23 เม.ย. เวลา 18:21 • การเมือง

ทุกอย่างมีคำอธิบายทางกฎหมาย

เมื่อนายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้มหรือ “หมอลำแบงค์” ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2564 ในกรณีที่เขาตกเป็นจำเลยในคดีอาญาตามกฎหมายมาตรา 112 และมาตรา 116 จากการพฤติกรรมในการชุมนุมเมื่อวันที่ 19 และ 20 กันยายน พ.ศ. 2563
เหตุที่ศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวเนื่องระหว่างการถูกควบคุมตัวนายปติวัฒน์และให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามคำสั่งศาลโดยดีและในการยื่นขอประกันเขาได้ทำเอกสารเสนอต่อศาลว่าจะไม่ไปเคลื่อนไหวใดๆในการก้าวล่วงและพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์อีกและจะกลับไปประกอบอาชีพหมอลำของตนเอง
ต่อมาเมื่อวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2564 ศาลมีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราวนายจตุภัทร บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่ ดาวดิน” และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข โดยมีเงื่อนไขห้ามไปกระทำการใดๆที่เกี่ยวกับการก้าวล่วงสถาบันเช่นกัน รวมทั้งห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
จึงมีคำถามตามมาว่าเหตุใดนายพฤษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” , นางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ “รุ้ง” , นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ “ไมค์” และนายอานนท์ นำภา ซึ่งเป็นจำเลยในคดีเดียวกันถึงไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวด้วย
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า ประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐคือเราเป็นรัฐที่มีกฎหมายเป็นหลักกติกาและกฎระเบียบของบ้านเมืองและสังคม อำนาจตุลาการเป็นหนึ่งในสามอำนาจหลักของบ้านเมือง คือ นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ
อำนาจตุลาการให้อำนาจกับศาลเพื่อทำหน้าที่บนพื้นฐานของข้อมูลที่ศาลมีรวมถึงพยานหลักฐานและพฤติกรรมของจำเลยตามที่ถูกกล่าวหา และศาลใช้ข้อกฎหมายเป็นหลักในการพิจารณา อำนาจในการควบคุมตัวหรืออำนาจในการปล่อยตัวจึงเป็นอำนาจโดยชอบธรรมของศาลตามกฎหมายอยู่แล้ว
ดังนั้นการอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวหรือไม่จึงเป็นดุลพินิจของศาล การไปก้าวล่วงหรือหมิ่นอำนาจศาลถือเป็นการผิดกฎหมาย ศาลย่อมพิจารณาแล้วถึงความเหมาะสมจึงยกคำร้องในการขอประกันตัวเพื่อการปล่อยตัวชั่วคราวแก่จำเลยเหล่านี้
และบุคคลที่ไม่ได้รับการประกันตัวเหล่านี้ก็แสดงออกอย่างชัดเจนในการต่อต้านและปฏิเสธคำสั่งศาลและไม่ยอมลงนามในการให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่ไปเคลื่อนไหวในการก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์อีก ซึ่งต่างจากกรณีของหมอลำแบงค์, ไผ่ ดาวดินและนายสมยศ ที่แสดงเจตจำนงค์กับศาลอย่างชัดเจนว่าจะไม่กระทำดังกล่าวอีก
ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าถ้าอนุญาตให้มีการปล่อยตัวชั่วคราว มีโอกาสที่จำเลยจะไปเคลื่อนไหวในแบบเดิมหรืออาจมีการหลบหนี ศาลจึงยกคำร้องการขอปล่อยตัวชั่วคราวซึ่งเป็นการพิจารณาตามกระบวนการยุติธรรมปกติ และศาลก็มีคำอธิบายทางกฎหมายอย่างครบถ้วน
หากมองอีกด้านน่าจะเป็นผลดีกับตัวจำเลยเองด้วยซ้ำเพราะจำเลยจะได้ไม่ไปทำความผิดซ้ำหรือก่อคดีใหม่ขึ้นอีกซึ่งจะส่งผลถึงโทษที่ได้รับจะต้องหนักขึ้นไปอีก
การที่กลุ่มบุคคลใดๆ ที่เป็นกองเชียร์ของจำเลยเหล่านี้กระทำการหรือแสดงออกใดในการไม่เห็นด้วยหรือต่อต้านอันเป็นการดูหมิ่นศาลอาจเข้าข่ายกระทำความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 198 ได้
ส่วนกรณีที่จำเลยบางคนคือนายเพนกวินหรือนางสาวรุ้งแสดงพฤติกรรมต่อต้านคำสั่งศาลโดยการประท้วงด้วยวิธีอดอาหาร ย่อมไม่มีผลใดๆต่อการพิจารณาของศาลเช่นกัน
เชื่อว่าการประท้วงดังกล่าวเป็นวิธีการที่อยู่ในกระบวนการที่ต้องการปลุกกระแสสังคมและในกลุ่มของตนให้ออกมาสร้างความวุ่นวายอีกครั้ง ซึ่งระยะหลังนี้ดูเหมือนว่าจะปลุกไม่ขึ้น แต่เชื่อว่าถึงอย่างไรทางราชการก็คงต้องดูแลคนทั้งสองอย่างดีไม่มีทางที่จะปล่อยให้เสียชีวิตแน่นอน
โฆษณา