26 เม.ย. เวลา 19:38 • ประวัติศาสตร์

สุสานนบีซุลกิฟลี​ใต้กำแฟงเมืองจีน

ใต้ซากกำแพงเมืองจีนที่ถล่มจากฝนตกหนัก​ คนงานขุดพบสิ่งที่ทำให้โลกออนไลน์​ต้องตะลึง เมื่อสิ่งที่ถูกค้นพบนั้นดูเหมือน "หลุมฝังศพ" โบราณบนผนังหินที่มีลวดลายภาษาอาหรับและ​มีจารึกอาหรับ แถมยังอ้างว่าพบอายะห์จากอัลกุรอาน!
แล้วเสียงลือก็ดังขึ้น...
“นี่คือมะกอมนบีซุลกิฟลี ใต้กำแพงเมืองจีน!”
1
คลิปไวรัล ที่แชร์กันว่อนโซเชียล
แต่มันใช่จริงเหรอ?
ท่านนบีซุลกิฟลีเป็นใครกันแน่?
ท่านมีความเกี่ยวข้องกับจีนไหม?
แล้วทำไมมีจารึกอาหรับในหลุมฝังศพของนบีที่ไม่ใช่อาหรับ?
...คำถามทีไร้คำอธิบายบนโลกออนไลน์
เพื่อหาคำตอบ เราต้องย้อนกลับไปดูจุดเริ่มของเรื่องนี้​และเปิดเผยข้อเท็จจริงที่หลายคนอาจยังไม่รู้
มันเริ่มต้นจากไหนกันแน่?
เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นไม่ใช่ปี 2025 อย่างทีเป็นไวรัล แต่คลิปที่คนแชร์กันว่อนนั้น เคยปรากฏบนโซเชียลมาตั้งแต่ปี 2022 แล้ว​เพียงแค่ถูกนำกลับมาปัดฝุ่นใหม่ ใส่เสียงพากย์ใหม่ แล้วจับโยงกับข่าว
“ดินถล่มที่กำแพงเมืองจีน”
คลิปแสดงภาพการขุดโบราณสถาน​มีคนอ้างว่าพบโครงสร้างเก่าใต้พื้นดินบางเสียงบอกว่า “ดูสิ มีลายอาหรับ” บางคนก็มั่นใจว่า “นี่คือร่องรอยอิสลามในจีนยุคต้น” และสุดท้ายก็มีคนกล้าพูดว่า
“นี่คือมะกอมนบีซุลกิฟลี”
พอพาดหัวแบบนี้ คนก็ไม่รอช้า แชร์ทันทีโดยไม่ตรวจสอบ​ เพราะภาพมันดูขลัง คำพูดมันดูศักดิ์สิทธิ์​ ใครจะกล้าตั้งคำถาม
แต่นี่แหละ...คือกับดักข่าวออนไลน์​ ยิ่งเกี่ยวกับเรื่องศรัทธา คนยิ่งเชื่อก่อนคิด​เพราะไม่ใช่ทุกคนจะถามว่า…..
"หลักฐานอยู่ตรงไหน?"
เมื่อเราหยิบแว่นขยายแห่งเหตุผลมาส่องสิ่งที่ถูกแชร์​ เรื่อง "มะกอมนบีซุลกิฟลีใต้กำแพงเมืองจีน" ก็เริ่มสั่นคลอนอย่างรวดเร็ว
1. ไม่มีหลักฐานทางศาสนาใดที่ระบุว่านบีซุลกิฟลีเคยไปจีน
ในอัลกุรอาน ท่านนบีซุลกิฟลีถูกกล่าวถึง​เพียง 2 ครั้งไม่ได้บอกว่าอยู่ที่ไหน และไม่มีหะดีษใดที่ยืนยันว่าท่านเคยเดินทางไปประเทศจีน
อุละมาอ์​ เช่น อิบนุกะษีร และ อัลกุรฏุบี ระบุว่า​ ท่านนบีซุลกิฟลีเป็นลูกของนบีอัยยูบ และใช้ชีวิตอยู่ในแถบ ชาม​ ซึ่งก็คือปาเลสไตน์ ซีเรีย จอร์แดน และเลบานอนในปัจจุบัน
ถ้าไม่มีหลักฐานว่าท่านเคยไปจีน แล้วหลุมศพนั้นเกี่ยวข้องกับท่านอย่างไร?
2. ท่านนบีซุลกิฟลีไม่ใช่ชาวอาหรับ
ท่านเป็นหนึ่งในบรรดานบีของ บนีอิสรออีล​ ​ซึ่งเป็นเชื้อสายของนบียะอฺกู๊บ (หรืออิสรออีล) ท่านเป็นหนึ่งในหมู่ชนยิวโบราณ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโลกอาหรับ หรือวัฒนธรรมอาหรับแม้แต่น้อย
3. แล้วจารึกอาหรับกับอายะห์กุรอานในหลุมศพมาจากไหน?
นี่คือจุดที่แปลกที่สุด​ ท่านนบีซุลกิฟลี มีชีวิตอยู่ก่อนการประทานอัลกุรอาน​ แล้วทำไมถึงมีอายะห์กุรอานใน “หลุมฝังศพของท่าน”?
นี่คือความผิดพลาดทางประวัติศาสตร์ หรือที่เรียกว่า Anachronism  คือ​ การเอาสิ่งของหรือองค์ประกอบจากยุคหนึ่ง ไปใส่ไว้ในอีกยุคโดยไม่สมเหตุผล​ มันเหมือนกับบอกว่าพระนเรศวรเคยใช้สมาร์ทโฟน​ มันฟังดูไม่ใช่แค่แปลก แต่มันเป็นไปไม่ได้
4. ไม่มีหลักฐานทางโบราณคดีที่ยืนยัน
  • 1.
    ​ไม่มีรายงานทางวิทยาศาสตร์
  • 2.
    ​ไม่มีงานขุดค้นจากนักโบราณคดีจริง
  • 3.
    ​ไม่มีภาพถ่ายหรือเอกสารที่ตรวจสอบได้ ทุกอย่างมีแค่คลิปไวรัล กับคำบรรยายที่ไม่มีแหล่งอ้างอิง
เรื่อง “มะกอมนบีซุลกิฟลีใต้กำแพงเมืองจีน” คือตัวอย่างชัดเจนของกระแสที่ขาดหลักฐาน แต่ขับเคลื่อนด้วยความรู้สึก​ คนจำนวนมากเชื่อ
แต่ความจริงไม่ต้อง "ดูเหมือน" มันต้อง "มีหลักฐาน"
ในอิสลาม การเผยแพร่สิ่งที่ไม่รู้ว่าเป็นจริงหรือไม่ ถือเป็นเรื่องหนัก​ ท่านนบีมูฮัมหมัด (ซ.ล.) กล่าวไว้ชัดเจน:
"كَفَى بِالْمَرْءِ كَذِبًا أَنْ يُحَدِّثَ بِكُلِّ مَا سَمِعَ"
“เพียงพอแล้วที่คนหนึ่งจะเป็นคนโกหก หากเขาเล่าเรื่องทุกอย่างที่เขาได้ยิน”  (บันทึกโดยอิมามมุสลิม)
นี่ไม่ใช่แค่คำเตือน แต่คือ มาตรฐานของผู้ศรัทธา
และในอัลกุรอาน อัลลอฮ์ก็เตือนอย่างชัดเจนเกี่ยวกับการรับและส่งต่อข้อมูลโดยไม่ตรวจสอบ:
يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا إِنْ جَاءَكُمْ فَاسِقٌ بِنَبَإٍ فَتَبَيَّنُوا أَنْ تُصِيبُوا قَوْمًا بِجَهَالَةٍ فَتُصْبِحُوا عَلَى مَا فَعَلْتُمْ نَادِمِينَ
“โอ้ศรัทธาชนทั้งหลาย! หากคนที่ไม่น่าเชื่อถือ นำข่าวสารใดมาแก่พวกเจ้า ก็จงตรวจสอบให้แน่ชัด ก่อนที่พวกเจ้าจะทำร้ายผู้คนด้วยความไม่รู้ แล้วพวกเจ้าจะต้องเสียใจในสิ่งที่ได้ทำไป”  (ซูเราะฮฺ อัล-หุจรอต: 6)
ศาสนาเราไม่ใช่ของเล่น​  ศาสนาเราคือ อะมานะฮฺ (ความรับผิดชอบ)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา