12 เม.ย. เวลา 05:00 • ธุรกิจ

‘หมึกมันไก่’มีลุ้นทะลุ ‘100 ล้าน’ เตรียมเปิดเพิ่มอีก 6 สาขา โตเร็วจนทุนใหญ่รุมจีบฉ่ำ

เปิดได้ไม่ถึง 1 ปี แต่ขายได้เดือนละ 3 ล้านบาท! คุยกับ “หมึก-ฐิตาภัสร์” เจ้าของร้าน “หมึกมันไก่” หนึ่งในผู้จุดกระแสข้าวมันไก่สเปเชียลตี้ ทำมาหลายอย่างตั้งแต่เปิดโรงรับจำนำจนถึงขายผัดกะเพรา ปัจจุบันใช้ไก่เดือนละ 4 ตันก็ไม่พอขาย ตั้งเป้าเปิดให้ครบ 7 สาขาภายในปีนี้
ข้าวมันไก่ไม่ใช่ธุรกิจแรกสุดของ “หมึก-ฐิตาภัสร์ ปฐมวีระศักดิ์” หากย้อนไปไกลกว่านั้นเธอเคยทำธุรกิจโรงรับจำนำมาก่อนแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ จากภาวะเศรษฐกิจที่ทำให้ธุรกิจมีอันต้องปิดตัวลง จึงมองไปที่การทำอาหาร เพราะคิดว่า เป็นธุรกิจที่ง่าย อย่างไรคนต้องกินข้าวทุกวัน
-ฐิตาภัสร์ ปฐมวีระศักด์ หรือ หมึก เจ้าของร้านหมึกมันไก่-
เป็นที่มาของร้าน “กะเพราล้มยักษ์” ตั้งอยู่บริเวณเพชรบุรีซอย 5 ขายดีมากและมีลูกค้ามาอุดหนุนเรื่อยๆ ทว่า “หมึก” เป็นอีกคนที่ขายดีจนเข้าตำรา “ขายดีจนเจ๊ง” เนื่องจากยังไม่มีความรู้เรื่องบริหารจัดการต้นทุน ขายดีเท่าไหร่กำไรหายหมด สักพักก็เริ่มเหนื่อยจนคิดอยากเลิกทำอาหารขาย
1
ต่อมาเธอได้มีโอกาสลับคมวิชากับ “ธนพงษ์ วงศ์ชินศรี” หรือ “ต่อเพนกวิน” ผู้เชี่ยวชาญการทำธุรกิจร้านอาหารเพื่อศึกษาศาสตร์แห่งการจัดการต้นทุน แต่ไปๆ มาๆ ก็ยังไม่ใช่ช่วงเวลาของเธอสักที เพราะหลังจากนั้นก็เกิดวิกฤติโรคระบาดใหญ่ทำให้ทุกอย่างหยุดชะงัก ณ ตอนนั้นแม้จะคิดถอดใจไม่ไปต่อกับร้านกะเพราแล้ว แต่ก็ไม่เคยหยุดเติมความรู้ พี่หมึกบอกว่า หากไม่ใช่กะเพรา เธอก็คิดถึงการทำข้าวมันไก่เป็นโจทย์ต่อไป จึงลงเรียนหลักสูตรทำข้าวมันไก่เพิ่มเติม เรียนเยอะถึง 7-8 สูตร จนนำมาปรับเปลี่ยนเป็นรสชาติที่ตนเองชื่นชอบ
-เมนูกะเพราะจากร้านกะเพราล้มยักษ์-
จากร้าน “กะเพราล้มยักษ์” พลิกตำราสู่ “หมึกมันไก่” ขายที่โลเกชันเดิม พร้อมโต๊ะเก้าอี้เพียง 4 ชุด เธอคุยกับครอบครัวว่า อยากให้ร้านหมึกมันไก่มีรายได้ราวๆ 5,000 บาทต่อเดือน หักลบต้นทุนแล้วก็คงเพียงพอให้หมุนเวียนใช้จ่ายได้ครบถ้วน แต่ความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นเมื่อเปิดร้านไปได้เพียง 4-5 วัน “หมึกมันไก่” ก็ถูกบอกต่อปากต่อปาก
ทำร้านอาหารมาสักพักก็พอจะมีคนรู้จักในแวดวงอยู่บ้าง เพื่อนของ “หมึก” ที่ได้มีโอกาสแวะเวียนมาชิม จึงตัดสินใจโพสต์ข้าวมันไก่ลงบนเฟซบุ๊ก และมาดังเป็นพลุแตกสุดๆ จากเพจ “มาดามตวง” สามสัปดาห์หลังจากนั้น “หมึกมันไก่” ได้ประทับตรา “เปิบพิสดาร” จากแม่ช้อยนางรำ และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาทั้งจำนวนลูกค้าและรายได้ของหมึกมันไก่ก็ไม่เคยหยุดที่วันละ 5,000 บาทอีกเลย วันไหนขายได้มากหน่อยก็อาจจะทะลุไป 150,000-200,000 บาทต่อวันด้วยซ้ำไป
ตลอด 10 เดือนที่เปิดร้านมา “หมึกมันไก่” เติบโตทุกเดือนทั้งยอดขายและจำนวนลูกค้า ทุกวันนี้ที่ร้านใช้ไก่ประมาณ 40 ตัวต่อวัน เฉพาะส่วนน่องและสะโพก 150 กิโลกรัมต่อวัน ใน 1 เดือนต้องใช้ไก่ราวๆ 4 ตัน ตอนนี้ “หมึกมันไก่” กำลังจะเปิดสาขาที่ 2 ที่ตลาดสดธนบุรีภายในเดือนเมษายน 2568 โดยเหตุผลที่เลือกโลเกชันนี้เพราะทุกอย่างตอบโจทย์ความต้องการครอบคลุม เป็นคอมมูนิตี้ร้านอาหาร ค่าเช่าไม่แพง มีที่จอดรถเยอะ บรรยากาศดี ที่สำคัญทุกคน ทุกกลุ่มเข้าถึงได้ง่าย
“หมึก” บอกว่า ต้องการให้ข้าวมันไก่เข้าถึงได้ทุกกลุ่ม ราคาไม่แพง เพราะร้านเกิดจากตรงนี้ ที่ผ่านมามีแลนด์ลอร์ดห้างสรรพสินค้าชวนไปเปิดเยอะมาก แต่เพราะค่าเช่าบนห้างราคาค่อนข้างแรง บวกกับมีค่า GP เพิ่มขึ้นมาด้วย หากไปอยู่บนห้าง “หมึกมันไก่” ก็ต้องปรับราคาเพิ่มขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมกับต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งไม่ตรงกับความตั้งใจเดิมของเธอ
วิธีเลือกโลเกชันอิงจากเรื่องราคาค่าเช่าและเสียงเรียกร้องจากลูกค้า รวมถึงยังคอยสังเกตด้วยว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ที่สั่งเดลิเวอรีอยู่ตรงไหนมากเป็นพิเศษ ซึ่งแผนเปิดสาขาในปีนี้ได้วางไปถึง 7 สาขาแล้ว
โดยพี่หมึกเปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า ทั้ง 6 สาขาที่กำลังจะเปิด ได้แก่ สาขาที่ 2 ตลาดสดธนบุรี สาขาที่ 3 ย่านบางรัก-สีลม สาขาที่ 4 ย่านบางนา สาขาที่ 5 ตลาดยิ่งเจริญ สาขาที่ 6 ย่านเอกมัย และสาขาที่ 7 ยังอยู่ระหว่างพิจารณา จนถึงปลายปีนี้ “หมึกมันไก่” จะมีทั้งหมด 7 แห่ง ด้วยยอดขายและจำนวนสาขาเท่านี้ “หมึก” จึงประเมินไว้ว่า อาจพอมีลุ้นที่จะแตะสู่หลัก “ร้อยล้าน” ได้สำเร็จ
เมื่อถามว่า ดังเร็วขนาดนี้มี “บ้านใหญ่” ชวนไปอยู่ด้วยหรือยัง หมึกบอกว่า มีเยอะมาก ทั้งชวนร่วมทุน ลงทุนให้ และพาไปเปิดร้านที่ต่างประเทศ แต่ถึงตอนนี้ยังไม่ได้ตอบตกลงดีลไหน มีพูดคุยและสนใจอยู่บ้าง แต่ตนไม่อยากดึงใครมาเสี่ยงด้วย อยากมั่นใจในศักยภาพตนเองมากกว่านี้ ถ้าศักยภาพพร้อมถึงเวลานั้นก็อาจจะได้เห็นดีลใหญ่เกิดขึ้นหรือไม่ คงเป็นเรื่องในอนาคตที่ต้องลงรายละเอียดกันมากกว่านี้
โฆษณา