25 เม.ย. เวลา 13:00 • ประวัติศาสตร์

• ถ้าขายหัวเราะอยู่มาตั้งแต่ 100,000 ปีก่อน จะเกิดอะไรขึ้น? Part 2

ถ้าหากขายหัวเราะอยู่มาตั้งแต่บรรพกาล คงมีการบันทึกประวัติศาสตร์มนุษยชาติผ่านการ์ตูนเก็บไว้ อาจจะบนผนังถ้ำ ในสถาปัตยกรรมโบราณ หรือบันทึกวิชาการเก่า ๆ ก็เป็นได้
ครั้งนี้ขายหัวเราะได้ร่วมมือกับ Histofun Deluxe หยิบเรื่องราวในประวัติศาสตร์ 10 เรื่องมาดัดแปลงเป็นการ์ตูน 1 ช่องขำ ๆ สไตล์ซีรีส์ “ขำสารขัณท์” โดยแบ่งออกเป็น 2 Part ได้แก่
Part 1 จุดเริ่มต้นของมนุษยชาติ - ที่เพจขายหัวเราะ https://www.facebook.com/share/1ELDTaBBJB/
Part 2 เข้าสู่โลกยุคใหม่ - ที่เพจ Histofun Deluxe https://www.facebook.com/share/1ERToPpPv2/
ขอชวนทุกคนมาสนุกกับประวัติศาสตร์โลกกันเถอะ
ปฏิวัติฝรั่งเศส 1789-99
- ฝรั่งเศสในยุคของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เป็นยุคที่ยิ่งใหญ่และเฟื่องฟูของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
- แต่พอถึงยุคพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ฝรั่งเศสประสบปัญหาหลายอย่างทั้งปัญหาเศรษฐกิจ การเงินที่ร่อยหรอ ภาวะอดยากที่ทำให้ขนมปังที่เป็นอาหารหลักของชาวฝรั่งเศสมีราคาแพง
- ฝรั่งเศสยังมีชนชั้นทางสังคมหรือฐานันดร ที่มีอยู่ 3 ชนชั้นคือ นักบวช ขุนนาง และประชาชน แต่ประชาชนที่มีสัดส่วนมากที่สุดกลับไม่มีปากมีเสียง และถูกสองชนชั้นที่เป็นคนส่วนน้อยกดขี่มาช้านาน
- ความไม่พอใจนำไปสู่การปฏิวัติในปี 1789 โดยในตอนแรกยังให้พระเจ้าหลุยส์เป็นกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ
- แต่การที่ฝรั่งเศสต้องทำสงครามกับประเทศรอบข้าง (ประเทศเหล่านี้ไม่ต้องการให้เกิดการปฏิวัติ) บวกกับความไม่พอใจที่เชื่อว่า พระเจ้าหลุยส์มีส่วนทำให้ฝรั่งเศสต้องพบกับสงคราม และความวุ่นวายภายในประเทศ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นสาธารณรัฐในปี 1792 และการประหารพระเจ้าหลุยส์และพระนางมารี อ็องตัวแน็ตต์ ด้วยกิโยติน
- ความวุ่นวายยังไม่จบเกิดยุคน่าสะพรึงกลัว ที่คนเห็นต่างถูกประหารด้วยกิโยตินเป็นจำนวนมาก กว่าที่ฝรั่งเศสจะสงบก็คือปี 1799 เมื่อนโปเลียน โบนาปาร์ต นายทหารหนุ่มที่ได้รับความนิยมจากประชาชนทำรัฐประหาร ก่อนที่เขาจะสถาปนาตนเป็นจักรพรรดิในปี 1804 จนทำให้ฝรั่งเศสพบกับสงครามถึงปี 1815
- แถมท้ายกับวลี “ไม่มีขนมปัง ก็ไปกินเค้กสิ” ความจริงพระนาง มารี อ็องตัวแน็ตต์ ไม่ได้เป็นคนพูด เพราะวลีดังกล่าวมาจากหนังสือของนักปรัชญาการเมืองชื่อดังอย่างฌอง-ฌัก รุสโซ
สองพี่น้องตระกูลไรท์ 1903
- สองพี่น้องตระกูลไรท์ประกอบด้วยคนพี่ วิลเบอร์ ไรท์ และคนน้อง ออร์วิลล์ ไรท์ เกิดที่รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา
- สองพี่น้องสนใจเรื่องของการบินมาตั้งแต่เด็ก เมื่อถึงช่วงวัยหนุ่ม ทั้งคู่ก็ทำธุรกิจร่วมกัน โดยเริ่มต้นจากเปิดโรงพิมพ์ จากนั้นเปิดร้านขายจักรยาน
- ในตอนนั้นมีหลายคนพยายามสร้างเครื่องบินขึ้นมา แต่เครื่องบินหรือเครื่องร่อนเหล่านี้ไม่มีเครื่องยนต์ สองพี่น้องจึงมีไอเดียที่จะใส่เครื่องยนต์ในเครื่องบินที่พวกเขาประดิษฐ์ขึ้นมา โดยเริ่มต้นทำการทดลองในปี 1899
- จนกระทั่งในปี 1903 พวกเขาก็ประดิษฐ์เครื่องบินที่เรียกว่า Wright Flyer I ที่ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน
- วันที่ 17 ธันวาคม 1903 Wright Flyer I บินได้ไกลถึง 120 ฟุต (36.5 เมตร) และบินอยู่บนอากาศนาน 12 วินาที สองพี่น้องตระกูลไรท์สร้างเครื่องบินที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ที่ประสบความสำเร็จเป็นลำแรกของโลก
สมการไอน์สไตน์ 1905
- 27 กันยายน 1905 อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักฟิสิกส์ชื่อดังก้องโลกเผยแพร่สมการ E = mc² ที่อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานกับมวล
- E = mc² ถูกนำมาใช้อธิบายปรากฏการณ์ต่าง ๆ อย่างเช่นปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชั่น รวมถึงปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชั่น ที่ถูกนำไปสร้างระเบิดนิวเคลียร์ (ไอน์สไตน์ไม่ได้เป็นคนคิดระเบิดนิวเคลียร์ แต่สมการของเขาถูกนำไปพัฒนาเพื่อสร้างระเบิดนิวเคลียร์)
สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง 1914-18
- สาเหตุของสงครามเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันด้านการทหาร การสะสมอาวุธ การจับกลุ่มเป็นพันธมิตร
- ชนวนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อรัชทายาทของออสเตรีย-ฮังการี ถูกลอบสังหาร ออสเตรียฯ จึงประกาศสงครามกับเซอร์เบียเพราะเชื่อว่าอยู่เบื้องหลัง เซอร์เบียมีรัสเซียเป็นพันธมิตรจึงตอบโต้ เช่นเดียวกับออสเตรียฯ ที่มีเยอรมันเป็นพันธมิตร ความขัดแย้งจากสองประเทศจึงลุกลามเป็นสงครามในทวีปยุโรปและเป็นสงครามโลกในเวลาต่อมา
- สงครามโลกครั้งที่หนึ่งเป็นการต่อสู้ระหว่างฝ่ายสัมพันธมิตร (อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย สหรัฐอเมริกา) กับฝ่ายมหาอำนาจกลาง (เยอรมัน ออสเตรีย-ฮังการี บัลแกเรีย ออตโตมันหรือตุรกี)
- สมรภูมิหลักอยู่ในยุโรป มีแนวรบตะวันตก (อังกฤษ ฝรั่งเศส vs เยอรมนี) และแนวรบตะวันออก (เยอรมัน vs รัสเซีย)
- สงครามจบลงในปี 1918 ฝ่ายสัมพันธมิตรเป็นผู้ชนะ เยอรมันได้รับผลกระทบหนักที่สุด จนเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดสงครามโลกครั้งที่สอง
อพอลโล 11 1969
- ยานอพอลโล 11 ขององค์การนาซ่า พร้อมนักบินอวกาศชาวอเมริกาสามคน คือ นีล อาร์มสตรอง, บัซซ์ อัลดริน และไมเคิล คอลลินส์ เดินทางไปถึงดวงจันทร์ในวันที่ 20 กรกฎาคม 1969
- นีล อาร์มสตรอง เป็นมนุษย์คนแรกที่สัมผัสพื้นผิวของดวงจันทร์ พร้อมคำพูดอมตะ “นี่เป็นก้าวเล็กๆ ของมนุษย์คนหนึ่ง แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ”
- อย่างไรก็ตามมีหลายคนไม่เชื่อ นำไปสู่ทฤษฎีสมคบคิดมากมาย
ย้อนกลับไปอ่านใน Part 1 จุดเริ่มต้นของมนุษยชาติ - ที่เพจขายหัวเราะได้เลย
#HistofunDeluxe #ขายหัวเราะ #ขำสารขัณฑ์
โฆษณา