7 เม.ย. เวลา 15:46 • สุขภาพ

ราคายาในไทยจะแพงขึ้นหรือไม่ จากมาตรการภาษีของทรัมป์

เรียกได้ว่าโดนกัน ไม่ว่าจะพันธมิตรหรือไม่ สำหรับมาตรการกำแพงภาษีของทรัมป์
แน่นอนว่ามาตรการนี้จะส่งผลกระทบกับการนำเข้าสินค้าหลายชนิด ส่งผลให้ต้นทุนสินค้าต่างๆเพิ่มสูงขึ้น
หนึ่งในตลาดที่ถูกจับตามองคือตลาดยาและเวชภัณฑ์ เนื่องจากไทยนำเข้ายาและเวชภัณฑ์จากบริษัทในยุโรปและสหรัฐอเมริกาจำนวนมาก ทำให้ถูกมองว่าอาจได้รับผลกระทบรุนแรงจากมาตรการดังกล่าวด้วย
รูปจากเพจ ตามติดชีวิตAnimal
​ตลาดยาในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 (2024) มีมูลค่าประมาณ 225,000 ล้านบาท และคาดการณ์ว่าจะขยายตัวเฉลี่ย 6.0-7.0% ต่อปีในช่วงปี 2568-2570 (2025-2027) โดยแบ่งเป็นสัดส่วนยานำเข้าราว 70% ของตลาดยาในประเทศไทย ส่วนที่เหลือเป็นยาที่ผลิตในประเทศ
โดยในจำนวนนี้ไทยนำเข้ายาจากสหรัฐอเมริกามากถึง 337 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นอันดับหนึ่งของการนำเข้า รองลงมาคือ เยอรมนี 334 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และตามมาด้วยญี่ปุ่น 196 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนการผลิตเองในประเทศ ไทยนำเข้าสารสำคัญทางยาเพื่อใช้ในการผลิตในประเทศจากอินเดียเป็นหลัก โดยมีมูลค่าสูงถึง 192.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ถ้าถามว่าตลาดยาในไทยจะโดนกระทบไหม ต้องบอกว่าโดนแน่นอน จากข้อมูลข้างต้นที่กล่าวมา โดยยาที่จะได้รับผลกระทบที่สุดจะเป็นยาในกลุ่ม ยาชีววัตถุ (Biologics) เช่น adalimumab (Humira), etanercept (Enbrel), trastuzumab (Herceptin) เนื่องจากวัตถุดิบที่ใช้ในกระบวนการผลิตชีววัตถุมักซับซ้อน และบางส่วนมาจากจีนหรืออินเดียซึ่งอาจถูกแทรกซ้อนทางภาษีหากมีขั้นตอนการผลิตในจีนก่อนส่งไปสหรัฐฯ หรือใช้ supply chain ร่วมกัน
ต่อมาคือยาในกลุ่มยาโรคทั่วไป โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง กลุ่มยาเบาหวาน ความดันต่างๆ
เนื่องจากสารสำคัญทางยาบางชนิดนำเข้าจากจีน จึงอาจได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า และสุดท้ายคือยาปฏิชีวนะหลายตัวที่มีผู้ผลิตน้อย และใช้วัตถุดิบจากแหล่งจำกัด การเปลี่ยนแปลงในต้นทุน supply chain ส่งผลต่อราคาได้ง่าย
นอกจากการเจรจาแล้ว การเสริมความมั่นคงทางยาของไทยเป็นสิ่งจำเป็นและถูกพูดถึงมาแล้วหลายปี เพียงแต่ยังไม่ถูกดำเนินการอย่างจริงจัง พัฒนาอุตสาหกรรมยาในประเทศ (Local Pharmaceutical Industry Development) ยกระดับศักยภาพการผลิตวัตถุดิบยา (API) ส่งเสริม การลงทุนร่วมระหว่างรัฐ-เอกชน (PPP) ในโรงงานผลิต API และชีววัตถุพื้นฐาน
นอกจากนี้ ปรับปรุงระบบฐานข้อมูลยา จัดตั้งระบบติดตามราคายาและวัตถุดิบแบบ real-time (เชื่อมกับข้อมูลราคาต่างประเทศ เช่น India, China, US) รวมถึงเร่งปฏิรูประบบขึ้นทะเบียนยาเพื่อเร่ง biosimilar และ generic เพื่อให้มียาคุณภาพสูงที่ราคาถูกใช้ในประเทศ ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการพึ่งพาตนเองด้านยาอย่างยั่งยืน มากกว่าแค่บังคับใช้ยาสมุนไพรแบบเลื่อนลอย ขาดการวางแผนในระยะยาว
อ้างอิง
โฆษณา