25 เม.ย. เวลา 07:42 • ธุรกิจ

Google เปิดปีอย่างสวย Q1 กำไรโตเกินคาด แต่อนาคตน่าหนักใจภาษีทรัมป์ทำพิษ เสี่ยงลูกค้าโฆษณาเอเชียวูบ

Alphabet บริษัทแม่ของ Google และ YouTube รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2025 พบรายได้และกำไรแข็งแกร่งเกินความคาดหมายของนักวิเคราะห์ โดยเปิดเผยหลังตลาดหุ้นสหรัฐปิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทพุ่งขึ้นมากกว่า 5% ในช่วงซื้อขายนอกเวลาทันที
  • รายได้รวมของบริษัทอยู่ที่ 90,230 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์จาก LSEG คาดไว้ที่ 89,120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่กำไรต่อหุ้น (EPS) ทะลุความคาดหมายแบบขาดลอย อยู่ที่ 2.81 ดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับที่คาดไว้ที่ 2.01 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนในวอลล์สตรีทยังจับตาดูตัวเลขจากหน่วยธุรกิจสำคัญอีกหลายส่วน โดยรายได้จากโฆษณาบน YouTube ทำได้ 8,930 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้จะต่ำกว่าที่ StreetAccount คาดไว้เล็กน้อยที่ 8,970 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนธุรกิจคลาวด์ของ Google ทำรายได้ 12,260 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ใกล้เคียงกับที่คาดไว้ที่ 12,270 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
แม้ในช่วงที่ผ่านมา การแข่งขันในวงการเทคโนโลยี โดยเฉพาะด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะทวีความดุเดือด แต่ Google ก็ยังสามารถแสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างมั่นคง โดยรายได้รวมของ Alphabet เติบโตถึง 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 10%
สำหรับรายได้จากโฆษณา YouTube แม้จะต่ำกว่าที่คาดเล็กน้อย แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง ขณะที่รายได้จากโฆษณารวมทั้งหมดอยู่ที่ 66,890 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 8.5% จากปีก่อน โดยเฉพาะกลุ่ม “Search and Other” ที่สร้างรายได้ถึง 50,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งโตขึ้น 9.8% จากปีก่อนที่อยู่ที่ 46,160 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
หนึ่งในปัจจัยหนุนสำคัญคือ AI Overviews หรือระบบแสดงคำตอบจาก AI ที่อยู่ด้านบนของหน้าค้นหาของ Google ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งานมากถึง 1,500 ล้านคนต่อเดือน เพิ่มขึ้นจาก 1,000 ล้านคนเมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา
  • เลิกกฎ “de minimis” เสี่ยงกระทบธุรกิจโฆษณา
Philipp Schindler ประธานฝ่ายธุรกิจของ Google กล่าวในการแถลงผลประกอบการว่า บริษัทไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากสภาวะเศรษฐกิจโลกมากนัก แต่ก็ยอมรับว่านโยบายใหม่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่จะยกเลิกกฎ “de minimis” ในเดือนพฤษภาคมนี้ จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจโฆษณาในปี 2025 โดยเฉพาะผู้ค้าปลีกออนไลน์จากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
โดยกฎ de minimis ในปัจจุบันเปิดช่องให้สินค้าที่มีมูลค่าไม่เกิน 800 ดอลลาร์สหรัฐสามารถนำเข้าในสหรัฐฯ โดยไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งเป็นกลไกสำคัญของธุรกิจจากจีนอย่าง Temu และ Shein ที่ใช้ช่องทางนี้ในการขายของและลงโฆษณาอย่างมหาศาล การยกเลิกสิทธิ์นี้จะเริ่มมีผลในวันที่ 2 พฤษภาคมนี้
Schindler กล่าวเพิ่มเติมว่า “Google มีประสบการณ์ในการบริหารจัดการในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนมาโดยตลอด เรามุ่งเน้นไปที่การช่วยลูกค้าด้วยการให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อช่วยให้ธุรกิจของลูกค้าไปต่อได้ในทุกสถานการณ์” โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังใช้บริการโฆษณาจาก Google อย่างเข้มข้น ได้แก่ การเงิน ค้าปลีก สุขภาพ และการท่องเที่ยว ซึ่งล้วนเป็นกลุ่มที่ช่วยผลักดันรายได้ให้กับ Alphabet ได้อย่างมาก
ด้านผลประกอบการโดยรวม กำไรสุทธิของ Alphabet เพิ่มขึ้นถึง 46% จากปีก่อน มาอยู่ที่ 34,540 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2.81 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น จากเดิมที่ 23,660 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.89 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ซึ่งในกำไรดังกล่าวมีรายการกำไรจากการถือหุ้นที่ยังไม่ขายออกมูลค่า 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการลงทุนในบริษัทเอกชน
หากไม่นับกำไรพิเศษดังกล่าว กำไรต่อหุ้นที่ปรับแล้วจะอยู่ที่ 2.27 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งยังคงสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้
ธุรกิจ Google Cloud ยังคงเติบโตแข็งแกร่ง แม้ตัวเลขรายได้จะต่ำกว่าที่คาดเล็กน้อย แต่ก็ขยายตัวถึง 28% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และมีกำไรขั้นต้น (Margin) ที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 17.8% จากเดิมเพียง 9.4%
อีกหนึ่งไฮไลต์คือการที่ Alphabet ประกาศควบรวมกิจการครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท ด้วยการเข้าซื้อ Wiz บริษัทด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ในราคา 32,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มจากข้อเสนอเดิมในปี 2024 ที่อยู่ราว 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย Alphabet คาดว่าดีลดังกล่าวจะปิดได้ภายในปีหน้า หากได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล
Sundar Pichai ซีอีโอของ Alphabet กล่าวในสายแถลงกับนักวิเคราะห์ว่า “การซื้อกิจการครั้งนี้จะช่วยเสริมศักยภาพด้านความปลอดภัยในระบบคลาวด์ และผลักดันเทรนด์การใช้ระบบมัลติคลาวด์ให้เติบโตยิ่งขึ้นตามความต้องการของลูกค้า”
ขณะที่กลุ่มธุรกิจ “Other Bets” ซึ่งรวมถึง Waymo (รถไร้คนขับ) และ Verily (เทคโนโลยีสุขภาพ) ทำรายได้รวม 450 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 9% จาก 495 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีก่อน และขาดทุนรวมอยู่ที่ 1,230 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มจาก 1,020 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่แล้ว
อย่างไรก็ดี Waymo ยังเดินหน้าขยายบริการอย่างต่อเนื่อง โดยในขณะนี้ให้บริการรถไร้คนขับแบบเสียเงินมากกว่า 250,000 เที่ยวต่อสัปดาห์ ในเมืองใหญ่ของสหรัฐฯ อย่างซานฟรานซิสโก ลอสแองเจลิส ฟีนิกซ์ และออสติน เพิ่มจาก 200,000 เที่ยวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
สุดท้าย Alphabet ยังประกาศว่า คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติให้เดินหน้าแผนซื้อหุ้นคืนเพิ่มเติมอีก 70,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นมูลค่าเดียวกับที่บริษัทเคยอนุมัติไว้เมื่อปีที่แล้ว
ที่มา: CNBC
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney
โฆษณา