#สิ่งที่บรรพชิตไม่ควรเสพสองอย่าง

#ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ที่สุดสองอย่างนี้อันบรรพชิตไม่ควรเสพ ที่สุดสองอย่างเป็นไฉน หนึ่งการประกอบตนให้พัวพันด้วยกามสุขในกามทั้งหลาย
สองการประกอบตนด้วยความเหน็ดเหนื่อย การเบียดเบียนตนให้ลำบากให้เป็นทุกข์ # (ข้อความจากพระสูตรธัมจักกัปปวัตตนสูตร)
สองข้อนี้คือสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงตรัสกับพระปัญจวัคคีย์ ทั้งสองอย่างนี้เป็นความสุดโต่งไปคนละทาง ทางที่หนึ่งเป็นทางที่เรียกว่าการแสวงหาความสุขจากกามทั้งหลายอย่างถึงที่สุด
ส่วนทางที่สองนั้นคือการเบียดเบียนตน การทรมารตนอย่างถึงที่สุด ซึ่งทั้งสองทางนี้ไม่เป็นทางสายกลางเพราะสุดโต่งไปคนละทางซึ่งอยู่ตรงข้ามกัน การที่จะบรรลุธรรมได้นั้นต้องก้าวข้ามทางทั้งสองทางนี้ให้ได้คือการละวางกามสุขและละวางการเบียดเบียนตน
ในโลกปัจจุบันนี้มนุษย์แสวงหาแต่กามสุขกันอย่างถึงที่สุด ทั้งการแสวงหาทรัพย์สินเงินทอง เกียติยสชื่อเสียง และเซ็กซ์กันอย่างยิ่ง มนุษย์ต่างหลงมัวเมาในกามสุขอย่างลืมไปว่าเราต้องตายในวันหนึ่งซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าความตายจะมาถึงเราวันไหน จะเห็นได้ว่าคนส่วนใหญ่แย่งกันที่จะเสพสุขให้ได้มากที่สุดจนไปละเมิดผู้อื่นที่อยู่ในสังคมเดียวกัน มนุษย์มีความเห็นแก่ตัวมากขึ้นเป็นทวีคูณจนไม่สนใจว่าคนรอบข้างจะเดือดร้อนหรือไม่ในการแสวงหาความสุขของตน
และก็มีคนอีกจำพวกหนึ่งที่มีความเชื่อในการเบียดเบียนตว่าเป็นทางที่จะหลุดพ้นไปจากความทุกข์ได้ คนที่มีความคิดแบบนี้ในประเทศไทยก็มีอยู่เหมือนกันแต่มีจำนวนน้อย อย่างเช่นกรณีที่มีพระรูปหนึ่งตัดคอตนเองเพื่อถวายพระพุทธเจ้าโดยมีความเชื่อว่าการทำแบบนั้นจะทำให้ตนเองไปเกิดเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าในชาติต่อไป
นี่คือตัวอย่างหนึ่งของการสุดโต่งไปในทางลบคือการเบียดเบียนตนเองนั่นเอง
ในสังคมทุกวันนี้เราห่างการศึกษาในเรืองของศาสนากันมากขึ้นเราจึงขาดหลักยึดในการคิดในเรื่องของการดำเนินชีวติให้มีความสุขโดยยึดทางสายกลาง เรามักจะสุดโต่งไปด้านใดด้านหนึ่งโดยที่เราไม่รู้ตัวว่าเรากำลังหลงทางไปยึดเอาความสุดโต่งในการดำเนินชีวิต ถ้าเราหันกลับมาศึกษาศาสนาและทำควมเข้าใจในหลักศาสนากันให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ มันจะช่วยให้เรามีหลักยึดในการดำเนินชีวิตได้มากขึ้นเราจะได้ไม่หลงไปสุดโต่งในด้านไดด้านหนึ่ง
...นักศึกษายามราตรี...
โฆษณา