17 เม.ย. เวลา 09:11 • สุขภาพ

เอดส์ของไทยไม่ได้หายไปไหน ยังมีผู้ติดเชื้ออยู่กว่า 500,000 ราย เสียชีวิตปีละ 10,000 ราย

โรคเอดส์ที่เคยโด่งดังไปทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทยเราด้วย เมื่อหลายปีก่อน
ทุกคนวิตกกังวล รังเกียจผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยกันเป็นจำนวนมาก
ต่อมาเมื่อมีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น ตลอดจนมีพัฒนาการของการรักษาที่ยืดอายุผู้ติดเชื้อได้ดีขึ้น
การรับรู้ของผู้คนเรื่องเอดส์ ก็เริ่มจางหายไป เป็นธรรมดาของโลก
แต่ในวันนี้ เราพบว่าหลังสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้ผู้คนออกนอกบ้านไม่ได้ พลอยทำให้สถานการณ์เอดส์ลดลงไปด้วยนั้น
หลังจากโควิด-19 ผ่านไปแล้ว เราพบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ของเอดส์กลับสูงเพิ่มขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
แม้จำนวนผู้เสียชีวิตจะลดลง เพราะการรักษาดีขึ้นก็ตาม
จึงยังทำให้มีผู้ติดเชื้อรวมทั้งสิ้นในจำนวนที่เกือบจะคงที่
โดยในช่วงปี 2562-2564
ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5446-6628 ราย/ปี
เสียชีวิต 9322-13,937 ราย/ปี
ผู้ติดเชื้อสะสม 471,061-520,340 ราย
โดยในปี 2568 กระทรวงสาธารณสุขได้มีการคาดการณ์ว่า
จะมีผู้ติดเชื้อใหม่ 8862 ราย
เสียชีวิต 10,217 ราย
และจะมีผู้ติดเชื้อสะสม 568,565 ราย
นอกจากนั้นยังพบว่าผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 5 โรค ซึ่งประกอบด้วย ซิฟิลิส หนองใน หนองในเทียม แผลริมอ่อน กามโรคของต่อมและท่อน้ำเหลืองมีการเพิ่มขึ้นอย่างมากเกือบ 2 เท่า เมื่อเทียบกับตัวเลขเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง
1
สังคมไทยจึงต้องกลับมาตระหนัก และระมัดระวังเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย ตลอดจนการใช้เข็มร่วมกัน
จนทำให้ผู้ป่วยเอดส์หรือผู้ติดเชื้อเอชไอวี ตลอดจนผู้ที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีจำนวนที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
1) ทำไมถึงมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น
1.1 ความสนใจ ความตระหนักต่อโรคดังกล่าวน้อยลง จึงป้องกันตนเองลดลง
1.2 การพ้นสถานการณ์ของโควิด-19 ทำให้คนออกมานอกบ้านมากขึ้น มีพฤติกรรมเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น
1.3 การดื่มแอลกอฮอล์ในคนกลุ่มเสี่ยง ทำให้ขาดสติสัมปชัญญะในการป้องกันตนเองเวลามีเพศสัมพันธ์
1
2) ทำไมเสียชีวิตลดลง
2.1 เพราะมียาต้านไวรัสที่มีคุณภาพสูงขึ้น
2.2 ระบบสาธารณสุขที่ทำให้ผู้ติดเชื้อเข้าถึงยาได้ดีขึ้น และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
 
3) จะป้องกันอย่างไร
3.1 หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย
3.2 ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย
3.3 หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์
3.4 ใช้ยาต้านไวรัสทั้งชนิดก่อนมีเพศสัมพันธ์เสี่ยง (PREP) และหลังจากที่มีเพศสัมพันธ์เสี่ยง (PEP) แล้ว
5
โฆษณา