11 เม.ย. เวลา 04:42 • หุ้น & เศรษฐกิจ

จิตวิทยาตลาด & การจับไต๋ Market Maker สำหรับนักลงทุนรายย่อย

คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้าใจจิตวิทยาตลาด เทคนิคของ Market Maker และวิธีเอาตัวรอดในโลกการเงินที่ขับเคลื่อนด้วยอารมณ์มากกว่าตัวเลข
บทที่ 1: Market Maker คือใคร?
Market Maker (MM) คือผู้ที่มีบทบาทสำคัญในตลาด โดยทำหน้าที่เป็น 'ผู้สร้างสภาพคล่อง' ด้วยการยืนราคาซื้อ (Bid) และขาย (Ask) ตลอดเวลา ช่วยให้หุ้นสามารถซื้อขายได้อย่างต่อเนื่องและไม่ผันผวนรุนแรง
📌 ประโยชน์ของ MM:
 - ทำให้หุ้นที่ไม่มีคนเล่นสามารถซื้อขายได้
 - ป้องกันไม่ให้ราคาผันผวนเกินควร (ลด volatility)
 - สนับสนุนการเปิด/ปิดตลาดอย่างราบรื่น
🧠 ตัวอย่าง:
 หากหุ้น XYZ ไม่มีคนยืนซื้อเลย รายย่อยที่อยากขายจะทำไม่ได้ → แต่ถ้ามี MM ยืนรับอยู่ เขาจะซื้อทันที และตั้งขายต่อด้านบน
📊 MM ไม่ใช่แค่ 'คนมีเงินเยอะ' แต่คือ 'คนที่มีเป้าหมายสร้างจังหวะให้ราคาขยับ เพื่อเอากำไรจากความต่างทางอารมณ์ของนักลงทุน'
บทที่ 2: จิตวิทยาที่ Market Maker ใช้
MM ใช้จิตวิทยาเพื่อชี้นำฝูงชน เช่น:
1. ข่าว: ข่าวดี = ขายให้คนซื้อแพง / ข่าวร้าย = ซื้อของถูก
 - ใช้จังหวะข่าวในการสร้างอารมณ์มากกว่าข้อมูลจริง
 2. FOMO: ล่อให้คนกลัวตกรถ เช่น กดราคาขึ้นไวในช่วงเปิดตลาด
 - ราคาเร่งขึ้นผิดปกติ เพื่อเร่งความอยากซื้อ
 3. ความหวัง: ให้ราคาค่อย ๆ ไหลขึ้นจนคนมั่นใจ แล้วเท
 - สร้างภาพว่าจะกลับตัว ทำให้คนไม่ขาย
4. ใช้สื่อ/อินฟลูเอนเซอร์: กระจายมุมมองบวกแบบซ้ำ ๆ
 - ใช้การปลูกฝังซ้ำ ทำให้คนกล้าเข้าเพิ่ม
 5. สร้างความขัดแย้ง: มีทั้งกลุ่มเชียร์-ด่า ทำให้เกิด Volume
 - ฝูงชนขัดแย้ง = โอกาส MM ซื้อจากคนหนึ่ง ขายให้อีกคน
📌 ภาพประกอบ: สัญญาณขายจาก MM
บทที่ 3: สัญญาณว่า Market Maker กำลัง "ขายของ"
บทนี้จะช่วยให้คุณสังเกตพฤติกรรมที่มักเกิดก่อนที่ MM จะปล่อยของออกจากมือ ซึ่งมักจะมาพร้อมกับ 'ความมั่นใจของฝูงชน' ที่อยู่ในจุดพีคที่สุด
📌 สัญญาณสำคัญ:
 1. Volume พุ่งสูงที่ยอดดอย แต่ราคาไม่ขึ้นต่อ
 - มักเป็นจังหวะที่คนจำนวนมากกำลังไล่ซื้อ และ MM กำลังขายให้
 - ราคาดูเหมือนจะเบรก High แต่ไม่สามารถยืนได้
 2. ข่าวดีประกาศ แต่ราคาไม่ไปต่อ
 - หากมีข่าวดีเช่น งบดี, ขยายกิจการ, ลูกค้าใหญ่เพิ่ม แต่ราคาย่อตัวทันทีหลังข่าวออก
 → อาจเป็นสัญญาณว่า MM ปล่อยของก่อนข่าวแล้ว
3. คนรอบตัวพูดถึงหุ้นตัวนั้นมากเกินไป
 - หากคุณเริ่มได้ยินชื่อหุ้นจากหลายกลุ่มพร้อมกัน หรือเห็นว่าหลายคนเริ่มโชว์กำไร → ต้องเริ่มระวัง
4. มีแรงขายผิดปกติในจังหวะไม่มีข่าวใด ๆ
 - เป็นไปได้ว่า MM เริ่มลดสถานะโดยไม่ต้องรอข่าว
5. ทำ High ใหม่แต่ไม่มี Volume ตาม
 - ราคาวิ่งไปทำ New High แต่ไม่มี Volume สนับสนุน → อาจเป็น Fake Breakout
บทที่ 4: ตัวอย่างเคสจริง
📌 หุ้น A (ปี 2022):
 - ช่วงเดือนก่อนงบ ราคาสะสมในกรอบ 8.50–8.70
 - มีข่าวลือว่ากำไรโตแรง → ราคาพุ่งไปถึง 10.50 ภายใน 4 วัน
 - วันที่ข่าวจริงออก ราคาเปิด Gap ขึ้นเล็กน้อย แล้วมีแท่งแดงขนาดใหญ่
 - 3 วันถัดมา ราคาร่วงกลับมายืนใต้ 9.00 และไม่ฟื้นอีกเลย
 🎯 บทเรียน: ข่าวดี ≠ ซื้อทันทีเสมอ โดยเฉพาะถ้าราคาวิ่งนำหน้าแล้ว
📌 หุ้น B (ปี 2023):
 - หุ้นนิ่ง Sideway มาเกือบ 2 เดือน
 - จู่ ๆ มี Volume พุ่งเข้ามาแบบไม่มีข่าวใด ๆ
 - ราคาไต่ขึ้นช้า ๆ จาก 6.00 → 6.80 โดยไม่มีแรงขาย
 - พอมีข่าวบวกออก → ราคาพุ่งอีกวันเดียว แล้วร่วงยาว 20%
 🎯 บทเรียน: หาก Volume มาก่อนข่าว = MM เก็บของไว้แล้ว ไม่ใช่โอกาสซื้อ
บทที่ 5: MM กับ Time Frame และจังหวะของตลาด
หนึ่งในความเข้าใจผิดของนักลงทุนรายย่อยคือ การตีความพฤติกรรม MM โดยใช้ Time Frame ที่ต่างกันเกินไป
 - MM อาจเก็บของเป็นเดือน แต่รายย่อยดูแค่กราฟ 15 นาที
 - MM อาจพักฐานระยะกลาง แต่คนเข้าใจว่าเป็นการโดนทุบ
📌 เทคนิคที่ควรรู้:
 - ถ้าคุณเล่นรอบสั้น → อย่าติดกับ trap ของรอบใหญ่
 - ถ้าเล่นยาว → อย่าหวั่นไหวกับแท่งแดงใน Time Frame เล็ก
 🧠 จงรู้ว่า MM กำลังเล่นอยู่ในรอบไหน แล้วเราจะไม่หลงจังหวะ
บทที่ 6: MM กับจังหวะข่าว (News Trap)
MM ไม่ได้สร้างข่าว แต่เลือกใช้ข่าวใน 'จังหวะ' ที่เขาได้เปรียบที่สุด
 📌 ข่าวดีมักมาหลังราคาวิ่ง → เพื่อให้คนแห่ซื้อ = MM ขาย
 📌 ข่าวร้ายมักมาก่อนช่วงเก็บของ → คนเทขาย = MM ซื้อ
 ตัวอย่างคลาสสิก:
 - ข่าวดี: 'เปิดกิจการใหม่' → ราคาขึ้นก่อน 5 วัน → ข่าวออก → ร่วงทันที
 - ข่าวลบ: 'ผลประกอบการลดลง' → ราคาร่วงล่วงหน้า 3 วัน → หลังข่าวฟื้น
บทที่ 7: พฤติกรรมฝูงชน (Herding Behavior)
คนส่วนใหญ่มักชอบอยู่รวมกัน ความคิดคล้ายกัน และมั่นใจพร้อมกัน
 MM ใช้ 'พลังของฝูงชน' เป็นเครื่องมือสร้าง Volume หรือ Trap
📌 พฤติกรรมที่ควรจับตา:
 - หุ้นเริ่มดังในกลุ่ม Line, Facebook พร้อมกัน → ความเสี่ยงมา
 - ทุกคนพูดว่า 'ตัวนี้ปลอดภัย' หรือ 'ยังไงก็ไปต่อ' → MM เตรียมเท
 🧠 เม่าไม่แพ้เพราะไม่เก่ง แต่แพ้เพราะคิดเหมือนกันหมด
บทที่ 8: ความผิดพลาดทางอารมณ์ที่เม่ามักทำ
การเสียหายส่วนใหญ่ไม่เกิดจากกราฟหรือข่าว แต่เกิดจากอารมณ์:
 - กลัวตกรถ → ไล่ซื้อแพง
 - ไม่ยอมขายตอนขาดทุน → หวังว่าจะฟื้น
 - ถัวเฉลี่ยขาลงแบบไม่มีแผน → ลึกจนออกไม่ได้
📌 วิธีหลีกเลี่ยง:
 - เขียนแผนก่อนซื้อ (เข้า-ออก-ผิดพลาดทำยังไง)
 - ตั้ง Stop Loss, ไม่เปลี่ยนแผนกลางอารมณ์
 - ถามตัวเองว่า 'เรากำลังตัดสินใจเพราะแผน หรือเพราะใจ?'
บทพิเศษ: กลยุทธ์อยู่กับ MM โดยไม่เป็นเหยื่อ
เราไม่จำเป็นต้องสู้กับ MM ถ้าเรามองเกมเขาออก
 📌 เคล็ดลับรอดจากกับดัก:
 - Volume Divergence: ราคาขึ้น แต่ Volume ลด = ไม่ซื้อ
 - Time & Sales: ดูว่ามี Order ใหญ่เข้า-ออกเมื่อไหร่
 - ข่าวมาแล้ววิ่ง = ปล่อย ไม่ไล่ / ข่าวมาแล้วร่วง = หาจังหวะดู MM เก็บของหรือไม่
 - ถามตัวเอง: ถ้าเราเป็น MM ตอนนี้ เราจะทำอะไร?
Mind Map สรุปจิตวิทยา MM
📌 ข่าว (News)
 ├─ ข่าวดี = ขายแพง
 └─ ข่าวร้าย = ซื้อถูก
 📌 FOMO & Panic
 ├─ ลากขึ้นให้ไล่ซื้อ
 └─ ทุบลงให้ตัดขาดทุน
 📌 Hope Trap
 └─ สร้างความหวังว่าจะฟื้น
 📌 ฝูงชน
 └─ ใช้พฤติกรรมคนส่วนมากเป็นเครื่องมือ
กรณีศึกษา: หุ้น PTG
ช่วงเวลา: ประมาณปี 2557–2560
พฤติกรรมของราคา:
1. การสะสมหุ้น (Accumulation): ในช่วงแรก ราคาหุ้น PTG เคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ เป็นเวลานาน ซึ่งอาจบ่งบอกถึงการที่นักลงทุนรายใหญ่หรือ MM กำลังสะสมหุ้น โดยราคายังไม่ปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
2. การไล่ราคา (Mark-up): หลังจากช่วงสะสม ราคาหุ้นเริ่มปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งเป็นช่วงที่ MM อาจใช้กลยุทธ์สร้างความสนใจและกระตุ้นให้นักลงทุนรายย่อยเข้ามาซื้อหุ้นตาม
3. การกระจายหุ้น (Distribution): เมื่อราคาหุ้นขึ้นไปถึงระดับหนึ่ง MM อาจเริ่มทยอยขายหุ้นที่สะสมไว้ โดยอาจมีการปล่อยข่าวดีหรือใช้สื่อเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนรายย่อยยังคงสนใจซื้อหุ้นต่อไป
4. การปรับฐาน (Mark-down): หลังจาก MM ขายหุ้นออกไปหมดแล้ว ราคาหุ้นมักจะปรับตัวลง เนื่องจากไม่มีแรงซื้อสนับสนุนเพียงพอ นักลงทุนรายย่อยที่เข้าซื้อในช่วงราคาสูงอาจติดอยู่ในสถานะขาดทุน
บทเรียนสำคัญ:
สังเกตปริมาณการซื้อขาย: หากมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ ควรพิจารณาว่าเป็นการสะสมหรือกระจายหุ้นของ MM หรือไม่
ระวังการไล่ซื้อในช่วงราคาสูง: หากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ควรพิจารณาให้รอบคอบก่อนเข้าซื้อ เนื่องจากอาจเป็นช่วงที่ MM กำลังขายหุ้นออก
ติดตามข่าวสารอย่างมีวิจารณญาณ: ข่าวดีที่ออกมาพร้อมกับการปรับตัวขึ้นของราคา อาจเป็นกลยุทธ์ของ MM ในการกระตุ้นความสนใจของนักลงทุนรายย่อย
หมายเหตุ: กรณีศึกษานี้เป็นการวิเคราะห์พฤติกรรมของราคาหุ้น PTG ในอดีตเพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ได้เป็นการชี้นำหรือแนะนำการลงทุนในปัจจุบัน
หวังว่าตัวอย่างนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจการใช้จิตวิทยาของ Market Maker ในตลาดหุ้นไทยได้ชัดเจนยิ่งขึ้นครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา