15 เม.ย. เวลา 12:50 • ความคิดเห็น
เมื่อก่อนนี้ สมัยยุคผู้ใหญ่ลี ตีกลอง ประชุม เราพอทันได้เห็น ว่าพอผู้ใหญ่บ้าน เคาะเรียกประชุมกัน คนในหมู่บ้าน ก็รู้กัน ถือจอยถือเสียม มายืนกัน หน้าบ้านผู้ใหญ่บ้าน แล้วพากันเดืนไป ซ่อมถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อในหมู่บ้าน . เวลาทางราชการ จะหาที่ประชุม ชาวบ้าน ก็ต้องไปพึ่ง ศาลาทำบุญที่วัด เรื่องงาน ศพก็ตั้ง ทำกันที่บ้าน ที่มีพื้นที่ ..ผู้คนก็ไม่ได้แออัด .ไม่มีคนต่างถิ่น มาอาศัย
เมื่อมีการพัฒนา .บ้านสมัยก่อน ก็ไม่มีรั้วกั้น เดืนรอดใต้ถุน ผ่านกันไปได้ .ทักทายกัน ขอผ่านทางหน่ินน่ะ จากนั้นเค้าก็พัฒนาใม่มีรั้วกั้น ก็เดืนลัดกันไม่ได้แล้ว ต้องเดินไปตามทาง ไปไหนได้ยินเสียงเพลงวิทยุ ก็มีความสุข พอเริ่มมีทีวี ก็เริ่มไม่ได้ ฟังเรื่องนิทานทางวืทยุ ก็ไปดูทีวี บ้านไหนมีทีวี เด็กๆ ก็นั่งรอขอดูบ้าง
โลกมันเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ..สิ่งที่สื่อมาให้ถึงตัว ทั้งโทรศัพท์มือถือ มันมีอะไรต่างๆติดตามมา กมาย แม้ยามหลับนอน ก็ติดตามกันได้ ..อีกทั้งสื่อต่างมากมาย แต่สิ่งที่เราพบเจอมันเข้ามาหาตัวเราเร็วขึ้น ก็เรื่องรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ที่ทำให้เกิดคำว่า ธรรมมารมณ์ นั้นมันมาให่เราได้ เสพ..ได้.มีบริการให้ 24 ชั่วโมง มันก็เลย เสพสิ่งที่ว่าธรรมารมย์ นั้นตลอดเวลา เสพแล้วมัน ก็ต้องมีเรื่องชอบใจไม่ชอบใจ ติเตียน พอใจ ไม่พอใจอิ่มไม่อิ่ม อยาก…
ยุคสมัยนี้ เค้าส่งเสริม .ต้องให้.. มีความอยากต่อเนื่องกันไป ..โลภอยากมีไอ้นั้นไอ้นี้ ที่ตาเห็นหูได้ยิน.มันก็เกิดธุรกิจออนไลน์ให้มากมาย ให้ได้เลือกเสพ ตามที่ชอบ ที่จริงมันกไม่ได้ไปไหนเลย มันวนเวียนวุ่นวายในการเสพ .รูปรสกลิ่นเสียง สัมผัส ที่เกิดขึ้นมีอารมณ์ปรุงแต่ง พอใจไม่พอใจ .วนอยู่กับเรื่องนี้ สัมผัสเรื่อง ..มีมากมายกอง
เช่น เรื่องราวหมวดหมู่ มีให้เลือกใน BD ก็หวังว่า ที่นี้หนอ .ไม่วุ่นวาย ..มาช่วยกันสร้างสิ่งที่ดีๆกัน .ให้ผู้ที่เดินทางผ่านมา ได้เสพในสิ่งที่เกิดปัญญา ..เข้าใจ ในเรื่องราวต่าง ที่เรามีวิญญาณทั้งหก ยึดเสพติด รูปรสกลิ่นเสียง . ที่เค้าเรียกว่า กามะ ..ก็หลงอยู่กับ..กามะที่โลกมีให้ ..หลงเค้าแล้ว มันก็เลยต้องมาเกิดบ่อยๆ..เพื่อจะได้เสพกามะ ที่โลกปรนเปรอให้ เสพได้เต็มที่ก็ตอนหนุ่มสาว พอตาหูจมูกลิ่นกายใจ มันเสื่อมไปตามกาลเวลา มันก็เอามาเสพไม่ได้ดังใจ ..อยาก..
โฆษณา