16 เม.ย. เวลา 02:07 • ปรัชญา
อารมณ์นั้นมีลีลา ..สมมุติ ว่าเราออกยืนนอกกาย แล้วหันไปมอง ลีลาของอารมณ์เกิดขึ้น ที่กายให้จิตเราอาศัย. เราก็ใคร่ครวญ พิจารณา รูปสมมุติ รูปหญิงชาย .ที่ว่าเป็นรูป นั่นมีอะไรเกิดขึ้น .มีอะไรคงทนบ้าง .
เรื่องความรัก มันมีความยึดถือ มีความอยากเป็นเจ้าของ เป็นอารมณ์อยากครอบครอง เหมือน สายรัดบ่วงโช่ บ่วงเวรกรรม ไปผูกเค้าไว้ เค้าก็มีกรรมของเค้า เราก็ยึดกรรมเค้าไว้ ยึดรูปกรรมเดี๋ยวมันก็แก่เฒ่า เหี่ยวย่น หย่อนยาน ฟันฟาง หายไป
บางที่อยู่กันไปนาน ก็ให้สรรพนามไม่น่าฟังเลย เรียก ไอ้แก่ อีแก่ เสียงั้น นานไปก็เรียก ไอ้เฒ่า อีเฒ่า เรี่ยวแรงชักโรยรา คำหวานๆมันหายไปหมด แต่ก็ไม่อยากให้จากเราไป มันเป็นอารมณ์ที่ปรุงแต่งจิต .เป็นกรรม อย่างหนึ่ง ที่ต้องมีการชดใช้กัน มันจึงมีเรื่องราว ของคำว่า คู่ ..คู่เวรกรรม คู่ทุกข์คู่ยาก คู่สร้างคู่สม คู่หักล้างทำลาย คู่อาฆาตจองเวร มีมีหลายอย่าง ในคำว่าคู่
..เมื่อมาอยู่ร่วมกัน คำว่านิสัย ..ที่เคยใช้ ในคำว่าชอบ ไม่ชอบ ต่างๆมันไม่เหมือนกัน . หากอยู่ด้วยกันมีความเข้าใจ มีความเห็นอกเห็นใจกัน ช่วยเหลือกันไป แบ่งปันอะไร ให้แก่กัน ในลักษณะ ที่เรียกว่า ให้ทาน ..เหมือนพ่อแม่ ให้เงินทอง เราใช้ตั้งแต่เล็ก ให้แล้ว ก็ไม่ได้เรียกร้องเอาคืน ให้ด้วยความเต็มใจ มีความสุขในการให้ ให้ไปซื้อของกินเล่น เอาไปใช้อะไรต่างๆ
แต่นั่นแหละ การมีคู่ นั่น นิสัยของการแบ่งปัน แบ่งปันแรงกายช่วยกัน ไม่เอารัดเอาเปรียบกัน .แต่ละคน มีไม่เหมือนกันเลย ..
คราวนี้ ..เรื่องของกรรม เมื่อมาเจอเจอะกัน มันก็มีคู่หย่าร้าง คู่ผ่าน ..อยู่ด้วยกัน ก็มีเรื่องราว มีเหตุต้องเลิกร้างกันไป ..ในคำว่า เลิกร้างห่างกันไป มันก็ยังมีเรื่องกรรม อารมณ์กรรม ที่บันทึกเป็นสัญญาจดจำ เหมือนเราจำตัวอักษรอะไรทำนองนี้
มันก็เป็นอารมณ์ทีอยู่ใต้จิตสำนึก หรือ ธาตุทั้งสี่ ..มันไหลออกมาเป็นสีดำ ขึ้นมาปกคลุมที่หัว สมองก็คิด .วุ่นวายสับสน อะไรต่างๆ หาเหตุผล ต่างๆ อารมณ์นั้นที่ปรุงแต่ง เอ..เราโง่มั้ยนี้ เอ..เราจะปล่อยเค้าไปมั้ยนี้ เอ..จะทำเหมือนปล่อยนกปล่อยปลา ลงแม่น้ำลำคลอง ก็กลัวเค้าไปลำบาก เป็นห่วงเป็นใย ..จนลืมมาดูใจของตนเอง ใจเรามันกำลังไหลลงคลอง ..ไหลไปตามอารมณ์ทีกำลังย่ำยี่ ฟุ้งซ่าน ..กระสับกระส่าย อยู่ไม่เป็นสุขได้เลย .ไฟสุมขอน ..กำลังแผดเผา ..เรือนกายของเราเอง .
โฆษณา