11 เม.ย. เวลา 03:17 • หุ้น & เศรษฐกิจ

💥 เหตุผลหลักที่ทรัมป์ (หรือรัฐบาลสหรัฐฯ) เพิ่มภาษีนำเข้าสูงมาก:

1. 🇨🇳 หลีกเลี่ยงการใช้ "ประเทศที่สาม" เป็นทางผ่านของจีน (Transshipment)
หลังจากที่สหรัฐฯ ตั้งภาษีสินค้าจีนโดยตรง จีนบางบริษัทก็อาจจะพยายาม "เลี่ยง" ภาษีโดยการ:
ย้ายฐานการผลิตมายังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ไทย เวียดนาม หรือ มาเลเซีย
หรือส่งสินค้าไป "แปะป้าย" ประเทศอื่นก่อน แล้วค่อยส่งไปสหรัฐฯ
👉 สิ่งนี้เรียกว่า transshipment ซึ่งผิดกฎการค้า และทรัมป์มองว่าไทย/เวียดนาม อาจถูกใช้เป็น “ฐานส่งออกแทนจีน”
ดังนั้น สหรัฐฯ จึงพิจารณาขึ้นภาษีต่อสินค้าจากประเทศเหล่านี้ด้วย เพื่อป้องกันการเลี่ยงภาษีของจีน
2. 🇺🇸 ปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ (Protectionism)
ทรัมป์มีแนวคิด “America First” ต้องการให้สินค้า Made in USA แข็งแกร่งขึ้น
จึงตั้งภาษีสูงกับสินค้านำเข้า เพื่อให้สินค้าภายในประเทศ "ดูถูกกว่า" เมื่อเทียบกับสินค้านำเข้าที่โดนภาษี
ส่งผลให้ผู้บริโภคหันไปซื้อสินค้าภายในประเทศมากขึ้น 👉 ส่งเสริมการจ้างงานในอเมริกา
3. 📉 ลดการพึ่งพาจีนและกระจายห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Diversification)
COVID-19 และความตึงเครียดทางการเมือง ทำให้สหรัฐฯ ตระหนักว่าการพึ่งพาจีนมากเกินไป "เสี่ยง" ต่อเศรษฐกิจ
การขึ้นภาษี เป็นวิธีหนึ่งในการกดดันให้บริษัทอเมริกัน ย้ายฐานการผลิตออกจากจีน แล้วกลับมาผลิตในสหรัฐฯ แทน
4. 📊 ลดดุลการค้า (Trade Deficit)
ทรัมป์มองว่าการที่สหรัฐฯ นำเข้าสินค้ามากกว่าส่งออกมาก ทำให้ประเทศเสียเปรียบ
โดยเฉพาะกับจีน ที่มีดุลการค้ามากกว่ากับอเมริกาหลายแสนล้านดอลลาร์ต่อปี
การเก็บภาษีจึงเป็นเครื่องมือเพื่อลดการนำเข้า และดึงสมดุลกลับคืนมา
🌏 ทำไมประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย ถึงโดนลูกหลง?
แม้ไทยจะไม่ได้ตั้งใจ "เป็นตัวแทนจีน" แต่เพราะมี โรงงานต่างชาติย้ายฐานจากจีนมาไทยมากขึ้นทำให้สหรัฐฯ สงสัยว่า “สินค้าเหล่านี้จริง ๆ แล้วเป็นสินค้าจีนปลอมตัวหรือเปล่า?”
นอกจากนี้ ไทยเองก็ มีดุลการค้าเกินดุลกับสหรัฐฯ (ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ มากกว่านำเข้า)
👉 ยิ่งเป็นแรงผลักดันให้สหรัฐฯ พิจารณาตั้งภาษีบางรายการกับไทยและประเทศเพื่อนบ้าน
✍️ สรุปสั้น ๆ:
ทรัมป์ขึ้นภาษีสูงเพื่อ สกัดจีน ไม่ให้ใช้ประเทศอื่นเลี่ยงภาษี
และเพื่อ ปกป้องแรงงาน-โรงงานในอเมริกา
ประเทศในเอเชียจึงกลายเป็น "ลูกหลง" แม้ไม่ได้ตั้งใจ เพราะถูกมองว่าอาจเป็นฐานใหม่ของจีน
โฆษณา