#มึงทำกรรมฐานยังไงว้ะถึงไม่รู้จักทุกข์

คำกล่าวนี้เป็นคำกล่าวของสหายธรรมของหลวงพ่อที่ผมเข้าไปฝึกกรรมฐานด้วยในปี 2540 ณ อำเภอเขาชะเมา จ.ระยอง
ผมยอมรับจริงๆว่าผมไม่รู้จักอารมณ์ทุกข์ว่ามันเป็นอย่างไร มันมีลักษณะอย่างไรที่เรียกว่า..ทุกข์..และผมก็ไม่รู้จักทุกข์มาอีกนาน จนมาได้อ่านบทสวดมนต์ธัมมจักกัปปวัตตนสูตรแปล ผมถึงได้รู้จักทุกข์ว่ามันมีอาการเป็นอย่างไร อาจจะเป็นที่ผมไม่เข้าใจในธรรมของพระพุทธองค์อย่างแจ่มแจ้ง ทั้งๆที่ผมก็มีทุกข์อยู่ทุกวัน
ทุกข์ตามความหมายของพจนานุกรมพุทธศาสตร์ฉบับประมวลศัพท์ได้บอกใว้ว่าคือ สภาที่ทนอยู่ได้ยาก สภาพที่คงทนอยู่ไม่ได้ เพราะถูกบีบคั้นด้วยความเกิดขึ้นและความดับสลาย ความรู้สึกไม่สบายได้แก่ ทุกขเวทนา ความไม่สบายกายไม่สบายใจคือทุกข์กายและทุกข์ใจ และอื่นๆอีกหลายอย่าง ซึ่งผมต้องยอมรับว่าผมไม่รู้จักว่านั่นคือทุกข์ ผมไม่รู้ว่าอารมณ์ที่บีบเค้นกันอยู่คือทุกข์ ความพลัดพรากคือทุกข์ และผมยังไม่รู้ว่าอุปาทานขันธ์ห้าคือตัวทุกข์ แต่ผมก็สามารถทำกรรมฐานไปได้เรื่อยๆ
เพราะแรกๆนั้นผมฝึกฌานก่อนผมจึงหมกมุ่นอยู่กับฌานจนไม่ได้ทำความเข้าใจในเรื่องของทุกข์ แต่เมื่อผมเริ่มอยู่ตัวในเรื่องของฌานแล้วผมจึงมาศึกษาในเรื่องอริยสัจสี่ ในเรื่องของทุกข์แต่ก็ยังไม่เข้าใจทั้งหมดแต่การฝึกก็เจริญรุดหน้าไปได้เรื่อยๆ
กว่าจะเข้าใจในเรื่องของทุกข์ผมก็ใช้เวลาอยู่นาน และเมื่อได้ศึกษาในพระสูตรธัมมจักกัปปวัตตนสูตรผมจึงมีความเข้าใจในเรื่องของทุกข์มากขึ้น และได้รู้ว่าทุกข์ท่านให้เรากำหนดรู้ในทุกข์ที่เกิดขึ้น เมื่อเรากำหนดรู้ทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้วทุกข์ก็จะดับลง
แต่อีกไม่นานทุกข์ก็เกิดขึ้นอีกและเราก็ต้องกำหนดรู้ทุกข์อีกทำอยู่อย่างนี้เรื่อยไปเพราะเหตุแห่งทุกข์(สมุทัย)อวิชชา.ตัณหา.อุปาทาน)ยังไม่ได้ถูกกำจัดไปทุกข์จึงเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ การละอุปาทาน ตัณหา และอวิชชานั้นไม่ใช่ของง่ายการละเหตุแห่งทุกข์ทั้งสามอย่างนี้ต้องเข้าไปละในปฏิจจสมุปบาท แต่การเข้าปฏิจจสมุปบาทนั้นต้องใช้กำลังฌานที่สูงพอสมควร(ใช้สัมมาสมาธิ) ซึ่งเป็นการยากที่ผู้คนยุคนี้จะทำฌานให้มีกำลังสูงๆได้ ดังนั้นเราจึงต้องสะสมกำลังของฌานไปเรื่อยๆจนกว่าจะสามารถเข้าไปละสมุทัยได้
...นักศึกษายามราตรี...
โฆษณา