25 เม.ย. เวลา 11:19 • การเมือง

ไม่เป็นงานเลยพลาด หรือตั้งใจโกงก็ไม่รู้ล่ะนะ …

ช่วงนี้ข่าวฉาวในวงการก่อสร้างภาครัฐเยอะมากๆ
ส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากตึก สตง. ถล่มนั่นแหละ
มันเลยทำให้สื่อต่างๆ เข้าไปตรวจสอบกันแบบยิบย่อย
แล้วก็เจอเพียบ มีตั้งแต่ระดับ 40-50 ล้าน
ไปจนถึงโครงการหลายร้อยล้านหรือพันล้าน
…นี่ยังไม่นับพวกที่เสร็จแล้ว แต่ไม่ได้คุณภาพนะ
มีหน่วยงานรัฐอีกหลายตึก ที่แม้ไม่ถล่มแต่ก็มีปัญหา
หลังผ่านแผ่นดินไหวมา บางอาคารยังไม่ให้คนเข้า
แต่ปิดข่าวกันให้แซ่ด แล้วอ้างไข้หวัดปิดตึกก็มี….
…ละเลงกันยับขนาดนี้ ปีนึงไม่รู้กี่พันกี่หมื่นล้านที่หายไป….
…นี่ยังไม่ต้องพูดถึงถนนหนทางต่างๆอีกนะ ไอ้นั่นก็เยอะ….
ทำไมตึกยุคลุงคนดีย์ ถึงมีปัญหามาก ?
เรื่องนี้ไม่ใช่การปรักปรำ แฟนคลับใจเย็นสักนิดนะครับ
อ่านให้จบก่อนค่อยตัดสินใจ ว่าจะด่าผมไหม
2
แต่จากการตรวจสอบ งานส่วนมากที่มีปัญหา
มันเป็นการจัดจ้าง ช่วงเวลาเรืองอำนาจของกลุ่มลุงแกจริงๆ
ถามว่าทำไมเป็นแบบนั้น ?
อันนี้ฐานะคนในวงการ จะยังไม่พูดเรื่องโกงนะ
แต่จะบอกว่าวิธี หลักการคัดเลือกคนมารับงานสมัยลุงนั้น
มันขัดกับหลักการทำงานก่อสร้างทั่วไปค่อนข้างมาก
หลักที่ว่าคือสมัยลุงนั้นจะเลือกแบบถูกเข้าว่า
ใครเสนอราคามาต่ำ ก็ได้งานไป
ประมาณว่าแกจะพอเพียง หรืออะไรของแกก็ไม่รู้ล่ะนะ
1
แล้วก็ไม่สนคุณสมบัติ ความรับผิดของตัวผู้รับงานด้วย
เช่น บริษัทหลานตัวเอง ที่ตอนนั้นทุนจดแค่ห้าล้าน
กลับไปรับงานหลักร้อยล้านได้ ซึ่งตามปกติแล้วมันไม่ได้
ซึ่งมันก็ไม่ใช่แค่เคสเดียวของหลานแก
มันยังมีบริษัทลักษณะนี้อีกเยอะมากๆ
เนื่องจากตอนนั้น บรรดานายทหารเข้าไปอยู่เบื้องหลัง
ของบริษัทรับเหมาทั้งเก่าและใหม่กันเพียบ
…มีทั้งลงเงิน และหุ้นลมแต่เล่นบทป๋าดันนั่นแหละ….
บริษัทพวกนี้ หลายบริษัทเป็นมือใหม่ในวงการ
ขาดประสบการณ์ ซึ่งถ้าประมูลงานกันแบบใสๆ
พวกนี้ไม่รอด ไม่ผ่านตั้งแต่ขั้น TOR แล้ว
เนื่องจากคุณสมบัติไม่ถึง ทั้งชั่วโมงงานและทุนจด
แต่ด้วยความที่แกอ้างว่าอยากเปิดกว้าง อยากส่งเสริม
ผู้ประกอบการหน้าใหม่ ลดการผูกขาด ก็เลยละเลยเรื่องนี้
ประกอบกับการตัดสินด้วยราคาที่ต่ำเป็นหลัก
มันจึงมีปัญหาเยอะมากๆ ในงานก่อสร้างยุคนั้น….
กลไกราคาต่ำ สร้างปัญหาอย่างไร ?
สำหรับคนที่ไม่เข้าใจ ก็อาจมองว่า มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ
ที่รัฐไม่ต้องจ่ายแพงๆ
1
แต่ในความเป็นจริงแล้ว บางครั้งการตัดสินเลือกจาก
ราคาที่ต่ำลักษณะนี้ จะทำให้ผู้เข้าประกวดราคา
แข่กันตัดราคา ซึ่งจะส่งผลไปถึงคุณภาพการก่อสร้างอย่างมาก
และหลายโครงการ ก็มีการเสนอราคา
ที่ต่ำกว่าความเป็นจริงมากไป จนทำไม่ได้นั่นแหละ
เมื่อถูกถามถึง ความสมเหตุผลของราคา
สมัยนั้น หน่วยงานต่างๆ ก็จะอ้างว่า
นี่คือผู้ประกอบการหน้าใหม่ หรือเก่า แต่อยากเพิ่มพอร์ตงาน
เลยทำราคามาต่ำๆ เพื่อเอางาน
…พูดง่ายๆ คือท่านพยายามบอกว่า เค้าอยากสร้างชั่วโมงงาน
หรือขยาย portfolio ของบริษัทสร้างโปรไฟล์งาน เลยยอมเจ็บ.
ผลที่ตามมาคือ งานจบไม่ได้ อย่างที่เห็นกัน
ก็มันจะเสร็จได้ไงล่ะ ในเมื่อเสนอราคากันต่ำกว่าที่ทำได้มาก
ลดสเปกยังไง มันก็กดลงต่ำกว่านั้นไม่ได้แล้ว
ยิ่งพอมามีสงคราม ราคาพลังงานพุ่ง พาราคาวัสดุขึ้นตาม
ผู้ประกอบการพวกนี้ ก็หมดปัญญาที่จะทำต่อ
…แล้วก็ไม่เสร็จ คาราคาซังแบบนี้แหละ ซึ่งมันเยอะมาก…
หลายตึก ผู้รับเหมาก็คงมีการต่อรองราคาทำสัญญาใหม่
เพื่อให้จบงานได้อยู่นั่นแหละ
แต่ปัญหาคือระบบราชการนั้นโคตรช้า และไม่ใช่อัพกันง่ายๆ
มันมีกฎเกณฑ์ต่างๆอยู่มากมากมาย
…และนั่น ก็คือเหตุผลที่มันไปต่อไม่ได้….
เงินค่างวดที่จ่ายไปแล้ว เข้ากระเป๋าใครก็ไม่รู้ล่ะ
และหลายบริษัท ก็หวังแค่มากินงวดงานจริงๆ
ไม่ได้หวังว่าตัวเองจะทำให้จบหรอก
ทุนจดบางบริษัทก็ต่ำมาก ฟ้องไปก็เท่านั้น และส่วนมาก
รัฐก็ไม่ค่อยอยากฟ้อง เพราะกลัวโดนแหกอก
…และบางรายก็เส้นใหญ่จริงๆ …
…ก็อิ่มกันแบบจุกๆไปเยอะแหละ ช่วงนั้นอ่ะนะ…
ค่างวดงานก่อสร้างที่มาจากภาษีของเรา จึงกลายเป็น
เงินค่าสร้าง อนุสาวรีย์แห่งการคอรัปชั่นไปเสียฉิบ….
…ไม่น้อยแน่ ปีๆนึงน่ะนะ ที่เงินพวกนี้ถูกใช้ไปแบบไม่มีประโยชน์อะไรเลย….
…ลองคิดง่ายๆ งบประมาณประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ
สามล้านล้านบาท ถ้าเป็นงบ ซ่อม สร้าง แค่ 1/3 ของงบประจำ
ซึ่งสูงกว่า 70% ของงบประมาณ แล้วเอามาผลาญกันแบบนี้
สัก 20% ก็พอ มันปีละเท่าไหร่ล่ะ…
…ปีละเป็นแสนล้านนะครับ กับเรื่องพวกนี้…
…และ 20% นี่คือผมโลกสวย อยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์แล้วนะ …
…เพราะความจริงที่รู้กันดีในวงการ นั้นสูงกว่านี้มาก…..
ผมไม่รู้เหมือนกันว่าสมัยนั้น ลุงแกไม่เข้าใจระบบงานจริงๆ
หรือต้องการเปิดช่องให้ใครมาเล่น มาแบ่งเค้กนะ
ไม่อยากปรักปรำ แต่มันก็ต้องยอมรับ ว่าหลักเกณฑ์
การคัดเลือกผู้รับเหมาสมัยนั้น มันบิดเบี้ยวเอามากๆ
และส่งผลร้ายเมื่อเวลาผ่านไป
ก่อนเป็นนายก แกก็เป็น ผบ. ซึ่งในกองทัพก็ขยันสร้างมากๆ
เหมือนกันนั่นแหละ ตั้งแต่ตึกทำงาน จนถึงแฟลตทหาร
สร้างกันแต่ไม่มีใครใช้ ไม่รู้ว่าเอาไว้ทำฟาร์มรังนกหรืออย่างไร
…ก็อยากคิดนะ ว่าแกเป็นทหารคงไม่รู้เรื่องจริงๆ พลาดแบบ
หวังดีที่จะประหยัดให้ประเทศ ….
…แต่ไม่สามารถคิดแบบนั้นได้จริงๆ เมื่อดูจากเนื้องาน
ของตำแหน่งแก ซึ่งต้องอนุมัติการจัดซื้อจัดจ้างมากมาย…
มาปัจจุบัน ไทยกำลังเผชิญกับวิกฤติทางเศรษฐกิจอย่างหนัก
การท่องเที่ยวทรุด และสงครามการค้าจากไข้ทรัมป์ ที่ระบาด
ไปทั่วโลกในตอนนี้
แม้แต่สำนักวิจัยกสิกรไทย ยังบอกเลยว่า ปีนี้เราจะโตแค่ 1.6
และมีแนวโน้มจะลงมาที่ 1.2 ในปีหน้า
สาหัสนะครับ เศรษฐกิจขนาดนี้เนี่ย
แล้วก็เวรกรรมของประเทศไทย ที่หลังจากตบตีกัน
ในทางการเมือง ไม่เอาคนที่ชาวบ้านเลือก ทั้งจากพรรคส้ม
และนายเศรษฐาจากค่ายแดง ที่ยังไงก็มีความรู้ด้านนี้มากกว่า
นายกคนปัจจุบัน
จนไปได้นายกคุณหนู ซึ่งไม่รู้เรื่องอะไรเลยมาเป็นผู้นำ
เพราะดีลงั้น รัฐบาลก็ขาดเสถียรภาพ แดง น้ำเงิน
ตบตีกันทุกวันเพราะกติกาที่บิดเบี้ยว ที่ก็ลุงอีกนั่นแหละ
ที่ทำเอาไว้
ในสถานการณ์โลกที่แย่ที่สุด ไทยเลยกลับมีรัฐบาลที่ห่วยที่สุด
และมีกติกา ยุทธศาสตร์ชาติ ที่แสนจะบ้าบอที่สุดมาครอบอีกที
มันจะเหลืออะไรล่ะครับ มันก็ยับสิ
แล้วใครล่ะที่ซวย ถ้าไม่ใช่เรา ประชาชนด้วยกันเอง
…เวลาความฉิบหายมันมาเยือน มันไม่เลือกสีครับ…
บางทีนี่ก็คือเวรกรรมที่กำลังสนองคนไทย ที่ตีกันเอง
แบบไร้สาระ บ้ากีฬาสีมาเกือบ 30 ปี….
…บางทีก็สมน้ำหน้าคนไทยกันเองเหมือนกันนะ …
….รับกรรมกันไปเหอะ ตัวผมเองก็ด้วย….
กับสถานการณ์เศรษฐกิจนั้น ทางรัฐบาลบอกว่า
จะกู้มารองรับความฉิบหายจากทรัมป์ราวๆ ห้าแสนล้าน
ครับ กู้อีกแล้ว… แบบนี้เอาลิงมาเป็นรัฐมนตรีก็ได้มั้ง
ดูมันง่ายอ่ะ แทบไม่ต้องใช้สมองอะไรเลย
อย่าเลย ผมเสนอท่านงี้ดีกว่าไหม
เนี่ย ไอ้โครงการซ่อม สร้างทั้งหลายแหล่เนี่ย
ทำให้มันโปร่งใสซะ งบมันจะได้ไม่เสียเปล่า
เสร็จแล้วเอามาจ้างคนที่เขาพร้อมทำงานดีกว่า
และต้องคนไทยเท่านั้นด้วยนะ ไม่ใช่ไปเอาโยนให้จีนอีก
ไอ้พวกนั้นอุตสาหกรรมศูนย์บาท คนไทยไม่ได้อะไรเลย
ทำแบบนี้ มันจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่าย การจ้างงานได้อีกเยอะ
…ห้าแสนล้านน่ะ ไม่ต้องกู้หรอก แค่เลิกโกงซะ มันก็ได้แล้ว..
1
…ผมว่าแค่ปีหรือสองปีด้วยซ้ำ กับเงินแค่นี้ถ้าเลิกโกงกัน…
อืม…แต่ก็ไม่รู้นะ ว่าขอมากเกินไปรึเปล่า ในฐานะประชาชน
ผู้เสียภาษีคนหนึ่ง แต่เชื่อว่าอีกหลายคนก็คิดเหมือนกัน
…ตื่นดีกว่ามั้งผม ไอ้ความฝันลมๆแบบนี้น่ะนะ….
1
…อนาถใจจริงๆ….
โฆษณา