกันข้ามกับนกพิราบและใบมะกอก ที่เป็นสัญลักษณ์แสดงถึง เสรีภาพและอิสระภาพของมนุษย์
** 7ล้าน 5 แสนปี นับจากระยะเวลาที่แผ่นเปลือกโลกแอฟริกามุดเข้าใต้แผ่นเปลือกโลกยูเรเชีย เมื่อประมาณ65 ล้านปี BC
*** มีบางตำราและนักวิชาการบางท่าน กล่าวว่า ผลจากการชนกันเมื่อ4,600ล้านปีนั้น มันทำให้ทวีปเลอมูมีการเปลี่ยนแปลงด้วย แต่ว่าในสมัยบรมยุคฮาเดียนนั้น เมื่อราวๆสี่พันหกร้อยปีนั้น โลกของเรายังมีสภาพคล้ายกับลูกไฟใบใหญ่ คงไม่น่าจะมีสิ่งมีชีวิตใดๆ ที่จะมาตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัยได้ และถึงขั้นจะมีขนาดประชากรที่มากถึง6.3ล้านคน แต่ว่าหากเป็นเพียงแค่พื้นที่หรือแอ่งที่หายไปหรือมีผลกระทบเท่านั้น ก็ไม่น่าจะผิด กับความเชื่อนี้ ชาวอนันนูกิน่าจะลวงหลอกให้ชาวสุเมเรียน กลายมาเป็นมหากาพย์ เอนนูม่า เอ็นริช
เพราะว่าในสมัยบรมยุคฮาเดียนนั้น โลกของเรายังมีสภาพคล้ายกับลูกไฟดวงกลมโต คงจะไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆเกิดขึ้นมาบนโลกเราได้ แม้จะมีขนาดเล็กๆก็ตาม แต่ขณะอีกตำรา กล่าวถึงเรื่องของทวีปเลอมูว่า มันได้ตั้งอยู่บนมหาสมุทรแปซิฟิค และทวีปเลอมูนี้ มีประชากรอาศัยอยู่กว่าหกสิบล้านคน มันขัดกันแย้งมาก อย่างแรกคือในสมัยนั้น ไม่น่าจะมีสิ่งมีชีวิตใดๆดำรงอาศัยอยู่ได้เลย
และสองตำรา กล่าวว่า เมื่อดาวหางพุ่งเข้ามาใกล้ๆกับเทียมัตนั้น ทำให้"เกิด"มหาสมุทรแปซิฟิค และทำให้ทวีปเลอมู มีการเปลี่ยนแปลง
แต่ทวีปเลอมูนั้น ตั้งอยู่บนมหาสมุทรแปซิฟิค เฉี่ยวชนแล้วทำให้เกิดมหาสมุทรแปซิฟิค ถ้าเช่นนั้น ตอนนั้นก็ไม่น่าจะมีทวีปนี้นะครับ
แสดงว่า นี่เป็นอีกตำราหนึ่ง ที่ชาวอนันนูกิแต่งหลอกเรา ออกมาเป็นมหากาพย์ เอนนูม่า เอ็นริช
*** นี่ก็น่าจะเป็นอีกเรื่อง ที่พวกอนันนูกิหลอกลวง ชาวสุเมเรียน ให้แต่งบนแผ่นหินคูนิฟอร์มของพวกเขา ความจริง พวกนี้ได้เดินทางมาอยู่บนโลกของเราแล้วเป็นระยะเวลาสักพัก และได้สร้างอารยธรรมของพวกตนเองขึ้นมาก่อน เป็นระยะเวลานานก่อนจะถึงยุคโฮโลซีนด้วยซ้ำ เช่น อารยธรรมมายา อารยธรรมอินคา อารยธรรมแอตแลนติส เป็นต้น
ขอขอบคุณข้อมูล จาก
https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99
ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
https://m.pantip.com/topic/35183217
? แสดงวิดีโอจากกระทู้ในพันทิบกระทู้หนึ่ง ที่แสดงถึงเหมืองเกลือบริเวณนี้ในอดีตกาล และการไหลบ่าอย่างรวดเร็วของมหาสมุทรแอตแลนติกด้วยแนบมาด้วย
https://youtu.be/MLhqoj4ZkMM?si=SQ0keHnkakSjiobT
สารคดีเมดิเตอร์เรเนียน
https://youtu.be/BXn2hKYKNwA?si=QHCMRmLjpD7wEuFR
คัมภีร์ไบเบิล ปฐมกาล
วิทยาศาสตร์
ประวัติศาสตร์
วิทยาการ
1 บันทึก
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย