Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บันทึกญี่ปุ่นของพงษ์ทาโร่🇯🇵 ポン太郎の日記
•
ติดตาม
16 เม.ย. เวลา 11:30 • การศึกษา
โตเกียว
ย้อนความหลัง เหตุผลที่เลือกเรียนภาษาญี่ปุ่น EP.2
มาต่อกันครับ...
4. ครอบครัวอยากให้เรียนสิ่งนี้ ภาษาจะดีจริงๆ เหรอ...
แน่นอนว่า อาจจะไม่ทุกครอบครัว แต่ผมก็เป็นคนนึงที่ครอบครัวก็ฐานะปานกลาง ซึ่งตอนที่ตัดสินใจจะเรียนต่อในมหาวิทยาลัย พ่อก็แนะนำให้เรียนนิติศาสตร์ แล้วบอกว่าภาษาญี่ปุ่นเรียนเพิ่มเอาก็ได้นะ รู้ทั้งกฎหมาย รู้ทั้งภาษาญี่ปุ่น รับรองเลยว่าความปังอยู่ตรงนี้แล้ว555
5. เริ่มลังเลใจ...
แน่นอนว่าผมก็เชื่อพ่อนะเพราะสิ่งที่พ่อพูดก็ไม่ผิด พ่อก็ไม่ได้บังคับ เราอยากเรียนอะไรก็เป็นสิ่งที่เราตัดสินใจ แต่ในเมื่อพ่อพูดมาแบบนี้ เราเองก็เริ่มลังเลใจว่าจะไปทางไหนดี ในที่สุดก็ตัดสินใจเลือกเรียนนิติ จนสอบติดที่คณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์
6. เข้ามหาวิทยาลัย
พอลองมองย้อนกลับไปสมัยมหาวิทยาลัย ก็นึกอะไรไม่ค่อยออก นึกได้แต่ภาพตอนตัวเองอ่านหนังสือ555 กิจกรรมไม่ค่อยทำ เน้นอ่านหนังสืออย่างเดียว เพราะถ้าไม่อ่านก็กลัวตัวเองสอบตก T T แต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยผมก็ไม่เคยทิ้งการเรียนภาษาญี่ปุ่น พยายามสรรหาเอาตัวเองไปเรียนวิชาภาษาญี่ปุ่นของคณะศิลปศาสตร์ จนเซนเซจำได้ว่าเป็นเด็กนิติคนเดียวในคลาส555 หลังจากนั้นก็ยิ่งรู้สึกได้ชัดขึ้นว่า การเรียนภาษาญี่ปุ่นทำได้ดีกว่ามากได้ A ทุกตัว แต่การเรียนกฎหมายก็ไม่ได้ทิ้งเช่นกัน เรียนๆ เล่นๆ แต่ก็ผ่านมาได้
มีสอบตกบ้างเป็นเรื่องปกติ555 แต่ก็ยอมรับว่าการเรียนนิติช่วยเปิดโลกหลายๆ อย่างของผมมากกก ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ทางของเราซะทีเดียว แต่การเรียนที่นี้ก็ช่วยเปิดโลกหลายด้านมาก ไม่ว่าจะเป็นนิติปรัชญา การเมือง มหาชน แพ่งอาญา ระบบศาล มีความรู้ได้เยอะขึ้นเพราะได้มาเรียนที่นี้จริงๆ ไม่เสียใจที่ได้มาเรียนที่มธ แต่สุดท้ายแล้วเราก็อยากเดินตามความฝันของเราอยู่ดี
7. ก่อนเรียนจบ สอบผ่าน N3!!
แน่นอนว่าผมได้ไปเรียนภาษาญี่ปุ่นของคณะศิลปศาสตร์มาประมาณ 4-5 วิชาได้ แล้วก็อ่านหนังสือเองบ้าง จนก่อนเรียนจบสอบผ่าน N3 ตอนนั้นรู้สึกภูมิใจมากนะ แบบฉันคือเด็กนิติละมี N3 5555555 แต่พอออกไปเจอโลกการทำงานก็คือไม่ได้ง่ายนะแม่ ตอนนั้นคิดในแง่ดีมาก มี N3 ก็น่าจะมีงานให้เราทำบ้างสิ สุดท้ายคือถ้าอยากทำงานด้านญี่ปุ่นจริงๆ แน่นอนเลยว่าเขารับแต่ N2 อัพ ส่วนใหญ่ก็หมดสิทธิ์ไป วุฒินิติไม่ช่วยอะไร55555
8. ได้ลองทำงานล่ามแบบงงๆ
สรุปคือ อยู่ๆ จับพลัดจับผลูมาได้ทำงานล่ามได้ไงไม่รู้ งานโรงงานแถวบ้านต่างจังหวัดหน่อยๆ มี N3 พอสื่อสารได้ก็รับแล้ว สรุปคืออย่างที่รู้ๆ กัน งานล่ามเหนื่อยมากกก แล้วอยากจะบอกว่ามี N3 คือไม่พอจริงๆ T T ตอนนั้นยอมรับเลยว่าจากเด็กจบใหม่สดใส กลายเป็นคนเครียด ไม่ชอบภาษาญี่ปุ่นอีกต่อไป คือตอนนั้นแม่งโครตมืดมน555 แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่สอนเราได้ดีเลยแหละ
9. ทำล่ามมาได้ 11 เดือน ลาออก!!
ไม่อยู่รอครบ 1 ปีด้วย ตอนนั้นได้งานใหม่ในกรุงเทพพอดี เป็นงานสาย Legal ด้วย เลยแบบเห้ยยย ได้ทำด้านกฎหมาย ได้ใช้ภาษาญี่ปุ่นด้วยดีเลยสิงานนี้ เลยตัดสินใจบอกลาออกทันที ฉันไม่อยู่แล้วแน่นอนโรงงานนี้ ลาก่อยยยยย
10. กลับเข้าสู่กรุงเทพ...
หลังจากได้งานใหม่ ก็ย้ายข้าวของเข้ากรุงเทพอย่างไว ตื่นเต้นกับงานใหม่มากกก แต่พอทำไปได้ซักระยะ ก็รู้สึกว่าเริ่มไม่ใช่... (อีกแล้วเหรอมึง555) งานนี้ก็ทำมาได้ 1 ปีครึ่งได้ ก็ลาออกเลยอีกแล้วจ้าาาา
11. งานแบบใหม่แบบสับ
บังเอิญไปเจองานนึงเป็นสาย Project Coordinator พอดี ได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานราชการไทย กับหน่วยงานของญี่ปุ่นเลยปังๆ เป็นงานที่สเกลใหญ่ขึ้นมานิดนึง ซึ่งยอมรับเลยว่า ชอบที่นี้มากกก รู้สึกว่าภาษาญี่ปุ่นของตัวเองพัฒนาแบบก้าวกระโดด น่าจะเพราะได้มาทำงานที่นี้จริงๆ ได้ลองฝึกทำหลายอย่างมากกก หัวหน้าก็ใจดี ทีมก็ปัง ทุกคนคือโอเคมากๆๆ ทำมาเกือบ 3 ปีเลย
12. มีพบก็ต้องมีจาก
แน่นอนว่างานโครงการอย่างที่หลายๆ คนรู้กันว่ามันมีระยะเวลาของหมด ถ้าโครงการหมดสัญญา ทุกคนก็คือแยกย้าย ถึงจะเศร้าไปนิดนึง แต่ก็รู้สึกว่ามันถึงเวลาที่เราต้องบินไปญี่ปุ่นแล้วหรือเปล่าาา...
13. ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
ตอนที่เราทำงานอยู่ ปรากฏว่าอยู่ๆ พ่อก็เริ่มไอเยอะขึ้น เริ่มป่วย พอไปตรวจก็พบว่าเป็นมะเร็งกล่องเสียง ตอนนั้นเรื่องเรียนต่อก็เกือบจะพับเก็บไปด้วยซ้ำ แต่ก็มีไปสอบทุนมง (MEXT) บ้าง มีผ่านข้อเขียนนะ แล้วก็ไปสัมภาษณ์แต่ก็ไม่ผ่าน คงเพราะเครียดหลายๆ เรื่องด้วยตอนนั้น เลยรู้สึกว่าตัวเองยังทำไม่เต็มที่ ผมก็ไปทำงาน ไปดูพ่อบ้าง โชคดีหลายๆ อย่างที่มาทำงานที่นี้ก็คือ หัวหน้าเข้าใจ จะออกไปตอนไหนก็ไป ละรพ.ที่พ่ออยู่ก็ใกล้ๆ ที่ทำงานพอดี ประจวบเหมาะหลายอย่างมาก
14. ลาจากพ่อ
ก่อนที่พ่อจะเสีย ผมเองก็ได้บอกกับพ่อตรงๆ แล้วว่า จะขอไปเรียนที่ญี่ปุ่นนะ ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรแล้วนะ จะพยายามทำตามฝันให้สำเร็จและกลับมาดูแลครอบครัวที่เหลือ ซึ่งเราก็ได้บอกอะไรที่อยากบอกไปหมดแล้ว ก่อนพ่อเสียก็ได้บวชให้เขาไป บวกกับจัดงานศพด้วย ลาไปเกือบๆ 1 เดือน แต่ที่ทำงานก็ไม่ได้อะไร คือดีใจมากที่เจอพี่ๆ ทุกคนที่เข้าใจ
ตอนบวชเราเองก็คอยไปดูพ่อเรื่อยๆ แต่หลังจากเราสึกได้วันเดียว พ่อก็ลาจากไปเลย หลายๆ คนก็บอกว่าเหมือนพ่อเขารอเราจริงๆ หลังจากพ่อเสีย จำได้เลยว่าผ่านไปประมาณ 7 วันเองมั้ง ฝันเห็นพ่อ ในฝันคือร้องห่มร้องไห้หนักมาก T T แต่แม่ กับน้องไม่ฝันถึงเลย มีแต่เราที่ฝันเห็นคนเดียว
สุดท้ายหลังจากนั้นก็ทำให้เราเริ่มตัดสินใจกลับไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นอีกครั้ง เอาล่ะ จะได้มารีวิวเรียนต่อกันอย่างละเอียดซักที ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ได้คือขอบคุณมากจริงๆ ครับ เขียนยาวแบบมากเว่อร์55555
การศึกษา
ภาษาญี่ปุ่น
บันทึก
1
2
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย