23 เม.ย. เวลา 08:19 • ธุรกิจ

ทำไมต้องทำเหมือนเดิม? ถอดรหัสความสำเร็จร้านแว่นท็อปเจริญ

ทำไมต้องทำเหมือนเดิม?
คำถามที่หนุ่มน้อยวัย 16 จบแค่ ม.3
พากิจการจาก 1 สู่ 2,000 สาขา
และยอดขาย 6,000 ล้าน
#เบ็นโน้ต จากบทสัมภาษณ์
คุณ “นพศักดิ์ ตรีพรชัยศักดิ์”
ผู้ก่อตั้งร้านแว่นท็อปเจริญ
โดยพี่ตุ้ม หนุ่มเมืองจันท์
ในงาน Prachachat Forum 2025
Next Move Thailand 2025
อ่านจาก post ในเพจหนุ่มเมืองจันท์ แล้วเลยตามพี่ตุ้มไปฟัง YouTube มาค่ะ เป็นการสัมภาษณ์ที่สนุกมาก ๆ ฟังแล้วรู้สึกได้เลยว่าคุณนพศักดิ์รักธุรกิจที่ปั้นขึ้นมา มีความสุขกับการทำงาน และสนุกกับการคิดต่อยอดสร้างอนาคตใหม่ ๆ ให้กับท็อปเจริญ...ลูกรักของตัวเองมากแค่ไหน
อย่างที่พี่ตุ้มปิดไว้คม ๆ ในการสัมภาณ์ค่ะว่าเวลาในการสัมภาษณ์หมดลง แต่เวลาของคุณนพศักดิ์และท็อปเจริญจะยังคงเดินต่อไป เรื่องราวของท็อปเจริญจะเป็นเรื่องราวที่ไม่มีวันจบ เป็น never-ending story ของแท้ ซึ่งก็ไม่ใช่แค่พี่ตุ้มนะคะ เบ็นก็พลอยตื่นเต้นและอยากติดตาม stepping stone ใหม่ ๆ ที่คุณนพศักดิ์จะนำมาสู่วงการต่อไปค่ะ
ฟังแล้วสนุกแล้วก็นำเรื่องราว มุมมอง และคมความคิดดี ๆ จากคุณนพศักดิ์มาฝากค่ะ
=================
1. ทำไมต้องทำเหมือนเดิม?
================
คุณนพศักดิ์ในวัย 16 ปี ต้องมารับสืบทอดกิจการร้านแว่น ทั้งที่เรียนเก่งมากและอยากเป็นหมอ เพราะคุณพ่อจากไป คุณนพศักดิ์จึงต้องหยุดความฝันของตัวเองลง ในสัมมนาคุณนพศักดิ์น่ารักและถ่อมตัวมากค่ะ ท่านบอกว่าไม่มีอะไรจะมาสอน ไม่รู้จะเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนไหม เพราะท่านจบแค่ ม.3 เรียนน้อยกว่าทุกคน รู้แต่เรื่องแว่น 🥰 แต่ประสบการณ์เรื่องเดียวของคุณนพศักดิ์นี่ ... โอ้โห เลอค่ามาก ๆ ค่ะ ดีใจที่ได้ตามพี่ตุ้มไปฟัง (ทางยูทูปน่ะนะคะ)
ในวันนั้นกิจการร้านตัดแว่นเป็นกิจการที่เรียกว่าต้องสืบสายเลือด ทำให้ขยายสาขาไม่ได้ ไม่ว่าจะร้านไหน ๆ ใครมีลูกกี่คนก็ทำได้เท่านั้น ร้านที่ออกไปเปิดเป็นสาขาจะเป็นของลูก หรือไม่ก็ต้องมีคนในตระกูลไปดูแล เพราะการตัดแว่นเป็น know-how เฉพาะที่เค้าไม่สอนให้ใครกันค่ะ (คนนอกวงการก็เลยเข้ามาเริ่มต้นทำได้ยากด้วย)
เหมือนจะเป็นเหรียญ 2 ด้านนะคะ ในขณะที่ด้านนึงก็เหมือนจะ scale ไม่ได้ แต่อีกด้านที่เป็นข้อดีของธุรกิจนี้ คือมันเข้ายากค่ะ คู่แข่งจากนอกวงการเข้าตลาดยากมาก ๆ (ปัจจุบันก็ยังเป็นแบบนั้นนะคะ เพราะตอนนี้เจ้าใหญ่คือใหญ่ม๊ากกกก ... ซึ่งก็คือท็อปเจริญนั่นแหละค่ะ)
นั่นเป็น 1 ใน 2 สาเหตุที่ทำให้คุณนพศักดิ์ตัดสินใจทำธุรกิจนี้ต่อจากคุณพ่อ ส่วนอีกสาเหตุก็น่าสนใจมาก ๆ ค่ะ คุณพ่อคุณนพศักดิ์บอกว่าให้ทำอะไรก็ได้ที่คนจำเป็นต้องใช้ และแว่นสายตาเป็น 1 ในปัจจัย 4 ที่คนต้องใช้ตลอดชีวิต
ไม่ใช่ค่ะ ... อ่ะ ไม่รู้ทุกคนคิดเหมือนเบ็นไหมคะ ตอนแรกที่ฟังเบ็นก็คิดตามไป มันคือเครื่องนุ่งห่มเหรอ 555 ม่ายยยย มันคือ “ยารักษาโรค” ค่ะทุกคน แว่นสายตาคือยารักษาโรค เดี๋ยวนี้เด็กเริ่มใส่แว่นกันเร็วมากนะคะ เพราะเรากลายเป็น “มนุษย์จอ” กันไปทั้งโลกแล้ว หรือถึงเราไม่ใส่ตอนเด็ก แก่ไปเราก็ต้องใส่อยู่ดี ... เออ จริง แล้วเมื่อคุณเป็นมนุษย์แว่นแล้ว คุณจะเป็นมนุษย์แว่นตลอดไป (ถ้าเราไม่ไปเลสิค 😊)
#ปัจจัยความสำเร็จ
1. ขายของจำเป็น คนส่วนใหญ่ต้องใช้
2. เป็นตลาดที่เข้ายาก
=================
2. ลองทำไม่เหมือนเดิม
=================
ถ้าแค่สงสัยมันก็ไม่ไปไหนเนอะ มันต้องกล้าและเก่งพอที่จะลงมือทำให้มันต่างด้วยค่ะทุกคน ร้านท็อปเจริญเป็น “ผู้มาก่อนกาล” และนำสิ่งใหม่ ๆ เราเรียกว่าเป็นนวัตกรรมก็น่าจะได้ คุณนพศักดิ์ริเริ่มเรื่องใหม่ ๆ ให้วงการร้านแว่นหลายเรื่องเลยค่ะ เรียกว่าครบ 7P’s แหละเบ็นว่า แต่เบ็นเขียนเท่าที่จะ Gat-Pat ได้นะคะ
• People >> สร้างคน
• Physical Evidence >> หน้าตาเนื้อตัวร้านใหม่
• Place >> วิธีได้ location แบบใหม่
• Product >> Multi Brand
• Promotion >> มีโฆษณา
• Process >> สร้าง Model ธุรกิจใหม่
#People >> สร้างคน
มาเริ่มกันที่ “คน” ค่ะ คุณนพศักดิ์ถอดรหัสว่าทำไมมันขยายไม่ได้นะ อ๋ออออ ... มันไม่มี “คน” การจะทำร้านแว่นคุณต้องวัดสายตาเป็น เจียระไนเลนส์เป็น เลือกกรอบเป็น และขายเป็น จะมามัวสร้าง All-in-one มันยากเนาะ งั้นแบ่งเป็น ก ข ค ง สร้างได้ครบ 4 ขุนพลเมื่อไหร่เปิดได้ 1 ร้านทันที เออ เอาสิ
แล้วคุณนพศักดิ์ก็ทำแบบนั้นแหละค่ะ ค่อย ๆ สร้าง ก ข ค ง เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และเปิดสาขาไปเรื่อย ๆ ใช้เวลาแค่ 1-2 ปีก็เปิดสาขาได้ 200 สาขา! … เฮ้ยยย ตอนอายุ 18 ชั้นทำอะไรอยู่ ยังช่วยแม่ขายหมูปิ้งเก็บค่าขนมซื้อนิยายอยู่เร้ยยยย ขุ่นพระ! เทพมาก ๆ
แต่มันไม่ได้อยู่ ๆ ก็เปิดง่าย ๆ แบบนั้นนะคะ ก่อนเปิดคุณนพศักดิ์มีการวางแผนและมีไอเดียในใจมากมายค่ะ ไอเดียที่จะ differentiate ตัวเองออกมา และดึงลูกค้ามาที่ร้านตัวเอง
#Physical_Evidence >> หน้าตาเนื้อตัวร้านใหม่
สมัยก่อน 40 ปีที่แล้วร้านแว่นส่วนใหญ่จะเหมือน ๆ กันค่ะ เป็นห้องแถวมืด ๆ ไม่มีฝ้า ไม่มีไฟใด ๆ คุณนพศักดิ์อยากทำร้านสวย ๆ เพื่อดึงดูดคน ทำยังไงดีค่ะ?
จ้างค่า ... คุณนพศักดิ์ อายุ 16 นะคะอย่าลืม จ้างนักออกแบบมืออาชีพมาออกแบบร้านให้ ร้านใหม่ของคุณนพศักดิ์
- Interior สีขาวเป็นหลัก
- ไฟแน่นมาก สว่างสุด ๆ
- ผนังกระจกด้านหน้า
- ติดแอร์ฉ่ำ
- เฟอร์ทั้งหมดเป็น know-down สามารถยกย้ายได้
- ไม่พอค่ะพนักงานเป็นส่วนหนึ่งของหน้าตาร้านด้วย ทุกคนมีฟอร์มเหมือนหมอ สร้างความน่าเชื่อถือไปอีก
มันเป็นมิติใหม่ของวงการร้านแว่นมาก ๆ นะคะ แต่แบบของร้านแรกนั้นก็เป็นต้นแบบของอีกนับร้อยสาขาต่อมา คุณนพศักดิ์บอกว่าตอนไปจ้างออกแบบ ไม่ได้บอกนักออกแบบค่ะว่าจะมีสาขาฟรึ่มขนาดนี้ กลัวเค้าคิดแพง 555 เอ็นดู
ร้านสวย สะอาด สะดวกสะบาย พนักงานยิ้มแย้มแจ่มใส ดูแลดี มีความเป็นมืออาชีพ ก็ไม่แปลกที่ร้านจะฮิตติดลมบน และขยายสาขาได้อยางรวดเร็วมาก ๆ ใช่ไหมคะ
แต่ตัวร้านไม่ใช่เป็นปัจจัยเดียวที่ทำให้ success ค่ะ ทำเลก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน เราไปดูวิธีการได้ทำเลเจ๋ง ๆ ของคุณนพศักดิ์กันค่ะ
#Place >> วิธีได้ location แบบใหม่
อย่างที่บอกค่ะ ตัวร้านไม่ได้เป็นอย่างเดียวที่ทำให้ท็อปเจริญปังปุริเย่ เคยได้ยินที่เค้าพูดกันใช่ไหมคะ ปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จของร้านค้าอยู่ที่ Location, Location และ Location … นั่นคือ Place หรือทำเลนั่นเองค่ะทุกคน ทำเลของท็อปเจริญดีงามทุกที่
เอ๊ะ ... คุณนพศักดิ์เอาเงินจากไหนมาซื้อตึกในทำเลดี ๆ แบบนั้นได้เป็นร้อย ๆ สาขา?
ความลับคือ ... คุณนพศักดิ์ไม่ได้ซื้อค่ะ จะเอาตังค์ที่ไหน๊เนาะ ทำเลดี ๆ จะซื้อต้องมี 20 ล้านขึ้น จะเซ้งก็ต้องมีหลักสิบล้านเหมือนกัน เยาวชนไม่มีตังค์ค่ะ เลยใช้ความน่าเอ็นดูไปคุยกับแลนด์ลอร์ดว่าขอเช่าได้ไหม เฮ้ยยย ช่างกล้า
คุณนพศักดิ์ไดไอเดียนี้มาจากลูกน้องค่ะ คือเจ้า ก ข ค ง ทั้งหลายพอจะมาทำงานก็ต้องมาเช่าหอพักอยู่ เสียแค่ค่าประกัน 3 เดือนละก็ค่าเช่ารายเดือน หูยยยย ถูกลงเยอะเรย คุณนพศักดิ์เลยเอาไอเดียนี้ไปคุยกับแลนด์ลอร์ด บอกว่าตัวเองยังเด็ก ยังไม่ค่อยมีตังค์ ขอเช่าก่อนแต่เอาล่วงหน้าไปก่อนเลย รับรองไม่เบี้ยว
ที่แรก ๆ ก็ยากหน่อยค่ะ แต่พออ้อนได้สัก 10 ที่ คุณนพศักดิ์ก็มีคนรับประกันให้ว่าไม่เบี้ยวแน่นอน และร้านปังปุริเย่แน่ ๆ ด้วย เรียกว่าได้แลนด์ลอร์ดมาเป็รน referral ว่างั้น ... เจ๋งมาก ๆ ค่า
คุณนพศักดิ์เล่าว่าท่านเป็นคนแรกเลยที่ทำแบบนี้ จนผู้บริหารของร้านสะดวกซื้อขอนัดพบเพื่อปรึกษาว่าคุณนพศักดิ์ทำอย่างไร ... ก็นั่นแหละค่ะ ตอนนี้ร้านสะดวกซื้อรายนั้นมีสาขามากกว่าท็อปเจริญไปอี๊กกกก (คิดค่าไอเดียตอนนี้ทันไหมนะ 555)
#Product >> Multi Brand
ไอเดียพัฒนาธุรกิจของคุณนพศักดิ์ไม่ได้หยุดอยู่แค่หน้าตาร้าน ทำเล และคนเท่านั้นค่ะ แต่ product ก็เป็นอีกเรื่องที่คุณนพศักดิ์ transform วงการ 🥰 แต่ก่อนร้านแว่นจะมีสังกัดค่ะ ร้านไหนขายแบรนด์ไหนก็จะขายแต่ Brand นั้น ไม่มีการข้ามรั้วกัน
คุณนพศักดิ์เป็นคนแรกที่ทลายข้อจำกัดนี้ ทำให้ร้านตัวเองเป็น multi-brand เพื่อ service ลูกค้า ลูกค้าอยากได้แบรนด์ไหนท็อปเจริญต้องมีให้หมด
#Process >> สร้างธุรกิจ chain
ท็อปเจริญเป็นผู้บุกเบิกการสร้าง chain ธุรกิจในบ้านเราค่ะ สมัยนั้นเชนร้านฟาสต์ฟู้ดยังไม่มี ร้านสะดวกซื้อยังไม่มาเลย
#Promotion >> มีโฆษณา
ร้านแว่นสุด Avant-guard ร้านนี้มีการใช้สื่อประชาสัมพันธ์อย่างแน่นค่ะ เริ่มตั้งแต่สาขาแรก ๆ ก็มีป้ายโฆษณา รถแห่ ทำ troupe ในตลาดใด ๆ พอครบ 500 สาขามีโฆษณาทีวีไปอี๊กกก เรียกว่าทำครบรอบด้านจริง ๆ (เราเป็นร้านแว่นตามต่างจังหวัดสมัยนั้น เราก็คงไม่คิดจะทำโฆษณาอะไรเนาะ แต่ใครไม่ทำ คุณนพศักดิ์ทำค่ะ ... First Mover ของแทร่...)
=================
3. Leadership
=================
ทั้งหมดที่คุณนพศักดิ์ทำในข้อ 2 ไม่ว่าจะคิดทำ “P” ไหนก็มีแต่คนค้านค่ะ ... ธรรมดาเนาะ ทำเรื่องที่ไม่มีคนเคยทำ ทำเรื่องที่ขัดกับ norm คนก็ต้อง เอ๊ะ! เป็นธรรมดา
“บ้า ขยายสาขาไม่มีคนไปดู แบบนี้ก็เจ๊งแน่ ๆ”
(คนในที่นี้หมายถึงเครือญาติน่ะนะคะ)
“แต่งร้านแพงไปทำไม จะคุ้มไหม”
“จะทำโฆษณาเพื่อ!! เราเป็นร้านแว่นเล็ก ๆ”
.
.
.
และอื่น ๆ อีกมากมาย
แต่คุณนพศักดิ์คิดแล้วว่าดี ก็... ทำค่ะ ต่อให้ลูกน้องร้อยทั้งร้อยบอกว่าไม่อยากให้ทำ ไม่อยากให้เปลี่ยน แต่ถ้าท่านคิดแล้ว วิเคราะห์ความเสี่ยงแล้ว เห็นว่าควรลุย ท่านก็จะลุ้ยยยยย...ไปเลยค่ะ ท่านบอกว่าเราเป็นเจ้าของ เราต้องเป็นคนฟันธง ต้องตัดสินใจว่าอะไรดีกับธุรกิจ
และนั่นก็ทำให้ท็อบเจริญมาก่อนกาลอยู่เสมอ
=================
4. กิจการจะโตต้องมีระบบ
=================
ก็ไม่ใช่ว่าเรื่องที่มีคนทัก คนเตือนท่านจะไม่ได้เก็บมาคิดนะคะ การขยายสาขาเยอะ ๆ ถ้าคุมไม่ได้ก็ไม่รอดแน่ ๆ คุณนพศักดิ์ก็มาคิดว่าจะทำยังไงให้ไม่รั่วไหล มันต้องมีระบบล่ะเนาะ แต่ทำไมเป็นอ่ะ ... ทำไง
จ้างสิค้า
คุณนพศักดิ์จ้างผู้เชี่ยวชาญเป็น ดร. จากจุฬาฯ มาวางระบบบัญชีค่ะ 😊 หลังบ้านต้องแน่น ต้องแม่น ต้องเป๊ะนะทุกคน ถึงจะโตจากธุรกิจครอบครัวไปเป็นบริษัทมหาชนที่มีกว่า 2,000 สาขาได้
=================
5. ยุทธการณ์ป่าล้อมเมือง
=================
คุณนพศักดิ์ไม่ได้เริ่มต้นทำสาขาแรกในกรุงเทพนะคะ ท่านบอกว่า “กระดูกเยอะ” คือคู่แข่งเยอะ จะเริ่มธุรกิจต้องกินเนื้อกินหนังก่อน ท่านจึงเริ่มที่ขอนแก่นและค่อย ๆ เพิ่มสาขาไปเรื่อย ๆ จนถึง 500 สาขาก็ยังไม่เข้ากรุงเทพฯ นะคะ (จำนวนสาขาโหดมากจริง ๆ และท็อปเจริญมี 500 สาขาตอนคุณนพศักดิ์อายุ 22-23 ปีเท่านั้นเองค่ะ หูยยย first jobber อย่างเราจะล้องงง 🥰)
คุณนพศักดิ์บอกว่าตอนนั้นมีความฝันว่าจะทำแบรนด์ตัวเองให้เป็นแบรนด์อินเตอร์ให้ได้ แบรนด์อินเตอร์ในความหมายของคุณนพศักดิ์คือ ท็อปเจริญจะต้องมีโฆษณาทีวีให้ได้ คุณนพศักดิ์บอกลูกน้องว่าถ้ามีครบ 500 สาขาเมื่อไหร่เราจะดัง เราจะโฆษณาในทีวี
แล้วคุณนพศักดิ์ก็ทำจริงนะคะ ก็ท็อปเจริญไม่ใช่ “ร้านแว่นเล็ก ๆ” อีกต่อไปละเนาะ โฆษณาทั่วประเทศได้แล้ว ก็มีสาขาทั่วประเทศแล้วอ่ะ ใช่ค่ะ ... ในช่วงที่ทำโฆษณาคุณนพศักดิ์ก็พาท็อปเจริญเข้ากรุงเทพ 😊
จากที่กลัวเด็กเต้บมาก ๆ พอมาจริงก็พบว่า เฮ้ยยย เราสู้ได้ว่ะ 👍
=================
6. คนสำคัญที่สุด
=================
ด้วยจำนวนสาขามากกว่า 2,000 สาขา ตอนนี้คุณนพศักดิ์มีลูกน้องกว่า 8,000 คน ถามว่าตอนนี้หน้าที่คุณนพศักดิ์คืออะไร คุณนพศักดิ์ตอบว่า “มีหน้าที่ตื่นมาเอาใจลูกน้อง”
คุณนพศักดิ์ให้ความสำคัญกับลูกน้องมาก ๆ เพราะความสุขลูกน้องจะส่งต่อถึงลูกค้า เค้าตองมีความสุขในใจในงาน ความสุขนั้นจึงจะล้นออกไปหาลูกค้าได้โดยธรรมชาติ
ท็อปเจริญมีศูนย์ฝึกอบรมพนักงานตั้งแต่เริ่มสร้างร้านแรก ๆ เลยค่ะ เพราะคุณนพศักดิ์ต้องสร้างทีม ก ข ค ง 🥰 พนักงานทุกคนต้องเรียนรู้จาก e-learning ทุกวัน และทุก....ไม่แน่ใจว่ากี่เดือน (1 เดือนหรือ 3 เดือนนี่แหละค่ะ) จะต้องเข้าอบรมใหญ่ที่เป็นการพัฒนาทักษะ อัพเดทความรู้ใหม่ ๆ ให้กับพนักงาน คือพนักงานของท็อปเจริญต้องทันสมัยอยู่เสมอ ว่าซั่น ...
ทุกวันนี้ท็อปเจริญมีโรงพยาบาลตา และวิทยาลัยจักษุเพื่อสร้างหมอตาของตัวเองด้วยค่ะ (เป้าหมายของท็อปเจริญคือจะมี Flagship ที่ให้บริการครบวงจร มีนักทรรศนมาตรและจักษุแพทย์ประจำอยู่ทุกจังหวัดและอำเภอใหญ่ทั่วประเทศ ตอนนี้หมอตามีไม่เพียงพอค่ะ รู้หมือไร่ ... ทั้งประเทศเรามีจักษุแพทย์อยู๋ประมาณ 700 คนเองค่ะ)
คุณนพศักดิ์ไม่ได้พัฒนาแค่ลูกน้องนะคะ แต่ท่านเป็น role model ให้ลูกน้องด้วย เมื่อประมาณ 20 ที่แล้วท่านชวนลูกน้องที่ยังไม่จบ ป.ตรีให้ไปเรียนด้วยกัน ในวันที่คุณนพศักดิ์จบ ป.ตรี ท่านจบพร้อมลูกน้องของท่านอีก 300 คน (น่ารักมากเลยยยยย) และท่านได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่งด้วยค่ะ
[เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย]
คุณนพศักดิ์จบด้าน TQM หรือ การบริหารคุณภาพทั่วทั้งองค์กร (Total Quality Management) จบปุ๊บท่านก็ใช้ความรู้ที่เรียนมาปั๊บ ท่านทำ ISO ให้ท็อปเจริญจบได้ภายใน 6 เดือนเลยค่ะ (ปกติเค้าทำกัน 2 ปี) ชอบประโยคที่ท่านพูดมาก ๆ ค่ะ
#เรียนแล้วต้องเอามาใช้ได้สิ
=================
7. หนีให้ขาด
=================
เป็นผู้นำก็ต้องมีคนเลียนแบบ วันที่ร้านเริ่มดัง ตอนนั้นคุณนพศักดิ์ยังใช้ชื่อร้านคุณพ่อ “เจริญการแว่น” อยู่ค่ะ ก็คือขยายไปเรื่อย ไม่มีความรู้เรื่อง brand เรื่องทรัพย์สินทางปัญญาเนาะ ขยายไปขยายมา เอ๊ะ ไปเจอร้านที่เราไม่ได้เป็นคนเปิด 555 เช็คญาติก็แล้ว ญาติก็ไม่ได้ไปแอบเปิด อ่ะ ... โดนละเรา
คุณนพศักดิ์จึงตัดสินใจจะเปลี่ยนชื่อร้านจาก “เจริญการแว่น” เป็น “ท็อปเจริญ” ซึ่งไม่มีใครเห็นด้วยเลย ลูกน้องถึงกับร้องไห้ เราดังอยู่แล้ว มีเป็นร้อย ๆ สาขาแล้วจะเปลี่ยนทำไม แล้วใครจะรู้จัก จะขายยังไง TT__TT
แต่มันจะโตไปแบบนี้ไม่ได้ไงทุกคน คุณนพศักดิ์ตัดสินใจสร้างแบรนด์ จดแบรนด์ให้เรียบร้อย คนก้อปไม่ได้ แล้วเปลี่ยนค่ะ ซึ่งก็ไม่ได้ตัดสินใจง่าย ๆ นะคะ เพราะแค่ค่าเปลี่ยนป้ายทั่วประเทศในตอนนั้นก็เป็นเงิน 10,000,000 บาทแล้ว ... กัดฟันค่า
แล้วคนจะรู้ได้ไงว่าเราคือร้านเจริญการแว่นเดิม? จำยุคนึงที่เคยมีแคมเปญ “โคคา-โคล่าคือโค้ก โค้กคคือโคคา-โคล่า” ได้ไหมคะ นั่นหละค่ะ คุณนพศักดิ์ให้ลูกน้องไปถือป้ายเดินและพูดในตลาด “เจริญการแว่นคือแว่นท็อปเจริญ เจริญการแว่นคือแว่นท็อปเจริญ” เอาจนคนจำได้อ่ะ ... เออ เอาดิ่
และ “เจริญการแว่น” ก็เปลี่ยนเป็น “แว่นท็อปเจริญ” นับแต่นั้นมา 😊
=================
8. ทิ้งให้ห่าง ห่างหลายช่วงตัว
=================
พี่ตุ้มถามคุณนพศักดิ์ถึง Market Share ... คุณนพศักดิ์บอกว่าจะเป็นเจ้าตลาดต้องทิ้งห่างเบอร์สองให้ไกลที่สุด ปัจจุบันท็อปเจริญห่างอยู๋ประมาณ 10 ช่วงตัวเท่านั้นเองค่ะ ... แห่ะ
ความเจ๋งคือกลยุทธ์ก่อนที่จะมาถึง 50% Market Share ค่ะ ตอนที่เริ่มมีคู่แข่งโตขึ้นมาในตลาด คุณนพศักดิ์ทราบว่าต้องรีบหนี ท็อปเจริญกันคู่แข่งด้วยการสร้าง second brand ค่ะ ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีมครทราบว่า 2 brand นี้เป็นเจ้าของเดียวกัน
เจ้า second brand ที่ว่านั้นคือห้างแว่นบิวตี้ฟูลค่ะ เรียกว่าใครมาเปิดข้าง ๆ ท็อปเจริญ อีกข้างจะมีบิวตี้ฟูลมาประกบทันที คู่แข่งจะโดนแซนด์วิชค่ะทุกคน มาจากซ้ายจะไปร้านคู่แข่งก็ถึงท็อปเจริญก่อน มาจากขวาก็มีบิวตี้ฟูลดัก แล้วทั้ง 2 ร้านมีพนักงานออกมายืนเรียกลูกค้า ชวนให้เข้าไปวัดสายตาฟรีด้วย ... เอาเซ่
Beautiful ได้ market share เป็นอันดับสองในวันนั้นค่ะ ปัจจุบันเราไม่เห็น Beautiful แล้ว เพราะน้องได้จบหน้าที่ของน้องแล้ว ท็อปเจริญก็ take ร้านแว่นบิวตี้ฟูลมาเป็นของตัวเอง อ่ะ ... หายสงสัยแล้วใช่ไหมคะ ทำไมบางทีถึงมีร้านท็อปเจริญสองร้านติดกัน หนึ่งในนั้นเคยเป็นบิวตี้ฟูลมาก่อนนั่นเอง (โคตรล้ำลึก)
=================
9. Key Success Factors
=================
1. #ทำของจำเป็น ท็อปเจริญผ่านมาได้ทุกวิกฤติ เพราะแว่นเป็นปัจจัย 4 = ยารักษาโรค คนอื่นยอดตก ท็อปเจริญยอดขึ้น
2. #เลียนแบบยาก และพัฒนาไปเรื่อย ๆ ไม่หยุด คู่แข่งมาเริ่มตอนนี้ไม่มีทางตามทัน
3. #กำไรเยอะ (นอกจากแว่นจะเป็นธุรกิจที่มี margin เยอะอยู่แล้ว ท็อปเจริญยังมี Economy of scale ด้วย รู้หมือไรท็อปเจริญเป็นลูกค้าที่มียอดซื้อเป็นอันดับ 1 ของ RayBan)
4. #สร้างคน พัฒนาคน และดูแลคน
ท้อปเจริญในปีที่ 78 ก้าวเข้าสู่การเป็นบริษัทมหาชน ปัจจุบันมีสาขามากกว่า 2,000 สาขา ยอดขายมากกว่า 6,000 ล้านบาท
=================
10. ข้อแนะนำสำหรับช่วงวิกฤติ
=================
1. ไม่กู้เงิน ตลอดระยะเวลาที่คุณนพศักดิ์ทำธุรกิจมาก ท่านไม่เคยกู้เงินเลย ถือคติ #นกน้อยทำรังแต่พอตัว มีเท่าไหร่ทำเท่านั้น กระเป๋าพอขยายได้เท่าไหร่ขยายเท่านั้น
การไม่กู้เงิน ทำให้ไม่กังวล สมองปลอดโปร่ง จิตใจเบิกบาน คิดอะไรใหม่ ๆ ได้ ... มันสว่างอ่ะเนอะ
2. เก็บเงินสด cash flow เป็นเรื่องสำคัญ
3. #แบ่งไข่ไว้หลายตะกร้า ท็อปเจริญไม่ได้อยู่ในห้างอย่างเดียว มีทั้งห้องแถว ในตลาด ในปั๊ม ดังนั้นช่วงโควิดจึงไม่มีปัญหา แค่ย้ายลูกน้องมาทำงานในสาขาอื่น ๆ เพิ่มงานให้ทุกคน Live ทำ content ช่วยบริษัท ปรากฎว่าช่วงโควิดยอดขายท็อปเจริญพุ่งขึ้น 10 เท่า!
4. ทำอะไรที่คนเลียนแบบยาก
5. อย่าทำอะไรที่เหนื่อยมาก หาธุรกิจที่ margin เยอะพอที่เราจะสบาย (ท้อปเจริญแต่ละสาขาขายแว่นได้วันละ 2 อันก็อยู่ได้แล้วนะ)
6. เจอช่องทางใส ๆ ใส่เลย เราต้องมาก่อนกาล
7. โฟกัส #อย่าจับปลาหลายมือ ทำมันอย่างเดียวนี่แหละให้เป็น the best ทำให้สุด เอาให้ถึงกึ๋น
8. ทำอะไรใหม่ ๆ ตลอด เทคโนโลยีต้องมา (Flagship Store ที่เป็นศุนย์ตาครบวงจร, เริ่มใช้ AI Partner, มี Experience Center ใช้ลูกค้าทดลองว่าใช้แว่นในชีวิตจริงแล้วจะเป็นยังไง)
=================
และนั่นคือ never-ending story ของคุณนพศักดิ์และแว่นท็อปเจริญค่ะ มีรายละเอียดอีกมากที่เบ็นเก็บมาเล่าได้ไหมหมด อยากให้ลองไปฟังกันดูนะคะ คุณนพศักดิ์เล่าได้สนุกจริง ๆ พี่ตุ้มสัมภาษณ์เก่งจริง ๆ ค่ะ แปะ link ให้ในเม้นท์นะคะ
ขอบคุณทั้งประชาชาติธุรกิจ คุณนพศักดิ์ และพี่ตุ้มนะคะสำหรับความรู้และแรงบันดาลใจดี ๆ
หวังว่าเพื่อน ๆ ที่เข้ามาอ่านจะสนุกและได้รับแรงบันดาลใจเช่นกันค่ะ
💖💖🥰💖💖
ขอบคุณภาพจาก Marketing Oops! ค่ะ
#BennOte #bp_ben
#TopCharoen #แว่นท็อปเจริญ
#หนุ่มเมืองจันท์
#KnowledgeSharing
#BensGoodWords
#benji_is_drawing
#benji_is_learning
#inspirationalquotes
#perspectiveshift
อ่าน BennOte ใน Facebook
คลิปสัมภาษณ์คุณนพศักดิ์ ตรีพรชัยศักดิ์ เจ้าของร้านแว่นตาท็อปเจริญ
“ท็อปเจริญ” จากธุรกิจครอบครัว สู่ร้านแว่นที่มีทุกหัวมุมถนน
โฆษณา