18 เม.ย. เวลา 08:27 • ปรัชญา

ความก้าวหน้าไม่ได้วัดจากปลายทาง แต่วัดจากวันที่คุณยังลุกขึ้นได้

ผมเคยอยู่ในจุดที่ไม่มีอะไรเหลือเลย — เงินเก็บเป็นศูนย์ ความฝันกลายเป็นเรื่องที่น่าขันในสายตาคนอื่น และความมั่นใจในตัวเองก็เหมือนฟองสบู่ที่แตกหายไปกับความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ช่วงเวลานั้น... ผมเรียกมันว่า "ขาลงของชีวิต" อย่างเต็มปาก
ทุกเช้าตื่นขึ้นมา ผมถามตัวเองว่า “เราจะทำไปเพื่ออะไร?” และทุกคืนก่อนนอน ผมเฝ้าคิดว่า “ทำไมเราถึงกลายเป็นคนแบบนี้?”
แต่แล้ววันหนึ่ง คำตอบง่ายๆ ก็ผุดขึ้นมาในหัว:
“เพราะเรายังมีชีวิตอยู่”
1. จุดเปลี่ยนคือวันที่คุณ “ยังลุกไหว”
มันไม่ใช่วันที่ผมได้เงินก้อนแรกจากงานใหม่
ไม่ใช่วันที่มีคนชื่นชมผลงาน
และไม่ใช่วันที่ความฝันเป็นจริง
แต่เป็นวันที่ผมนั่งอยู่กับตัวเอง แล้วพูดออกมาว่า
“ถึงวันนี้จะยังไม่มีอะไรดีขึ้น แต่ฉันยังไม่ยอมแพ้”
นั่นคือวันที่ผมเริ่มลุกขึ้นมาอีกครั้ง
ยังไม่มีทิศทางแน่ชัด ยังไม่รู้จะทำอะไรให้ดีขึ้น
แต่แค่ "ลุกไหว" ผมก็เริ่มชนะแล้วหนึ่งก้าว
2. ความสำเร็จไม่ใช่เส้นตรง — แต่มันคือการเดินต่อแม้ในวันที่ไม่อยากเดิน
ผมเริ่มจากสิ่งเล็กมากๆ เช่น
  • 1.
    จดว่าอยากเป็นใครในชีวิต
  • 2.
    หยิบหนังสือพัฒนาตัวเองมาอ่านวันละหน้า
  • 3.
    ออกไปเดินเล่นตอนเช้าเพื่อจัดระเบียบความคิด
สิ่งเหล่านี้ดูเล็ก แต่ช่วยพาผมออกจากหลุมที่เคยนอนนิ่ง
วันหนึ่งผมเริ่มรับงานเล็กๆ ได้เงินไม่กี่ร้อย
แต่ผมดีใจเหมือนได้ทอง เพราะมันหมายถึง “ผมยังมีค่า”
3. อย่าวัดคุณค่าตัวเองจากเส้นชัยของคนอื่น
บางคนไปถึงฝันใน 3 ปี บางคนใน 10 ปี
อย่าเอานาฬิกาของเขามาเร่งเวลาให้ตัวเอง
ความก้าวหน้าไม่ใช่เรื่องเร็วหรือช้า แต่มันคือการ “เดินต่อโดยไม่ถอยหลัง”
4. ทุกวันที่คุณยังพยายาม คือความสำเร็จที่มองไม่เห็น
วันนี้ผมประสบความสำเร็จในสายอาชีพที่เคยคิดว่าไม่มีทางทำได้
มีรายได้มั่นคง และมีคนไว้วางใจให้ช่วยเปลี่ยนชีวิตพวกเขา
แต่ผมไม่เคยลืมว่า รากฐานของวันนี้ไม่ได้เกิดจากความเก่ง
แต่มาจากวันที่ผมยัง “ไม่หยุดลุกขึ้น”
หากคุณกำลังอยู่ในช่วงชีวิตที่มืดมน ล้มเหลว และไม่มีใครเชื่อในตัวคุณ
จำไว้นะครับ... ความก้าวหน้าของคุณ ไม่ใช่ปลายทางที่ยิ่งใหญ่
แต่คือ “วันนี้” ที่คุณยังลุกขึ้นไหว และกล้าที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
อย่ายอมแพ้ เพราะทุกก้าวที่คุณเดิน
คือเส้นทางที่คุณกำลังสร้างขึ้นด้วยตัวเอง
และในไม่ช้า... คุณจะมองกลับมาแล้วรู้ว่า
“แค่ไม่หยุดเดิน วันนั้นแหละ...คือวันที่เราชนะแล้วจริงๆ”
spark brain
โฆษณา