Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
HorKhao knows
•
ติดตาม
21 เม.ย. เวลา 08:40 • ความงาม
เป่าผมด้วยลมร้อนหรือลมเย็น? เลือกแบบไหนดีต่อเส้นผมของคุณ
การเป่าผมให้แห้งหลังสระเป็นขั้นตอนสำคัญในการดูแลเส้นผม แต่หลายคนอาจสงสัยว่าการใช้ลมร้อนหรือลมเย็นแบบไหนดีต่อสุขภาพเส้นผมมากกว่ากัน แต่ละแบบก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจถึงความแตกต่างและวิธีเลือกใช้ลมเป่าผมให้เหมาะสมกับสภาพเส้นผมของคุณ
ลมร้อน: แห้งไว จัดทรงง่าย แต่ต้องระวัง
ข้อดีของลมร้อน:
1.
ผมแห้งเร็ว: ลมร้อนช่วยระเหยน้ำออกจากเส้นผมได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ผมแห้งไว เหมาะสำหรับผู้ที่เร่งรีบ
2.
จัดทรงง่าย: ความร้อนทำให้เส้นผมอ่อนตัวลง ทำให้ง่ายต่อการจัดทรง ไม่ว่าจะเป็นการไดร์ตรง ยกโคน หรือทำลอน
3.
เพิ่มวอลลุ่ม: การใช้ลมร้อนช่วยยกโคนผม ทำให้ผมดูมีวอลลุ่ม ไม่ลีบแบน
ข้อเสียของลมร้อน:
1.
ทำลายเส้นผม: ความร้อนสูงสามารถทำลายโปรตีนเคราตินในเส้นผม ทำให้ผมแห้งเสีย เปราะ ขาดง่าย และแตกปลาย
2.
ทำให้ผมแห้งกร้าน: ความร้อนดึงความชุ่มชื้นออกจากเส้นผม ทำให้ผมแห้งและขาดความเงางาม
3.
หนังศีรษะแห้ง: ลมร้อนอาจทำให้หนังศีรษะแห้งและระคายเคือง
4.
สีผมซีดจาง: ความร้อนอาจทำให้สีผมที่ทำมาซีดจางเร็วกว่าปกติ
ลมเย็น: อ่อนโยนต่อเส้นผม แต่ใช้เวลานาน
ข้อดีของลมเย็น:
1.
อ่อนโยนต่อเส้นผม: ลมเย็นไม่ทำลายโครงสร้างโปรตีนในเส้นผม ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของเส้นผม
2.
ลดการเกิดผมแตกปลาย: การเป่าผมด้วยลมเย็นช่วยลดการเสียดสีและความร้อนที่ทำให้ผมแตกปลาย
3.
เพิ่มความเงางาม: ลมเย็นช่วยปิดเกล็ดผม ทำให้ผมดูเรียบเนียนและเงางามขึ้น
4.
ลดการชี้ฟู: ช่วยควบคุมไม่ให้ผมชี้ฟู
ข้อเสียของลมเย็น:
1.
ใช้เวลานาน: การเป่าผมด้วยลมเย็นจะใช้เวลานานกว่าการใช้ลมร้อน
2.
จัดทรงยาก: ลมเย็นอาจไม่ช่วยให้ผมอยู่ทรงได้นานเท่าลมร้อน
3.
อาจไม่เหมาะกับผมหนา: ผู้ที่มีผมหนาอาจต้องใช้เวลานานมากในการเป่าผมให้แห้งสนิทด้วยลมเย็น
วิธีเลือกใช้ลมเป่าผมให้เหมาะสม
■
สำหรับผมธรรมดา: สามารถใช้ลมร้อนในการเป่าให้ผมแห้งเร็ว และปิดท้ายด้วยลมเย็นเพื่อเพิ่มความเงางามและลดการชี้ฟู
■
สำหรับผมแห้งเสีย: ควรเน้นการใช้ลมเย็นเพื่อลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากความร้อน หากจำเป็นต้องใช้ลมร้อน ควรใช้ในระดับความร้อนต่ำและเป่าในระยะห่าง
■
สำหรับผมมัน: สามารถใช้ลมร้อนในการเป่าให้ผมแห้งเร็ว แต่ควรระวังไม่ให้ใช้ความร้อนสูงเกินไปที่หนังศีรษะ อาจปิดท้ายด้วยลมเย็นเพื่อลดความมัน
■
สำหรับการจัดทรง: หากต้องการจัดทรงที่ต้องการความอยู่ทรง ควรใช้ลมร้อนร่วมกับผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม แต่ควรใช้สเปรย์ป้องกันความร้อนก่อนเสมอ
■
เมื่อเร่งรีบ: หากมีเวลาน้อย สามารถใช้ลมร้อนเป่าให้ผมแห้งเร็ว แต่ควรดูแลเส้นผมด้วยการบำรุงอย่างสม่ำเสมอ
เคล็ดลับเพิ่มเติมในการเป่าผม
■
ซับผมให้หมาดก่อนเป่า: การซับผมด้วยผ้าขนหนูไมโครไฟเบอร์จะช่วยลดปริมาณน้ำในเส้นผม ทำให้ใช้เวลาในการเป่าผมสั้นลง
■
ใช้หัวเป่าเฉพาะ: หัวเป่าแบบแคบจะช่วยควบคุมทิศทางลมได้ดี เหมาะสำหรับการจัดทรงเฉพาะจุด ส่วนหัวเป่าแบบกระจายลมจะเหมาะสำหรับการเป่าให้ผมแห้งทั่วศีรษะ
■
เป่าผมจากโคนจรดปลาย: เป่าตามทิศทางการงอกของเส้นผม เพื่อให้เกล็ดผมเรียบและลดการชี้ฟู
■
อย่าเป่าผมใกล้เกินไป: ควรเว้นระยะห่างระหว่างไดร์เป่าผมกับเส้นผมประมาณ 15-20 เซนติเมตร
■
ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันความร้อน: ก่อนใช้ลมร้อน ควรฉีดสเปรย์หรือลูบเซรั่มป้องกันความร้อน เพื่อปกป้องเส้นผมจากความเสียหาย
สรุป
การเลือกใช้ลมร้อนหรือลมเย็นในการเป่าผมขึ้นอยู่กับสภาพเส้นผม ความต้องการในการจัดทรง และเวลาที่คุณมี การทำความเข้าใจข้อดีและข้อเสียของลมแต่ละประเภท จะช่วยให้คุณเลือกวิธีเป่าผมที่เหมาะสมและดูแลสุขภาพเส้นผมของคุณได้อย่างดีที่สุด การใช้ลมเย็นเป็นทางเลือกที่อ่อนโยนที่สุด แต่หากจำเป็นต้องใช้ลมร้อน ควรใช้อย่างระมัดระวังและบำรุงเส้นผมอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดความเสียหาย
คำแนะนำ: ลองสังเกตสภาพเส้นผมของคุณและปรับวิธีการเป่าผมให้เหมาะสม หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับวิธีการดูแลเส้นผม ควรปรึกษาช่างทำผมผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม
#เป่าผมลมร้อน #เป่าผมลมเย็น
whatdidrachaleknow.wordpress.com
เป่าผมลมร้อนหรือลมเย็นดี? มาดูกันว่าผมแบบคุณเหมาะกับแบบไหน
เป่าผมลมร้อนหรือลมเย็น ต่างก็มีข้อดีเฉพาะตัว ลองเลือกตามความเหมาะสมกับเส้นผมและไลฟ์สไตล์ของคุณ แล้วผมสวยสุขภาพดีไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป!…
ความงาม
ไลฟ์สไตล์
ข่าว
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย