19 เม.ย. เวลา 11:46 • การเมือง

ทรัมป์กำลังหาทางออกจากวังวน

“การเจรจาสันติภาพกับรัสเซีย” กับ “ข้อตกลงผลประโยชน์ด้านทรัพยากรกับยูเครน”
การเจรจาระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ ดูเหมือนจะเข้าสู่สถานะถอยหลังลงคลองอย่างหนัก ล่าสุดทรัมป์กล่าวว่าวอชิงตันจะ “ถอนตัวแล้ว” หากไม่สามารถบรรลุ “ความคืบหน้าที่มีนัยสำคัญ” ในการแก้ไขความขัดแย้งในยูเครนได้ภายในสัปดาห์หรือไม่กี่วันข้างหน้า
สตีฟ วิทคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษของทรัมป์ได้เคยเปรยถึงเงื่อนไขอีกประการหนึ่งจากทำเนียบขาวว่า “หากรัสเซียสามารถรักษาภูมิภาคทั้งห้าไว้ได้ แต่ไม่ใช่ดินแดนยูเครนทั้งหมดส่วนใหญ่” เอาเข้าใจง่ายๆ คือ ให้รัสเซียได้ดินแดนที่ยึดไว้ได้ในตอนนี้สำหรับ 4 แคว้น + ไครเมีย เป็นเงื่อนไขหลักในการสงบศึก
ในขณะเดียวกันทรัมป์ปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่าสหรัฐฯ จะยังคงให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนต่อไปหรือไม่ หากเส้นทางสู่สันติภาพถูกตัดสะบั้นลงแล้ว และคำตอบนี้แทบจะเทียบเท่ากับคำตอบที่ว่า “ใช่ เราจะทำ แต่ในขณะที่การเจรจายังดำเนินอยู่ เราไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ เพื่อรักษาบรรยากาศ”
1
เครดิตภาพ: WSJ
  • การเจรจามาถึงทางตันแล้วใช่ไหม?
ดูเหมือนต่างฝ่ายกำลังเล่นเพื่อให้สถานการณ์ตึงเครียดขึ้น แต่เมื่อเข้าสู่ขั้นการเจรจา มันจะดำเนินต่อไปและเกิดการต่อรอง และดูเหมือนว่าแต่ละฝ่ายจะเริ่มแสดงจุดยืนและเป้าหมายแท้จริงของตนต่อสาธารณะ อย่างเรื่องข้อตกลงการเข้าสำรวจแร่ธรรมชาติระหว่างสหรัฐอเมริกาและยูเครนได้ไหม ตอนแรกทรัมป์ตีมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ แต่สุดท้ายเขาก็ลดให้ยูเครนเหลือ 1 แสนล้านดอลลาร์
แต่แล้วมันก็สร้างความไม่พอใจให้ประชาชนยูเครนอยู่ไม่น้อย ที่คล้ายกับว่าประเทศของพวกเขาเหมือนถูกเจรจาซื้อขายกันอยู่
ต้องเข้าใจว่าข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซียมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสหรัฐฯ อยู่ไม่น้อยในตอนนี้ ด้วยเหตุผลง่ายๆ ประการหนึ่ง นั่นคือ สหรัฐฯ เพิ่งเริ่มสงครามการค้าครั้งใหญ่กับจีน สหรัฐฯ พยายามโน้มน้าว 70 ประเทศให้กำหนดภาษีศุลกากรและห้ามเป็นทางผ่านส่งออกสินค้าให้จีนด้วย นั่นคือสหรัฐฯ ต้องการสร้างพันธมิตรระดับโลกเพื่อบีบคั้นเศรษฐกิจจีน
ดูไปดูมามันก็เหมือนกับว่าสหรัฐภายใต้ทรัมป์กำลังสร้างแรงกดดันบีบฝ่ายต่างๆ เพื่อให้ตนเองเกิดผลประโยชน์เต็มที่ ถามว่ามันถึงทางตันหรือยัง ส่วนตัวมองว่าน่าจะยัง แต่สหรัฐกำลังเล่นเกมบีบหนักขึ้นอยู่
1
เครดิตภาพ: Getty Images
  • ทำไมสหรัฐอเมริกาจึงต้องการสันติภาพในยูเครน?
ปัจจัยอยู่ที่ “รัสเซีย-จีน” ด้วย ในเงื่อนไขของสงครามการค้า การรักษาเส้นทางพลังงานและการสร้างเส้นทางใหม่อย่างเช่น ท่อก๊าซสาย Power of Siberia-2 หรือการเพิ่มอุปทานก๊าซจากรัสเซีย ซึ่งจีนจำเป็นต้องพึ่งพาแหล่งก๊าซนี้จากรัสเซีย และรัสเซียก็ไม่มีทางเลือกมากนักที่ต้องขายก๊าซตรงนี้ให้จีนเพื่อชดเชยรายได้ที่เสียจากการคว่ำบาตรของตะวันตก เรื่องนี้ถือเป็นปัจจัยลบต่ออเมริกา
หากรัสเซียบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐอเมริกา รัสเซียน่าจะได้รับการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรเป็นส่วนใหญ่จากสหรัฐ แรงกดดันจะสลับไปที่จีน ตอนนี้จีนกำลังตกอยู่สงครามภาษีกับสหรัฐ แต่รัสเซียก็ยังคงต้องกังวลกับมาตรการคว่ำบาตรรอง เช่นเดียวกับที่จีนกลัวก่อนสงครามการค้าเริ่มต้น นี่คือวิธีที่สหรัฐอเมริกาต้องการตัดความสัมพันธ์รัสเซีย-จีน ดังนั้นการเจรจากับรัสเซียจึงเป็นหลักประกันความสำเร็จของทรัมป์เพื่อใช้เล่นงานจีน
เครดิตภาพ: gov.kz
  • มุมมองที่ต่างกันของ “ทรัมป์” กับ “ปูติน” จะสร้างปัญหาในอนาคต?
ท้ายที่สุดแล้วรัสเซียจะไม่ยอมละทิ้งข้อเรียกร้องของตน แต่สหรัฐจะไม่สามารถทำตามข้อเรียกร้องเหล่านั้นได้ หรือไม่ก็ไม่มีเจตนาจะทำด้วยซ้ำ เมื่อพิจารณาจากคำพูดของวิทคอฟฟ์…
สำหรับสหรัฐอเมริกา ประเด็นสำคัญอยู่ที่รัสเซีย และปูตินกำลังหยิบยกประเด็นเกี่ยวกับเงื่อนไขใหม่สำหรับความมั่นคงระหว่างประเทศ กฎใหม่สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
แต่นักธุรกิจอย่างทรัมป์กำลังพยายามแปลงภูมิรัฐศาสตร์ให้เป็นรูปแบบขององค์กร เป็นรูปแบบการเงิน เช่น เรามาตกลงกัน แล้วจะผ่อนปรนการคว่ำบาตรให้ เราจะลงนามในข้อตกลงระดับโลกนี้กับยูเครน (ข้อตกลงแร่ธาตุหายาก) แต่ในความเป็นจริงส่วนที่เหลือของยูเครนจะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลนายทุนอเมริกัน
ปูตินไม่ใช่นักธุรกิจ เขาจะบอกว่านี่ไม่ใช่ปัญหาทางธุรกิจ นี่คือปัญหาเชิงประวัติศาสตร์ตามที่เขาถนัด เราจะอยู่ร่วมกันอย่างไร เราจะดำรงอยู่ด้วยกฎเกณฑ์อะไร ไม่อยากอยู่ด้วยความระแวงจากการคว่ำบาตรกัน ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศหลายพันล้านอาจถูกยึดไป ปูตินจะไม่แลกเปลี่ยนอำนาจอธิปไตยของรัสเซียกับเรื่องดังกล่าวเป็นแน่
เครดิตภาพ: CNBC-TV18
  • ความท้าทายของสหรัฐ
นี่คือความท้าทายครั้งใหญ่สำหรับสหรัฐฯ หากพวกเขาถอยกลับในการเจรจากับรัสเซีย มันจะดูเหมือนชัยชนะของรัสเซีย และเราจะเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับยุโรปตอนนี้ เมื่อพวกเขาตระหนักว่าการเจรจากับรัสเซียมีความสำคัญสำหรับวอชิงตันมากกว่าพวกเขา และจะเกิดอะไรขึ้นหากพวกเขาตระหนักว่าสหรัฐฯ ไม่ใช่ผู้นำระดับโลกอีกต่อไป? (สูญเสียสถานะความเป็นผู้นำโลก)
ในแง่หนึ่งสหรัฐต้องการข้อตกลงกับรัสเซีย ส่วนในอีกแง่หนึ่งพวกเขาก็ไม่สามารถถอยกลับออกไปเกินขอบเขตบางอย่างและตกลงว่ารัสเซียกลายเป็นผู้ชนะในสงครามยูเครน สหรัฐอาจคิดว่าจะต้องเทยูเครน และปล่อยให้พวกยุโรปจัดการกันเอง
สำหรับสหรัฐแล้ว สิ่งสำคัญพื้นฐานคือข้อตกลงสันติภาพไม่ควรดูเหมือนชัยชนะเด็ดขาดของรัสเซีย อย่างที่เคยมีการวิเคราะห์กันออกมา พวกเขาต้องการให้ดูเหมือน “ต่างฝ่ายต่าง suffer” มากน้อยกันไป ทั้งยูเครนและรัสเซีย นั่นคือทั้งสองฝ่ายควรเสียสละบางสิ่งบางอย่าง ยูเครนยอมเสียดินแดนให้รัสเซียบางส่วนและยอมให้นายทุนอเมริกันเข้ามาหาผลประโยชน์ ส่วนรัสเซียจะยอมอะไรบ้างยังไม่ปรากฏชัดเจน หรือจะไม่ยอมเลยเพราะพวกเขาถือว่าได้เปรียบกว่า
เครดิตภาพ: Diplomacy Watch (Khody Akhavi)
  • สหรัฐจะถอนตัวจากการเป็นคนกลาง เป็นไปได้ไหม?
บางทีนั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงขู่ว่าจะถอนตัวจากการเจรจาตอนนี้ บอกวางมือแล้วและอ้างทำเป็นว่า “นี่ไม่ใช่สงครามของพวกเขา” หรือเปล่า?
จริงอยู่ว่าสหรัฐสามารถถอนตัวจากการเจรจากับรัสเซียได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะหยุดการส่งความช่วยเหลือไปให้ยูเครน แต่นั่นจะยิ่งเพิ่มดีกรีการช่วยเหลือให้มากขึ้นไปอีกหรือไม่ ซึ่งหมายความว่าจะมีการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อน้ำมัน ก๊าซ และยูเรเนียมของรัสเซีย ภาษีสำหรับประเทศที่นำเข้าจากรัสเซีย สื่อฝั่งตะวันตกก็เคยมีรายงานเรื่องนี้ไปแล้ว
ความจริงที่ว่าสหรัฐไม่สามารถก้าวถอยได้ ไม่งั้นพวกเขาจะสูญเสียสถานะ อิทธิพลทางการเมือง และจากนั้นอิทธิพลทางเศรษฐกิจของโลก พวกเขาได้ผูกปมไปทั่ว
1
ส่วนประเด็นที่พูดกันแพร่หลายว่า สหรัฐอาจจะคุยกับรัสเซียให้แช่แข็งความขัดแย้งในยูเครน แน่นอนว่าพวกเขาทำได้ แต่การรักษาสถานะความเป็นผู้นำโลกจำเป็นต้องมีการนำเสนอโครงการที่มีความหมายออกมาและเป็นผลดีต่อทุกฝ่าย ถ้าไม่งั้นอีกทางพวกเขาก็จำเป็นต้องสร้างความกลัวหรือไม่ก็ความขัดแย้งครั้งใหม่ขึ้นมา อย่างที่เห็นก็เรื่อง “สงครามการค้า” ที่กลายเป็นประเด็นร้อนไปทั่วโลกที่ผ่านมา หรือไม่ก็เรื่องหาทางบีบเจรจานิวเคลียร์ครั้งใหม่กับอิหร่าน
1
เครดิตภาพ: The Economist / Getty Images
วิเคราะห์และเรียบเรียงโดย Right Style
19th Apr 2025
  • อ้างอิง:
<เครดิตภาพปก: The Economist>
โฆษณา