14 เม.ย. เวลา 12:00 • หนังสือ

โชคชะตากับการได้รับการอุปการะ

อีกเรื่องที่เป็นตัวบ่งบอกถึงการทำงานของโชคชะตาถ้าทุกคนเคยได้ยินเรื่องของ “เด็กผู้โชคดี” ที่เกิดขึ้นจริงในโลกใบนี้ ลองคิดตามดูนะครับเด็กบางคนเกิดมาน่าสงสารมากๆ ถูกพ่อแม่ทิ้ง ต้องระหกระเหินไปอยู่กับคนนั้นที คนนี้ที ไม่มีครอบครัวที่อบอุ่นอยู่เคียงข้างตลอดเวลา เด็กบางคนกลายเป็นเด็กเร่ร่อน เด็กบางคนก็ถูกส่งไปอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า สถานสงเคราะห์
แต่สิ่งที่ผมจะชวนทุกคนมาดูเกี่ยวกับเรื่องนี้เกี่ยวกับการทำงานของโชคชะตานะครับคือ
“เด็กบางคนถ้าไม่ได้ถูกกำหนดมาว่าต้องเป็นเด็กเร่ร่อนตลอดไป ไม่ต้องอยู่ในสถานสงเคราะห์รับเลี้ยงเด็กกำพร้าตลอดไป ยังไงเขาก็จะได้เข้าสู่เส้นทางชีวิตของเขาที่ถูกกำหนดมาด้วยเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด”
สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเด็กพวกนี้คือในบางครั้งเด็กบางคนจะได้รับการอุปการะจากพ่อ แม่ บุญธรรมที่เป็นเศรษฐีเป็นมหาเศรษฐี ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้ยังไงนะครับเพราะอย่างที่เรารู้ว่าเวลาที่คู่สามีภรรยาสักคู่ที่อยากรับอุปการะเด็กเพราะมีบุตรไม่ได้ไปยังสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าหรือสถานสงเคราะห์ จะมีอย่างหนึ่งที่เราเคยได้ยินกันคือคำว่า “รู้สึกถูกชะตา”
ใช่ครับ สิ่งนี้แหละที่ผมมองว่ามันอธิบายการมีอยู่ของโชคชะตาได้ดีมากๆ ที่สุดคือจากเด็กที่มีอยู่หลายสิบหลายร้อยคนแต่ทำไมคู่สามีภรรยาซึ่งบางคนมีฐานะร่ำรวยเป็นคนมีชื่อเสียงถึงสะดุดตา ประทับใจ และรู้สึกอยากที่จะรับอุปการะเด็กคนนี้เป็นลูกบุญธรรม สายใย สายสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างสบตา ระหว่างอุ้มในอ้อมกอด ระหว่างพูดคุย
ทำไมถึงดลใจให้คู่สามีภรรยาคู่นี้รู้สึกรักและผูกพันกับเด็กคนนั้นตั้งแต่แรกเห็น ไม่มีเหตุผล ไม่มีความพยายาม ไม่มีความมานะอดทนอะไรมาเกี่ยวข้องเลย ในการที่เด็กคนนี้ประสบความสำเร็จในการพลิกชีวิตตัวเองจากที่แทบจะไม่มีอะไรกลายมาเป็นลูกเศรษฐีในชั่วพริบตา นี่แหละครับที่ผมว่าโชคชะตามันมีอยู่จริง
ยังไม่นับรวมกรณีที่พ่อแม่บุญธรรมที่เป็นเศรษฐีผู้มีอันจะกินที่บินไปพบกับลูกบุญธรรมจากต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศด้อยพัฒนาหรือประเทศโลกที่สามที่เราเคยจะได้ยินกันมาบ้างนะครับที่ไม่ว่าจะมองมุมไหนผมก็ไม่เห็นเหตุผลหรือความเชื่อมโยงระหว่างความพยายามกับผลลัพธ์แห่งความสำเร็จของเด็กที่ขาดโอกาสแบบมองไปทางไหนก็ไม่คิดว่าชีวิตจะได้รับสิ่งดีๆ เหล่านี้ได้ในช่วงข้ามคืนเลยสักนิด
โฆษณา