Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ดินสอ ธรรม
•
ติดตาม
22 พ.ค. เวลา 01:08 • คริปโทเคอร์เรนซี
เงินคือพระเจ้าใช้แลกเปลี่ยนเป็นสินค้า วิธีหาเงิน Free Trade มุ่งทำกำไร ส่วน Fair Trade สร้างนวัตกรรม
สรรพสิ่งมีทั้งด้านดีและด้านร้ายอยู่พร้อมกัน
เหมือนเหรียญมีสองด้านอยู่บนเหรียญเดียวกัน
พุทธะสอนการปฏิบัติเป็น"ธรรม"
โดยให้เริ่มต้นด้วยสัมมาทิฏฐิ
คือเข้าใจสิ่งที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยปัญญาที่ผ่านการพิจารณาอย่างลึกซึ้ง จึงจะสามารถเกี่ยวข้องกับสิ่งนั้นได้อย่างไม่เกิดโทษต่อตนเองและผู้อื่น
จึงจะทำให้สามารถจะปฏิบัติเป็น"ธรรม"
คือเกิดประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน
หลวงพ่อชา สอนเรื่อง สิ่งที่มากเกินไป จะเป็นโทษเพราะสรรพสิ่งมีทั้งบวกและลบอยู่พร้อมกัน เมื่อมีมากเกินไปจึงทำให้ส่วนของโทษสะสมจนเป็นพิษ
หลวงพ่อชา สอนเรื่อง สิ่งที่มากเกินไป จะเป็นโทษเพราะสรรพสิ่งมีทั้งบวกและลบอยู่พร้อมกัน
เมื่อมีมากเกินไปจึงทำให้ส่วนของโทษสะสมจนเป็นพิษ
มนุษย์เป็นสัตว์สังคม
และขับเคลื่อนสังคมด้วยระบบเศรษฐกิจ
โดยมีเงินเป็นสื่อกลางในการซื้อขายแลกเปลี่ยน
2025: Great Reset to New money
เงินคือพระเจ้า
เพราะสามารถแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งต่างๆได้
วิธีการหาเงิน
1. การหาเงินควรสร้างนวัตกรรมเพื่อได้เงินเพิ่มพร้อมกับสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าให้มนุษย์ รวมถึงจะเกิดสมดุลของปริมาณเงินกับปริมาณสินค้าและบริการ โดยไม่ทำให้เงินเฟ้อ เงินจึงไม่เสื่อมค่า
2. การหาเงินจากการทำกำไร
2.1 การลงทุนผลิตสินค้าที่มุ่งทำกำไร
"ไม่ได้ผลิตเพื่อใช้ด้วยหลักการแบ่งงานกันทำตามความถนัด ที่นำสู่เกิดความชำนาญเฉพาะทางเป็นโอกาสต่อยอดสู่นวัตกรรม"
2.2 การเก็งกำไร เช่น นักเก็งกำไร ที่สร้างเงินโดยไม่สร้างสินค้าหรือบริการ เพราะจับเสือมือเปล่าโดยลงทุนแล้วอดทนรอจนถึงเวลารวย
ลองพิจารณา
วิธีการหาเงินของสองขั้วอำนาจโลก
1. อเมริกาต้องการหาเงินด้วยวิธี Fair Trade การค้าเป็น"ธรรม"คือเพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน
เพื่อให้ธุรกิจภายในคงอยู่ได้ ประชาชนมีงานทำ และมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ไม่เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ รวมถึงสังคมมนุษยชาติ สามารถดำรงเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่ต่อไปได้
ความปรากฎ
อเมริกาหาเงินโดยการสร้างนวัตกรรมและบริการ
แต่ขาดดุลการค้าเพราะได้รับข้อเสียจาก Free Trade ที่ส่งผลกระทบภายนอก Externalities ในด้านร้ายคือธุรกิจการค้าภายในถูกทำลาย จึงเกิดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ทำให้
อเมริกาจำเป็นต้องตื่นขึ้นมาหา Fair Trade
เพื่อลดปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำ
Trump มองประเทศสหรัฐอเมริกามีอำนาจซื้อมาก
จึงสามารถใช้ Tariff แก้ปัญหาเพื่อให้เกิด Fair Trade
อเมริกาจำเป็นต้องตื่นขึ้นมาหา Fair Trade เพื่อลดปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำ Trump มองประเทศสหรัฐอเมริกามีอำนาจซื้อมาก จึงสามารถใช้ Tariff แก้ปัญหาเพื่อให้เกิด Fair Trade
2. จีนจำเป็นต้องมีเศรษฐกิจเจริญปีละไม่ต่ำกว่า 5% เพื่อไม่เกิดปัญหาการว่างงานรุนแรง
จึงต้องการ Free Trade ด้านลบสร้าง Abuse world
คือ ไม่ใช้หลัก Specialist คือแบ่งงานกันทำตามความถนัดเป็นการใช้ทรัพยากรที่มีจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อสร้างงานคุณภาพ นำสู่นวัตกรรม
แต่ ใช้วิธีหาเงินโดยค้าขายแบบทุ่มตลาด เพราะจีนแม้มีประชากรมาก แต่คนส่วนใหญ่ไม่มีกำลังซื้อ ทำให้จีนต้องสร้างทางสายไหม เพื่อนำส่งสินค้าออกไปขายประเทศต่างๆ
การขายแบบทุ่มตลาด
ส่งผลทำลายธุรกิจของประเทศที่ขาดดุลการค้ากับจีน
ทำให้ประชาชนของประเทศคู่ค้า ตกงาน และยากจน
เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ
การขายแบบทุ่มตลาด ส่งผลทำลายธุรกิจของประเทศที่ขาดดุลการค้ากับจีน ทำให้ประชาชนของประเทศคู่ค้า ตกงาน และยากจน เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ
เมื่อ Trump ก่อสงครามภาษี
ก็มีผลทั้งบวกและลบ อยู่พร้อมกัน
Wake up call
กรณีเกิดแผ่นดินไหว ส่งผลกระทบให้ตึกสูงถล่ม
เพราะออกแบบผิดและบริหารมีคอรัปชั่น
ทำให้ประเทศที่ออกแบบผิด และบริหารมีคอรัปชั่น
ได้โอกาสแก้ไขในสิ่งผิด เพื่อ ประเทศเปลี่ยนให้ดีกว่า
ทำให้ประเทศที่ออกแบบผิด และบริหารมีคอรัปชั่น ได้โอกาสแก้ไขในสิ่งผิด เพื่อ ประเทศเปลี่ยนให้ดีกว่า
ปัจจุบัน 2025: Great Reset to New money
ด้วยเทคโนโลยีการสื่อสาร สร้าง Digital economy
ทำให้ทอง วิ่งไม่ทันตลาดระยะไกล
Digital economy การค้าขายระยะไกล
จึง ต้องการ Digital Money เข้าไปอยู่ในการสื่อสาร
และต้องการ BTC ในฐานะ Digital Gold เพื่อเป็น Reserve ที่ทุกคนยอมรับและอยากได้
ด้วย BTC เป็นเหมือนเผด็จการโดยธรรม
เพราะไม่มีเจ้าของให้ถูกโจมตี
ไม่ต้องการ Peg เพราะมีค่าในตัวเอง
หน่วยวัด คุณค่าของเงิน
Stock to Flow คืออัตราการผลิต ของ เงิน ในฐานะเป็นสินค้า มีราคาขึ้นลง เมื่อราคาขึ้น เย้ายวนให้อยากผลิต Flow เพิ่ม เมื่อผลิตเพิ่มจะทำให้ Stock to Flow คุณค่าของเงิน ลดลง เงินเสื่อมค่าเพราะ เงินเฟ้อ
เอกสิทธิ์ของผู้ผลิตเงิน
คือ ได้ใช้เงินซื้อ ก่อนที่ราคาสินค้าจะขึ้น
ส่งผลให้คนอื่นๆ อยู่ดีๆเงินเสื่อมค่าลง
ทำให้คนจำเป็นต้องเอาเงินไปลงทุน เพื่อสู้เงินเฟ้อ
พวกจับเสือมือเปล่า คือ พยายามผลิต(เสกสรรค์)เงิน ไม่ใช่สร้างผลผลิต หรือ นวัตกรรม เพื่อเอาไปแลกเงิน
แต่ พวกจับเสือมือเปล่า ส่วนใหญ่จะเป็นแมงเม่า
เพราะตกอยู่ในวงจรปลาใหญ่กินปลาเล็ก
ตามทฤษฎีผลประโยชน์ของคนส่วนน้อยได้กำไรจากแมงเม่าคนส่วนใหญ่ที่ต้องการจับเสือมือเปล่า เพราะเป็นเรื่องการพนัน ไม่ใช่ การสร้างนวัตกรรม
แม้ว่า 2025 คือ Great Reset to New money
เป็นคลื่นลูกใหญ่ ที่แมงเม่ารู้ แต่กลุ่มปลาวาฬก็รู้ และถือเป็นโอกาส ใช้เทคนิคร่วมกันปั่นคลื่นสร้างกระแสราคา ตีวงล้อม วนไปวนมา หลอกแมงเม่าตกเป็นเหยื่อ
ลองพิจารณา อเมริกาให้ลึกซึ้ง
อเมริกา ไม่ได้ค่าแรงแพง อย่างที่คิด
เพราะมุ่งสู่ AI - GOVERNMENT
และสามารถใช้หุ่นยนต์ร่วมผลิต
รวมถึงการมุ่ง Space Economy
ภาษี Tariff ของ Trump เป็นภาษี Robin hood
โดยเพิ่มรายจ่ายคนรวย ลดรายจ่ายคนจน เพราะอเมริกาเป็นรัฐสวัสดิการ ภาษีแพง แต่คนรายได้ต่ำกว่าปีละสองแสนดอลลาร์ ไม่ต้องเสียภาษี และสินค้าจำเป็นอเมริกาจะให้ภาษีต่ำเพื่อคนจนเข้าถึงได้
ล่าสุด Trump หาเงินเข้ามาลงทุนในอเมริกา ได้มาก จากการไปเยือน Dubai
ล่าสุด Trump หาเงินเข้ามาลงทุนในอเมริกา ได้มาก จากการไปเยือน Dubai
Donald trump
ทำ Great Reset to Fair trade and New money
ชาวโลก ต้องปรับตัวให้อยู่ได้
ในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจแบบใหม่
แต่หลายประเทศยังจมอยู่กับปัญหาความขัดแย้งภายใน มัวเมาตบตีกันเหมือนไก่ในเข่งที่อยู่ท้ายรถที่กำลังขับมุ่งไปโรงเชือด
หยุดจิกตีกัน
รีบตื่นขึ้นมาดูว่ารถกำลังวิ่งไปใกล้ปากเหว
จำเป็นจะต้องปรับเปลี่ยนเส้นทางไปสู่สะพาน
เพื่อจะข้ามเหววิกฤตไปอยู่ในระบบใหม่ ที่ยั่งยืน
ยุค Donald Trump ส่งออกTarriff เพื่อ Fair trade
เป็นสัญญาณเตือน
ให้ตีความว่า ประชาธิปไตย ต้องกินได้
Trump สนับสนุน Stable Coin
ที่เอกชนต้องรับผิดชอบตัวเอง ถ้าก่อให้เกิดความเสียหายต่อผลประโยชน์ของลูกค้า โดยลูกค้าสามารถฟ้องให้รัฐบาลบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองผลประโยชน์ของลูกค้า ให้เอกชนชดใช้ค่าเสียกายที่เอกชนก่อขึ้น
สรุปว่า
ถ้าเอกชนที่ออก Stable Coin ทำผิดก็จะถูกลงโทษ ต่างจากระบบธนาคารกลาง
เมื่อเกิดปัญหา ไม่ต้องรับผิดชอบ
เพราะให้ประชาชนรับผิดชอบ
แต่เวลารวย ธนาคารรวย ประชาชนจน
หมดเวลา
ทฤษฎีผลประโยชน์ของคนส่วนน้อย(Globalist)ได้กำไร ที่ใช้กับ wall Street(cascade )ปลาใหญ่(วาฬ)กินปลาเล็ก
เพราะใช้ไม่ได้กับช่วง Fair Trade บน Main Street
สังคมมั่นคงด้วยหลักการทำธุรกิจแบบเป็น"ธรรม" เพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านเพื่อสังคมที่ดีกว่า
“ชีวิตไม่ใช่ของเล่น และเวลาก็ไม่ใช่ของเล่น
ชีวิตเรามีค่าเกินกว่าจะเอามาล้อเล่นต่อไป”
— ประมุข บุตรสมาน, หยุดล้อเล่นกับชีวิต
https://www.mebmarket.com/ebook-229025-หยุดล้อเล่นกับชีวิต
Cr. DeepSeek
การสร้าง Stablecoin เป็นกระบวนการที่ต้องพิจารณาหลายปัจจัยเพื่อให้มั่นใจว่ามูลค่าของเหรียญมีความเสถียรตามที่ออกแบบไว้ โดยทั่วไปมีขั้นตอนหลักดังนี้:
---
*1. กำหนดวัตถุประสงค์และประเภทของ Stablecoin
- ประเภทของ Stablecoin
- *Fiat-Collateralized (ใช้สกุลเงินจริงเป็นหลักประกัน)*: เช่น Tether (USDT), USD Coin (USDC) ใช้เงินสกุล USD 1:1 เป็นหลักประกัน
- *Crypto-Collateralized (ใช้คริปโตเป็นหลักประกัน)*: เช่น Dai (DAI) ใช้ Ethereum เป็นหลักประกันแบบ Over-collateralized เพื่อรองรับความผันผวน
- *Commodity-Backed (ใช้สินทรัพย์โภคภัณฑ์)*: เช่น เหรียญที่ผูกกับทองคำหรือน้ำมัน
- *Algorithmic (ไม่มีหลักประกัน ใช้กลไกอัลกอริทึม)*: เช่น TerraUSD (UST)* ที่ใช้กลไกปรับอุปทานอัตโนมัติ (*หมายเหตุ: UST ล่มสลายในปี 2022)
- *เป้าหมาย*: กำหนดว่าต้องการให้ Stablecoin ใช้ในระบบ DeFi, การชำระเงินข้ามประเทศ หรือเพื่อลดความผันผวนของตลาดคริปโต
---
*2. ออกแบบกลไกการรักษาเสถียรภาพ**
- *การตรึงมูลค่า (Peg)*: ส่วนใหญ่ตรึงกับสกุลเงิน fiat (เช่น 1:1 กับ USD) หรือสินทรัพย์อื่น
- *กลไกหลักประกัน*:
- *Fiat-Backed*: ต้องมีธนาคารหรือผู้ดูแลความน่าเชื่อถือ (Custodian) จัดเก็บเงินสำรอง
- *Crypto-Backed*: ใช้ Smart Contract ล็อกหลักประกันคริปโตที่มากกว่ามูลค่า Stablecoin (เช่น 150% ของมูลค่า)
- *Algorithmic*: ใช้กลไกเช่น Seigniorage (เพิ่ม/ลดอุปทานอัตโนมัติ) หรือ Bonding (เสนอขายพันธบัตรเพื่อดูดซับอุปทานส่วนเกิน)
---
*3. พัฒนาโครงสร้างทางเทคนิค
- *เลือกแพลตฟอร์มบล็อกเชน*: เช่น Ethereum (ERC-20), Binance Smart Chain (BEP-20), Solana หรือสร้างบล็อกเชนเอง
- *เขียน Smart Contract*:
- ระบบ Mint/Burn: อนุญาตให้ผู้ใช้แลกเปลี่ยน Stablecoin กับหลักประกันได้
- ระบบตรวจสอบหลักประกัน (สำหรับ Crypto-Backed)
- กลไกปรับสมดุลอัตโนมัติ (สำหรับ Algorithmic)
- **ทดสอบความปลอดภัย**: Audit Smart Contract โดยบริษัทมืออาชีพ (เช่น Certik, Quantstamp)
---
*4. จัดการด้านกฎหมายและความปลอดภัย
- *รับอนุญาตทางการเงิน*: เช่น สัญญาเงินฝาก (Escrow) หรือใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแล (เช่น NYDFS สำหรับ USDC)
- *ตรวจสอบหลักประกันอย่างสม่ำเสมอ*: จ้างบริษัท Audit (เช่น Grant Thornton สำหรับ Tether) เพื่อยืนยันความเพียงพอของเงินสำรอง
- *ป้องกันการฟอกเงิน (AML/KYC)*: บังคับใช้สำหรับระบบที่เกี่ยวข้องกับ Fiat
---
*5. สร้างระบบนิเวศและสภาพคล่อง
- *ร่วมมือกับศูนย์แลกเปลี่ยน (Exchanges)*: เพื่อให้มีการซื้อขายและเพิ่มสภาพคล่อง
- *ผสานรวมกับ DeFi Protocols*: เช่น MakerDAO (สำหรับ DAI), Aave, Uniswap
- *กระตุ้นการใช้จริง*: เช่น ชำระค่าบริการ สินเชื่อ หรือการโอนเงินข้ามประเทศ
---
*6. ดูแลรักษาและปรับปรุง
- *ตรวจสอบเสถียรภาพ*: ตอบสนองต่อความผันผวนของตลาดหรือการโจมตี (เช่น Bank Run ในกรณี Algorithmic Stablecoin)
- *อัปเดตกลไก*: ปรับปรุง Smart Contract และระบบหลักประกันตามความต้องการ
---
*ตัวอย่าง Stablecoin ที่น่าสนใจ*
- *Fiat-Backed*: USDC (Circle), Tether (USDT)
- *Crypto-Backed*: Dai (MakerDAO)
- *Algorithmic*: Frax (FRAX) ที่ผสมผสานระหว่างหลักประกันและอัลกอริทึม
---
*ความท้าทาย*
- *ความน่าเชื่อถือ*: การยืนยันหลักประกันต้องโปร่งใส
- *กฎหมาย*: ถูกจำกัดโดยกฎหมายในบางประเทศ (เช่น ข้อห้ามใช้ Stablecoin ในจีน)
- *ความเสี่ยงทางเทคนิค*: บั๊กใน Smart Contract หรือการโจมตีทางไซเบอร์
---
การสร้าง Stablecoin ที่ประสบความสำเร็จต้องรวมความแข็งแกร่งทางเทคนิค ความน่าเชื่อถือทางการเงิน และการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด!
จีน
bitcoin
สหรัฐ
1 บันทึก
1
4
1
1
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย