Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
OnePoverty
•
ติดตาม
25 เม.ย. เวลา 20:38 • การเกษตร
จากหนี้ครัวเรือนสู่ความหวัง ชาวดงสารเผยเคล็ดลับลดต้นทุนทำนาด้วยพลังงานฟรี
เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังในพื้นที่ทุ่งพันขัน บ้านดงสาร ตำบลโพนงาม อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร ต่างรู้สึกดีใจที่ได้รับประโยชน์จากระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นผลจากการจัดเวทีติดตามผลการทำนาปรัง โดย มูลนิธิเพื่อการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ (ประเทศไทย) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร และได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจาก บพท. เมื่อวันที่ 23 เม.ย.2568
ดร.แมน ปุโรทกานนท์ เลขานุการมูลนิธิฯ ได้ริเริ่มโครงการสนับสนุนนวัตกรรมการจัดการเศรษฐกิจครัวเรือน เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก และหาแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้สินของครัวเรือน โดยมีวิสาหกิจชุมชนนาปรังมูลค่าสูง เป็นกลไกสำคัญในการดำเนินงาน ตั้งแต่ ปี 2567
แตงโม ว่าเป็นโครงการที่ให้ความสำคัญกับการสร้างความไว้วางใจต่อชุมชน เพราะมีการเก็บข้อมูลเศรษฐกิจของแต่ละครัวเรือนอย่างละเอียด ทั้งจากการประชุมกลุ่มย่อยและการสอบถามโดยตรง เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์และหาทางเลือกอาชีพที่เหมาะสม ควบคู่กับการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้
🩷 สร้างความเชื่อมั่นด้วยความเข้าใจ
บ้านดงสาร เป็นพื้นที่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร เข้ามาดำเนินปฏิบัติการ "โมเดลแก้จน" ตั้งแต่ปี 2563 บ่มเพาะทักษะอาชีพอย่างต่อเนื่อง ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนา เลี้ยงควาย และประมง โดยมีวิถีชีวิตผูกพันกับระบบนิเวศของลุ่มน้ำสงคราม และสถานการณ์น้ำท่วมทุกปี
สมาชิกวิสาหกิจชุมชนนาปรังมูลค่าสูง ได้เลือกการทำนาปรังเป็นกิจกรรมนำร่อง และเสนอให้ใช้ระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์มาแทนที่เครื่องสูบน้ำที่ใช้น้ำมัน เพื่อลดต้นทุนการผลิต เนื่องจากเกษตรกรส่วนใหญ่ต้องสูบน้ำสองต่อ คือ จากสถานีหลักไปยังคลองย่อย และจากคลองย่อยเข้าสู่แปลงนา
📡 เทคโนโลยีเสริมแกร่งอาชีพ
โครงการจึงได้ติดตั้งระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์นำร่อง ที่สถานีสูบน้ำหลัก โดยให้ช่างในชุมชนเป็นผู้ประกอบและติดตั้ง เพื่อให้ชุมชนสามารถดูแลและบำรุงรักษาระบบได้ในอนาคต โครงการสนับสนุนด้านวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ และมอบให้วิสาหกิจชุมชนเป็นผู้บริหารจัดการการใช้งาน
เมื่อระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์เริ่มทำงานเป็นครั้งแรก ภาพน้ำที่ไหลออกจากท่อส่งไปยังคลองย่อย สร้างความตื่นเต้นและยินดีให้กับชาวบ้านอย่างมาก แววตาของทุกคนเต็มไปด้วยความหวังและความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมกันสร้างและเป็นเจ้าของเทคโนโลยีนี้
หลังจากมีน้ำจากสถานีหลักไหลลงสู่คลองย่อยอย่างสม่ำเสมอ การสำรวจพื้นที่นาปรังที่ได้รับประโยชน์ พบว่ามีมากกว่า 200 ไร่ และระบบใหม่นี้ช่วยแก้ไขปัญหาและชี้ให้เห็นแนวทางการพัฒนาหลายด้าน เช่น
* ลดขั้นตอนการรอคิวสูบน้ำจากสถานีหลัก
* ลดต้นทุนค่าน้ำมันเชื้อเพลิงในการสูบน้ำจากสถานีหลัก
* ช่วยให้แปลงนาที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำในคลองย่อยสามารถมีน้ำใช้ได้ โดยไม่ต้องเสียค่าสูบน้ำ
* ผลผลิตข้าวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีน้ำเพียงพอต่อการเพาะปลูก
* มีแนวทางในการลดต้นทุนการสูบน้ำจากคลองย่อยเข้าแปลง โดยการปรับระดับแปลงนาให้ต่ำกว่าคลองส่งน้ำย่อย
* มีข้อเสนอแนะให้ปลูกเมล็ดพันธุ์ข้าวในแปลงที่อยู่ใกล้คลองย่อย
* มีแนวคิดในการจัดโซนพื้นที่เพื่อบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
📹 เสียงจากเกษตรกรผู้ได้รับประโยชน์
ลุงบุญหนา เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรัง สะท้อนถึงผลลัพธ์ที่ได้รับว่า "เดิมทีผมทำนา 12 ไร่ ต้องสูบน้ำ 2 ต่อ เดือนละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 2-3 วัน ใช้น้ำมันวันละประมาณ 5 ลิตร คิดเป็นค่าใช้จ่ายประมาณ 200 บาทต่อวัน"
เมื่อมีระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ ทำให้เขาสามารถลดต้นทุนการสูบน้ำที่สถานีหลักได้ แม้ว่ายังต้องสูบน้ำจากคลองย่อยเข้าแปลงอยู่ก็ตาม ลุงบุญหนากล่าวว่า "ช่วยลดค่าใช้จ่ายไปได้ประมาณ 1 ใน 3 ต่อวัน"
📺 วิเคราะห์ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
จากข้อมูลของลุงบุญหนา สามารถวิเคราะห์ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการใช้ระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ได้ดังนี้
* เงินที่ประหยัดได้ต่อเดือน: 66 บาท/วัน x 2 วัน/ครั้ง x 2 ครั้ง/เดือน = 264 บาท/เดือน
* เงินที่ประหยัดได้ต่อรอบการผลิต (4 เดือน): 264 บาท/เดือน x 4 เดือน = 1,056 บาท/รอบผลิต
* เงินที่ประหยัดได้ต่อไร่ต่อรอบการผลิต: 1,056 บาท / 12 ไร่ = 88 บาท/ไร่/รอบผลิต
สรุป: ลุงบุญหนาสามารถลดค่าใช้จ่ายค่าน้ำมันในการสูบน้ำสำหรับแปลงนา 12 ไร่ ได้ประมาณ 1,056 บาทต่อรอบการผลิต หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของค่าใช้จ่ายเดิม
เมื่อนำมาวิเคราะห์การลดรายจ่ายสำหรับครัวเรือนที่สูบน้ำ 2 ต่อ ตามสัดส่วน 1 : 3 ในพื้นที่ที่ได้รับประโยชน์ 200 ไร่ จะสามารถประหยัดเงินได้ประมาณ 17,600 บาทต่อรอบการผลิต (88 บาท/ไร่ x 200 ไร่)
สำหรับครัวเรือนที่อยู่ในพื้นที่ต่ำกว่าคลองย่อยและไม่ต้องเสียค่าสูบน้ำ จะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง 264 บาท/ไร่/รอบผลิต หรือคิดเป็นเงิน 52,800 บาทต่อรอบการผลิตสำหรับพื้นที่ 200 ไร่
หมายเหตุ: ข้อมูลการวิเคราะห์ข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่ง และทางโครงการอาจมีวิธีการคำนวณและกระบวนการสร้างการยอมรับในพื้นที่ที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ ยังมีผลประโยชน์ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ยังไม่ได้นำมาวิเคราะห์
📍 ก้าวต่อไปของการพัฒนาระบบการแก้หนี้ครัวเรือนยากจน
จากความสำเร็จในการสร้างความไว้วางใจและนำเทคโนโลยีมาช่วยลดต้นทุนการผลิต ส่งผลให้เศรษฐกิจครัวเรือนของเกษตรกรเติบโตขึ้น ขั้นตอนต่อไปของการแก้หนี้ครัวเรือนคือ การสร้างความมั่นคงปลอดภัยทางสังคม เช่น ระบบการออม และระบบกองทุนต่างๆ
นอกจากนี้ การจะมุ่งเน้นไปที่การบริหารจัดการกลุ่มองค์กรด้วยหลักธรรมาภิบาล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นทางการเงิน และอาจมีการเชื่อมโยงกับภาคีต่างๆ เช่น ธนาคาร เพื่อร่วมกันสร้างระบบการเงิน หรือพัฒนาไปสู่การจัดตั้งธนาคารชุมชนในอนาคต
ซึ่งเป็นกระบวนการต้นแบบ สำหรับการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน และได้รับทุนสนับสนุนให้ดำเนินโครงการต่อเนื่องพร้อมขยายพื้นที่ ในปี 2568 นี้
เรียบเรียงโดย: แตงโม สกลนคร
ภาพ: อ.สายฝน ปุนหาวงค์
ข้อมูลจาก: มูลนิธิเพื่อการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ (ประเทศไทย) โครงการสนับสนุนนวัตกรรมการจัดการเศรษฐกิจครัวเรือน เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก
หนี้ครัวเรือน
ข้าว
เทคโนโลยี
บันทึก
2
5
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
คลังเมล็ดพันธุ์ข้าว
2
5
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย