20 เม.ย. เวลา 06:06 • ธุรกิจ

Data Center ทำให้ค่าไฟพุ่ง 100% เปิดโปงการผลักภาระค่าไฟจากยักษ์เทคโนโลยีสู่ประชาชน

หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเบื้องหลังความเจ๋งของ ChatGPT หรือเทคโนโลยี AI ที่เรากำลังใช้กันทุกวันนี้ มีต้นทุนที่ซ่อนอยู่มากแค่ไหน? บางคนกำลังจ่ายราคานี้อย่างเจ็บปวด โดยที่เราหลายคนไม่เคยรู้มาก่อน
เรื่องราวเริ่มต้นที่เมือง Mansfield รัฐจอร์เจีย ที่ครอบครัว Morris ตัดสินใจซื้อบ้านในปี 2016 Beverly กับ Jeff ถวิลหาชีวิตในชนบทที่เงียบสงบ ห่างจาก Atlanta ประมาณหนึ่งชั่วโมง สำหรับ Beverly ที่นี่คือการกลับบ้าน เพราะเธอเติบโตมาห่างจากจุดนี้เพียงห้าไมล์
“ชีวิตในชนบทให้ความสงบและเป็นการบำบัดจิตใจสำหรับฉัน เมื่อเราเจอสถานที่นี้ เรารู้เลยว่านี่แหละคือบ้านในฝัน มันสมบูรณ์แบบมาก”
3
แต่ความฝันของพวกเขากลับพังทลาย เมื่อ Meta บริษัทยักษ์ใหญ่เจ้าของ Facebook และ Instagram เริ่มก่อสร้าง data center ขนาดยักษ์ถึง 2 ล้านตารางฟุตใกล้บ้านพวกเขาในปี 2018
สิ่งแวดล้อมถูกทำลายอย่างเละเทะ Meta ตัดต้นไม้ทิ้งหมด ทั้งป่าสนสวยงามที่เคยอยู่ฝั่งตรงข้ามถนน ฝุ่นจากการก่อสร้างลอยฟุ้งเข้าบ้าน และแสงไฟสว่างจ้าตลอดทั้งคืนจนแทบไม่ต้องเปิดไฟในบ้าน
“เราเดินรอบบ้านตอนกลางคืนได้โดยไม่ต้องเปิดไฟเลย เพราะมันสว่างมาก มันเหมือนไม่มีกลางคืนอีกต่อไป”
ปัญหาเลวร้ายกว่านั้นคือน้ำประปา ครอบครัว Morris ใช้น้ำบาดาล และเริ่มมีปัญหาตั้งแต่ปี 2018 ตรงกับเวลาที่ data center เริ่มก่อสร้างพอดี ตะกอนจากน้ำทำให้พวกเขาต้องเปลี่ยนเครื่องทำน้ำร้อน เครื่องซักผ้าสองเครื่อง และเครื่องล้างจานหนึ่งเครื่อง
2
น้ำจากก๊อกในครัวมีตะกอนมากจนทำให้การใช้น้ำเป็นความทุกข์ทรมาน การแก้ปัญหาไม่ใช่เรื่องง่าย การขุดบ่อน้ำใหม่มีค่าใช้จ่ายประมาณ 20,000 ดอลลาร์ ยังไม่รวมค่าเปลี่ยนห้องน้ำและท่อใต้บ้าน
“มันทำให้รู้สึกเจ็บปวด พวกเรากำลังเผชิญกับกำแพงใหญ่ที่ทะลุผ่านไม่ได้ และยิ่งแย่ไปกว่านั้น พวกเขา (Meta) ไม่สนใจปัญหาของเราเลย”
6
ถ้ายังไม่เข้าใจว่า data center คืออะไร และทำไมมันถึงสำคัญ มารู้จักมันกันหน่อย
Data center มีจุดเริ่มต้นจากซูเปอร์คอมพิวเตอร์ยุคแรกๆ หรือเมนเฟรมในช่วงปี 1950 และ 1960 แต่ data center สมัยใหม่เริ่มบูมจริงๆ ในยุค 1990 เมื่ออินเทอร์เน็ตเกิดขึ้น มันเป็นสถานที่ที่ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตใช้เชื่อมต่อธุรกิจและคนทั่วโลกเข้ากับเว็บ
ในทศวรรษ 2010 data center ขยายตัวเป็นอย่างมากเพราะทุกคนต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ บนคลาวด์นี้แหละที่เราแชร์ภาพ ทำงานบนเอกสารร่วมกัน และจัดเก็บไฟล์สำหรับสตรีมวิดีโอต่างๆ ทุกอย่างตั้งแต่รูปสัตว์เลี้ยงจนถึงข้อมูลที่ทำงาน ล้วนอยู่บนคลาวด์ทั้งสิ้น
ทุกวันนี้ เราอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกรอบ นั่นคือการเติบโตของ AI ซึ่งต้องการพลังการประมวลผลโครตโหด มีรายงานระบุว่าการค้นหาด้วย Google ที่ใช้ AI แบบ ChatGPT ใช้พลังงานมากกว่าการค้นหาแบบปกติถึง 30 เท่า
2
ความต้องการพลังงานนี้ทำให้ data center ทั่วโลกคาดว่าจะใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 2-3 เท่าในอีกสามปีข้างหน้า และรัฐจอร์เจียกำลังเป็นรัฐที่มี data center เติบโตเร็วที่สุดในอเมริกา
ทำไม data center ถึงหมายปองรัฐจอร์เจีย? เหตุผลหลักมีสอง ประการแรกคือค่าไฟฟ้าสำหรับอุตสาหกรรมในรัฐนี้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศถึง 42% และประการที่สองคือการลดหย่อนภาษีแบบจัดเต็ม ปีที่แล้ว data center ในจอร์เจียได้รับการลดหย่อนภาษีมากกว่า 180 ล้านดอลลาร์
1
ที่เมือง Fayetteville ใน Fayette County ก็มีกรณีคล้ายกัน บริษัท QTS ที่เป็นของ Blackstone ได้ซื้อที่ดินขนาด 534 เอเคอร์ในราคา 153.8 ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้าง data center ขนาดใหญ่ แม้ชาวบ้านจะคัดค้านอย่างหนักก็ตามที
Diana Dietz ชาวบ้านแถวนั้นเล่าว่า: “พวกนักเก็งกำไรและนักลงทุนแอบซื้อที่ดินลับๆ ข้างบ้านเรา และพอเราไปประชุมรับฟังความคิดเห็น มันก็สายไปแล้ว ทุกอย่างเป็นข้อตกลงที่เสร็จสิ้นไปแล้ว”
Jean และ Joe Marschall ก็โดนกระทบหนัก พวกเขาอยู่บนที่ดิน 8 เอเคอร์ที่ชายขอบ Fayetteville ซึ่งทางเข้าบ้านเกือบจะเป็นเส้นแบ่งเขตระหว่าง Fayette County กับที่ดินของ QTS
“เราไม่มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นอะไรเลยกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น” พวกเขาบอก แม้จะคัดค้านสุดชีวิต แต่การสร้าง data center รอบบ้านก็กลายเป็นความจริงที่หนีไม่พ้น
“พวกเขาเทคอนกรีตตอนกลางคืน มีไฟสว่างจ้าและเสียงดังตลอดเวลา ตี 2 ตี 3 ตี 4 ไม่มีหยุด”
1
ในมุมของการพัฒนาเศรษฐกิจ Niki Vanderslice หัวหน้าหน่วยงานพัฒนาเศรษฐกิจ Fayette County มองว่า data center ให้ประโยชน์เศรษฐกิจแก่ชุมชนเช่นเดียวกัน
“ในปี 2021 ที่รัฐเก็บภาษีที่ดินได้เพียงแค่ 36,000 ดอลลาร์ แต่ในปี 2024 ภาษีเหล่านี้ก็พุ่งกระฉูดเป็น 1.13 ล้านดอลลาร์ และในจำนวนนี้ 760,000 ดอลลาร์ไปสนับสนุนการศึกษาท้องถิ่น”
เธอแสดงความเสียใจกับผู้ได้รับผลกระทบ แต่ยืนยันว่าต้องมองภาพรวม “เมื่อมีคนแค่ 200 คนจากประชากร 120,000 คนที่ได้รับผลกระทบ เราต้องชั่งน้ำหนักว่าอะไรดีที่สุดสำหรับชุมชนทั้งหมด”
แต่ Patty Durand นักรณรงค์ด้านผู้บริโภคมองต่าง เธอชี้ว่า data center ทำให้ค่าไฟพุ่งสูงขึ้นสำหรับคนทั้งรัฐ ไม่ใช่แค่คนที่อยู่ใกล้ data center
“มันคือความเห็นแก่ตัวสุดๆ ที่จะคิดว่าประโยชน์ของหนึ่งเขต แลกกับความเสียหายของอีก 158 เขตในจอร์เจียที่ต้องจ่ายค่าไฟแพงขึ้น เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ มันไม่ใช่แค่ไม่ถูก แต่มันยังสร้างความเหลื่อมล้ำและผิดศีลธรรมสุดๆ”
ตั้งแต่ปี 2023 Georgia Power ขึ้นค่าไฟถึง 6 ครั้ง ทำให้ค่าไฟของบ้านเรือนเพิ่มขึ้น 24% นับจากเดือนพฤษภาคม 2023
เพื่อแก้ไขปัญหานี้ สว. Hofstadter เสนอร่างกฎหมายสองฉบับ โดยมีเป้าหมายเพื่อย้ายภาระค่าไฟจากชาวบ้านไปให้ data center จ่ายเอง
2
แต่ในวัน Crossover ซึ่งเป็นวันที่ร่างกฎหมายต้องผ่านจากสภาหนึ่งไปอีกสภาหนึ่ง ไม่อย่างนั้นจะตกไป ทั้งสองร่างกฎหมายไม่ได้รับการลงคะแนน ทำให้ Patty ผิดหวังและโกรธมาก
1
“นักกฎหมายจอร์เจียกำลังรับผลประโยชน์จากเงินของ Georgia Power นี่คือผลประโยชน์ทับซ้อนชัดๆ และนำไปสู่การทุจริตที่ฉาวโฉ่” เธอกล่าว “CEO ของ Georgia Power รับเงินเดือนเป็นสิบๆ ล้านดอลลาร์ต่อปี ทำไมภูมิภาคที่จนที่สุดในประเทศถึงต้องจ่ายแพงที่สุดให้ CEO พวกนี้?”
1
ปัญหานี้ไม่ได้จำกัดแค่จอร์เจีย การเติบโตของ data center กำลังระบาดไปทั่วประเทศ และพวกมหาเศรษฐีเทคโนโลยีก็บ่นเรื่องระบบราชการที่มาขัดขวางทางการขยายตัว
หน่วยงานหลักที่ควบคุมดูแลคือคณะกรรมการกำกับดูแลพลังงานรัฐบาลกลาง หรือ FERC ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระที่ควบคุมการส่งไฟฟ้า ก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันระหว่างรัฐ แต่เมื่อเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดี Trump ลงนามให้ FERC อยู่ภายใต้ทำเนียบขาว
1
“เราจะอนุมัติโครงการเร็วมากในอเมริกา กับแผน AI ภายใต้ภาวะฉุกเฉิน ผมสามารถอนุมัติได้เองโดยไม่ต้องรอเป็นปีๆ” Trump ประกาศ
ด้วยการจับมือกันระหว่างรัฐบาลกลาง Silicon Valley และสาธารณูปโภคที่ผูกขาด คำถามก็คือใครจะปกป้องคนธรรมดาอย่างครอบครัว Morris?
Beverly และ Jeff Morris เห็นค่าไฟพุ่งเป็นสองเท่าตั้งแต่ Meta เปิด data center จาก 250 ดอลลาร์เป็นประมาณ 400 ดอลลาร์ต่อเดือน
“ทุกเดือนเป็นการต่อสู้ดิ้นรน Jeff อยากเกษียณแต่ต้องทำงานต่อเพราะเราต้องจ่ายบิล” Beverly เล่า เมื่อถามว่าคนธรรมดาควรจ่ายค่าไฟแพงขึ้นเพราะ data center ไหม เธอตอบเสียงแข็ง “ไม่เลย บริษัทพวกนั้นควรจ่ายเอง มันยากพอแล้วที่คนธรรมดาต้องจ่ายค่าไฟปกติ”
แม้ร่างกฎหมายจะล้มในจอร์เจีย แต่ Patty Durand ยืนยันว่าการต่อสู้ยังไม่จบ รัฐอื่นๆ หลายรัฐกำลังพิจารณากฎหมายคล้ายกัน
“รัฐอื่นๆ ควรออกกฎหมายแบบนี้ ไม่ว่าจอร์เจียจะทำหรือไม่ เพราะ data center อาจจะมาเยือนรัฐพวกเขาต่อไป จำเป็นต้องมีกฎหมายคุ้มครองประชาชน เพราะจากทุกรายงาน data center จะเติบโตเร็วมาก”
ในขณะที่โลกก้าวหน้าไปกับเทคโนโลยี AI เราต้องตั้งคำถามว่าใครควรจ่ายต้นทุนของการปฏิวัตินี้? ต้นทุนที่แท้จริงไม่ได้อยู่แค่ในบัญชีบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ แต่อยู่ในชีวิตของคนธรรมดา สิ่งแวดล้อมที่ถูกทำลาย และชุมชนที่ต้องแบกรับภาระหนัก
การถกเถียงเรื่องนี้ยังคงดำเนินต่อไปในหลายรัฐทั่วอเมริกา ขณะที่ความต้องการพลังงานเพื่อรองรับ AI เพิ่มขึ้นทั่วโลก การสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาเทคโนโลยีและการดูแลสิ่งแวดล้อมและชุมชนจะเป็นความท้าทายสำคัญในทศวรรษหน้า ซึ่งพวกเราทุกคนอาจต้องกลับมาคิดใหม่ว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความรับผิดชอบต่อสังคมจะเดินคู่กันไปได้อย่างไร
◤━━━━━━━━━━━━━━━◥
หากคุณชอบคอนเทนต์นี้อย่าลืม 'กดไลก์'
หากคอนเทนต์นี้โดนใจอย่าลืม 'กดแชร์'
คิดเห็นอย่างไรคอมเม้นต์กันได้เลยครับผม
◣━━━━━━━━━━━━━━━◢
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA ด.ดล Blog
คลิกเลย --> https://lin.ee/aMEkyNA
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================
โฆษณา