Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Timeless History (ประวัติศาสตร์ไร้กาลเวลา)
•
ติดตาม
18 เม.ย. เวลา 11:28 • ประวัติศาสตร์
การล่มสลายของ “ตั๋งโต๊ะ (Dong Zhuo)” ทรราชย์แห่งแผ่นดินจีนก่อนเข้าสู่ยุคสามก๊ก
หลายคนที่เป็นแฟนของวรรณกรรมอิงประวัติศาสตร์ชื่อก้องโลกอย่าง “สามก๊ก (Three Kingdoms)” ย่อมต้องคุ้นชื่อ “ตั๋งโต๊ะ (Dong Zhuo)” เป็นอย่างดี
ตั๋งโต๊ะคือทรราชย์คนสำคัญในยุคต้นของเรื่องสามก๊ก ผู้ซึ่งเคยมีอำนาจล้นฟ้าในแผ่นดินจีน หากแต่ก็ต้องพบจุดจบจากความโหดเหี้ยมและบ้าอำนาจของตนเอง
ต้องบอกก่อนว่าเรื่องราวในวรรณกรรมกับประวัติศาสตร์จริงนั้นอาจจะมีส่วนที่แตกต่างกันพอสมควร และสำหรับบทความนี้ ผมจะนำเสนอเรื่องราวของตั๋งโต๊ะ เพื่อให้ผู้อ่านที่ยังไม่เคยศึกษาเรื่องของสามก๊กหรือขี้เกียจอ่านเรื่องยาวๆ ก็จะได้รับทราบเหตุการณ์ทีละเรื่องไป
เรื่องราวของตั๋งโต๊ะเป็นอย่างไร ผมจะเล่าให้ฟังครับ
ตั๋งโต๊ะ (Dong Zhuo)
ค.ศ.190 (พ.ศ.733) แผ่นดินจีนเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความมืดมนและวุ่นวาย
“ราขวงศ์ฮั่น (Han dynasty)” ซึ่งเป็นราชวงศ์ที่ปกครองแผ่นดินจีนก็กำลังอยู่ในช่วงขาลง การล่มสลายนั้นอยู่ใกล้แค่เอื้อม องค์จักรพรรดิก็อยู่ในเงื้อมมือของขุนศึกทรราชย์อย่าง “ตั๋งโต๊ะ (Dong Zhuo)”
ตั๋งโต๊ะต้องรับมือกับศัตรูที่ต่อต้านตน โดยศัตรูนั้นมีกำลังพลถึง 200,000 นาย นำโดยขุนศึกที่มาจากตระกูลขุนนางใหญ่อย่าง “อ้วนเสี้ยว (Yuan Shao)”
ในเดือนมกราคม ค.ศ.190 (พ.ศ.733) ตั๋งโต๊ะนั้นโมโหจนหนวดกระดิกเมื่อได้รับทราบข่าวว่าอ้วนเสี้ยวได้รวบรวมกำลังคนกว่า 200,000 นาย และหมายจะมากำจัดตน
อ้วนเสี้ยว (Yuan Shao)
เมื่อได้ทราบข่าวการกระด้างกระเดื่องของอ้วนเสี้ยว ตั๋งโต๊ะจึงส่งมือสังหารไปเก็บคนตระกูลอ้วนทุกคนที่อาศัยอยู่ในเมืองลกเอี๋ยง เมืองหลวงของราชวงศ์ฮั่น
นี่คือการส่งสัญญาณของตั๋งโต๊ะที่กำลังจะบอกว่า หากผู้ใดคิดต่อต้านตน จุดจบย่อมไม่ดี
ส่วนทางกลุ่มต่อต้านตั๋งโต๊ะนั้น ถึงแม้จะมีกำลังคนมหาศาล หากแต่ก็อ่อนแอ
เหล่าขุนศึกต่างก็ทะเยอทะยานและแข่งขันกันเอง ขาดความสามัคคี แม้แต่ผู้นำอย่างอ้วนเสี้ยว ก็ยังไม่ค่อยจะลงรอยกับน้องชายอย่าง “อ้วนสุด (Yuan Shu)” เท่าใด
อ้วนสุด (Yuan Shu)
ความหวาดกลัวว่าจะล้มเหลวและกลุ่มตนจะเสียผลประโยชน์ ทำให้พันธมิตรที่เคยเข้มแข็ง กลายเป็นรอวันล่มสลาย
ท่ามกลางความวุ่นวายนี้ื ขุนศึกที่โดดเด่นขึ้นมาเหนือคนอื่นๆ ก็ได้แก่ “ซุนเกี๋ยน (Sun Jian)” และ “โจโฉ (Cao Cao)”
ซุนเกี๋ยนนั้นเป็นขุนศึกนามกระเดื่อง แม้แต่ตั๋งโต๊ะก็ไม่วางใจนัก หากแต่ซุนเกี๋ยนก็ต้องพบกับความพินาศที่มาจากภายในเอง
ซุนเกี๋ยน (Sun Jian)
กุมภาพันธ์ ค.ศ.191 (พ.ศ.734) หลังจากซุนเกี๋ยนได้รับชัยชนะในการรบหนึ่ง ก็ได้ขอเสบียงแก่พันธมิตรเพื่อจะบุกตีศัตรูต่อ หากแต่อ้วนสุด ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องเสบียงของกลุ่มพันธมิตร ได้เกิดอิจฉาและเกรงว่าซุนเกี๋ยนจะเด่นเกินหน้าเกินตา ได้รับความชอบทั้งหมดกลับไป จึงแกล้งไม่ส่งเสบียงให้
ซุนเกี๋ยนนั้น ถึงแม้จะมีกองทัพที่เข้มแข็ง แต่เมื่อไร้เสบียง ทหารไม่มีข้าวกิน ย่อมไม่สามารถตีศัตรูต่อได้ ทำให้ตั๋งโต๊ะยิ้มออกและหัวเราะเยาะเหล่าพันธมิตรที่มัวแต่ขัดแข้งขัดขากันเอง
หากแต่ทัพพันธมิตรก็ยังคงอยู่ และบุกต่อเข้ามาเรื่อยๆ ตั๋งโต๊ะจึงตัดสินใจทำบางอย่างที่ทุกคนคาดไม่ถึง
นั่นคือการย้ายเมืองไปยังเมืองฉางอัน โดยนำองค์จักรพรรดิเสด็จไปด้วย และเผาลกเอี๋ยงจนเหลือแต่ซาก
เมืองฉางอันนั้นอยู่ห่างจากลกเอี๋ยงประมาณ 300 กิโลเมตร ล้อมรอบด้วยหุบเขา เหมาะที่จะเป็นปราการป้องกันการรุกรานจากศัตรู
3
แต่ตั๋งโต๊ะไม่ต้องการเพียงแค่ย้ายเมืองอย่างเดียว แต่ต้องการให้เผาลกเอี๋ยงให้ราบ เพื่อที่เมื่อกองทัพพันธมิตรมาถึง จะไม่ได้อะไรเลยนอกจากเศษซากเมือง
แผนการของตั๋งโต๊ะทำให้แม้แต่เหล่าที่ปรึกษาก็อึ้ง คาดไม่ถึง แม้แต่ขุนศึกคนสำคัญของตั๋งโต๊ะอย่าง “ลิโป้ (Lü Bu)“ ซึ่งได้ชื่อว่าไร้คุณธรรม ก็ยังลังเลและถามว่าทำไมจึงต้องทำถึงขนาดนี้
แต่คำสั่งของตั๋งโต๊ะย่อมไม่มีใครกล้าขัด ทหารของตั๋งโต๊ะทำการปล้นเมืองและเผาลกเอี๋ยงจนราบ แม้แต่หอสมุดหลวงในราชสำนักก็ถูกเผาทำลาย บันทึกที่ทรงคุณค่าจำนวนมากก็สูญหาย และสมบัติ ของมีค่าต่างๆ ก็ถูกย้ายไปฉางอัน
2
ชาวเมืองกว่า 500,000 คนต้องเดินเท้าเป็นระยะทางกว่า 300 กิโลเมตรท่ามกลางอากาศฤดูหนาวที่หนาวเหน็บ คนที่ต่อต้านหรือไม่เห็นด้วยก็ถูกสังหาร เลือดเปรอะเปื้อนหิมะ ส่วนเหล่าทหารของตั๋งโต๊ะก็ทำทุกอย่าง แม้กระทั่งขุดหลุมศพเพื่อหาของมีค่า
1
ภายในเวลาไม่กี่วัน ลกเอี๋ยง มหานครแห่งราชวงศ์ฮั่นที่อยู่มานานกว่า 165 ปี ก็เหลือเพียงเถ้าถ่าน
ทางด้านกองทัพซุนเกี๋ยน เมื่อเห็นควันไฟลอยออกมาจากเมืองลกเอี๋ยง ก็ตกใจและรีบเร่งไปดู และขึ้นไปอยู่บนที่สูงเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น
และเมื่ิอกองทัพของซุนเกี๋ยนเข้ามาในเมืองลกเอี๋ยง ก็ต้องพบเพียงเศษซากของเมืองที่เคยรุ่งเรืองพร้อมกับศพประชาชนเกลื่อนกลาดเต็มถนน
ซุนเกี๋ยนสั่งให้ทหารนำศพประชาชนไปฝัง และออกตามหาผู้รอดชีวิต และภายในใจของทุกคนในที่นั้นล้วนเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและสังเวชในสิ่งที่พบเห็น
ในเวลานี้ซุนเกี๋ยนต้องตัดสินใจ นั่นคือจะออกตามตั๋งโต๊ะต่อไปทางตะวันตก หรือจะรั้งทัพไว้ก่อน
เมื่อพิจารณาแล้ว ถึงแม้ว่าที่มั่นแห่งใหม่ของตั๋งโต๊ะจะมีชัยภูมิที่ยากต่อการเข้าตี แต่ซุนเกี๋ยนก็แน่วแน่ ตัดสินใจนำทัพออกตามตั๋งโต๊ะต่อ
ทางด้านโจโฉ ก็เรียกร้องให้กองทัพพันธมิตรร่วมมือกัน ออกโจมตี และยังเตือนทุกคนว่าความทะเยอทะยานและบ้าคลั่งของตั๋งโต๊ะย่อมไม่สิ้นสุดเพียงแค่เผาลกเอี๋ยงแน่
หากแต่ไม่มีใครสนใจคำพูดของโจโฉ
โจโฉ (Cao Cao)
เมื่อเป็นอย่างนี้ โจโฉจึงนำกำลังคนที่มีไม่ถึง 10,000 นาย แยกตัวออกไป ก่อนจะถูกซุ่มโจมตีจนแตกพ่าย แทบเอาชีวิตไม่รอด ต้องซมซานกลับไปหาอ้วนเสี้ยว และก็พบว่าอ้วนเสี้ยวยังคงโลเล ไม่ทำอะไรซักที ทำให้โจโฉโมโหเป็นอย่างมาก และแยกออกไปทันที
ทางด้านซุนเกี๋ยน ก็ต้องพบกับความขัดแย้งและหักหลังภายใน ทำให้ซุนเกี๋ยนถอนทัพออกไป ทำให้กองทัพพันธมิตรล่มสลาย
ความฝันที่จะกอบกู้บ้านเมืองของกองทัพพันธมิตรล่มสลายอย่างไม่เป็นท่า ทำให้ตั๋งโต๊ะยังคงครองอำนาจต่อไป และบ้านเมืองก็ยังคงอยู่ในความวุ่นวาย
เมื่อกองทัพพันธมิตรล่มสลาย ตั๋งโต๊ะก็ยิ่งเหิมเกริม ไม่มีใครกล้ามาต่อต้านอีก
หลังจากจับเชลยซึ่งเป็นทหารในกองทัพซุนเกี๋ยนได้ ตั๋งโต๊ะก็ออกคำสั่งให้จับตัวเชลยเหล่านี้ห่อกับผ้า เอาน้ำมันราดจนชุ่ม ก่อนจะจับห้อยหัว และนำลงไปต้มในหม้อน้ำใหญ่
1
เสียงเชลยร้องโหยหวนดังไปทั่วค่าย สร้างความบันเทิงใจให้ตั๋งโต๊ะ เสียงร้องโหยหวนดังก้องสลับกับเสียงหัวเราะด้วยความชอบใจของตั๋งโต๊ะ
1
และในคราวงานเลี้ยงที่ตั๋งโต๊ะเป็นเจ้าภาพ ตั๋งโต๊ะก็ได้เตรียมความบันเทิงแก่แขกเหรื่อไว้แล้ว
ในงานเลี้ยง แทนที่จะยกอาหารเลิศรสออกมาเสิร์ฟให้แขกในงาน ตั๋งโต๊ะกลับให้นำตัวเหล่านักโทษนับร้อยเข้ามายังโถงใหญ่ ก่อนจะให้ทหารผ่าเหล่านักโทษทั้งเป็น และนำชิ้นส่วนศพไปย่าง ซึ่งทั้งหมดนี้ทำต่อหน้าเหล่าแขกในงาน
1
ภาพความโหดร้ายนี้สร้างความตกตะลึงแก่แขกทุกคนในงาน หลายคนเป็นลมล้มพับ หลายคนทนไม่ไหวอาเจียนออกมา และอีกหลายคนก็ยืนขึ้นไม่ไหว ขาแข็งด้วยความหวาดกลัว
ทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของตั๋งโต๊ะ ซึ่งบันเทิงใจที่ทำให้ทุกคนหวาดกลัวและส่งสัญญาณว่าอย่าคิดต่อต้านตน
และไม่เพียงเท่านั้น ตั๋งโต๊ะยังอนุญาตให้ทหารของตนเข่นฆ่าประชาชนได้ตามใจชอบ โดยในพื้นที่ที่ทหารของตั๋งโต๊ะประจำการ ประชาชนล้วนแต่ถูกสังหาร สตรีก็ถูกล่วงละเมิด อาคารบ้านเรือนต่างๆ ถูกเผาจนราบ ซึ่งนี่คือรางวัลที่ตั๋งโต๊ะมอบแก่เหล่าทหารของตน ตอบแทนความภักดี
แน่นอนว่าความเลวของตั๋งโต๊ะย่อมทำให้หลายคนเกลียดและอยากจะสับตั๋งโต๊ะเป็นชิ้นๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือขุนนางใหญ่ที่มีนามว่า “อ้องอุ้น (Wang Yun)”
อ้องอุ้น (Wang Yun)
อ้องอุ้นวางแผนจะกำจัดตั๋งโต๊ะ โดยแอบร่วมมือกับลิโป้ แม่ทัพคนสำคัญของตั๋งโต๊ะ โดยเหตุที่ลิโป้ร่วมมือกำจัดเจ้านายของตน ก็น่าจะเป็นเนื่องจากว่าลิโป้ได้ลักลอบเป็นชู้กับหนึ่งในสาวใช้ของตั๋งโต๊ะ
22 พฤษภาคม ค.ศ.192 (พ.ศ.735) ตั๋งโต๊ะพร้อมด้วยเหล่าองครักษ์ มุ่งตรงไปยังราชสำนัก โดยภายในวังหลวงนั้นเต็มไปด้วยเหล่ามือสังหารที่ซุ่มรอสังหารตั๋งโต๊ะ
ตั๋งโต๊ะหวาดกลัวอย่างสุดขีด รีบตะโกนเรียกหาลิโป้ให้ออกมาช่วย
ทันใด ลิโป้ก็ปรากฎตัวออกมาพร้อมตะโกนว่า
“ข้าอยู่นี่”
และพุ่งหอกตรงไปกลางอกของตั๋งโต๊ะทันที
จากนั้น ศีรษะของตั๋งโต๊ะก็ถูกตัด และนำแห่ประจานทั่วเมืองท่ามกลางประชาชนที่ออกมาเต้นรำ ร้องเพลง และจุดเทียนจากไขมันจากศพตั๋งโต๊ะ ประชาชนต่างชื่นชมยินดี
1
แต่ความตายของตั๋งโต๊ะก็ไม่ได้ทำให้แผ่นดินสงบสุขไปตลอด เหล่าแม่ทัพที่จงรักภักดีต่อตั๋งโต๊ะ ได้นำทัพเข้าโจมตีฉางอัน และสังหารศัตรูของตนเป็นการแก้แค้น
ตามตำนานนั้น ในยามที่ฝังศพของตั๋งโต๊ะ ได้เกิดพายุและฟ้าผ่าไปทั่ว ผ่าลงมายังศพตั๋งโต๊ะ เสมือนว่าสวรรค์ยังรังเกียจตั๋งโต๊ะ
และถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านมานับพันปี แต่เรื่องราวความชั่วร้ายของตั๋งโต๊ะก็ยังเป็นที่เล่าขานมาจนถึงปัจจุบัน
References:
https://medium.com/@ChinaUnveiled/the-fall-of-dong-zhuo-12f5ad5fe82c
https://threekingdoms.fandom.com/wiki/Campaign_against_Dong_Zhuo
https://www.britannica.com/biography/Dong-Zhuo
ประวัติศาสตร์
4 บันทึก
30
2
4
30
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย