28 เม.ย. เวลา 01:27 • ไลฟ์สไตล์
คุณเคยรู้สึกไม่ห่วงใคร ไม่ได้ทุกข์ หรือสุขบ้างไหม ?
คำถามนี้ถูกลบ
..การรับรู้ของจิตของตัวเอง ..
เวลาที่เราอยู่บ้าน อยู่ในสถานที่ มันมีผู้คน ..คนนั้นคนนี้ ต่างก็มีอารมณ์โลภโกรธหลงในตัวตน แล้วเราก็เคยชิน ในสัมผัสต่างๆ เดินผ่านไปผ่านมา ก็มัความรู้สึกเฉย มันเคยชินกับอารมณ์ความรู้สึกนึกคิด ที่ปกคลุมทั้งกายทั้งจิต ที่จริงแล้ว จิตนั้นไม่รับรู้ ในสัมผัสต่างๆ ทีเกิดขึ้นได้เลย ..จึงมีอารมณ์นึดคิดตลอดเวลา. ที่ว่ามีสตินั้น เป็นสติปัญญาที่อารมณ์ปรุงแต่งเกิดขึ้นมา ที่เค้าว่า อารมณ์ให้ทิฐิความคิดเห็นในตัวตน ในกายในจิต
…ตัวอย่าง เช่นเราเข้าไปในสถานที ต่างๆ เราก็ไม่เคยสังเกตว่า มีอารมณ์ มีกระแสอะไรที่ห้อมล้อมตัวเรา แม้ไปเจอะเจอใครบ้างคน พกตุ๊กตาเทพ ..สักยันต์ ..เราก็เห็นเฉยๆ แต่เราก็รับรู้ไม่ได้ สัมผัสไม่ได้ ..ในสิ่งที่เค้าเรียกว่า ตัวกระทำไสยศาสตร์ ที่มีความทุกข์ร้อน แสบร้อน ต่างๆ
..ยิ่งบางสถานที ก็มีแต่ม่านหมอกดำ คลุมไปหมด .เหมือนลอยอยู่ในอากาศ เราก็สูดดมอากาศบริเวณนั้นเค้าไป ธาตุในกายก็เปลี่ยนแปลงไป .เป็นสีดำ .เลือดลมในกายไม่ปกติ เส้นเล่อดหดตัว ไม่สบายเนื้อสบายตัว เป็นไข้ ท้องไส้ไม่ปกติ.. นั่นก็เป็นเรื่องราวหนึ่ง ที่จิตเราไม่รับรู้ ..ที่เค้าเรียกว่า กรรมนั้นปิดบังจิตไม่ให้รับรู้ได้..
คราวนี้ เราลองเปลี่ยนสถานที่ ไปไปหาที่ หาพระที่ท่านไม่มีอารมณ์โลภโกรธหลง พอจะออกจากบ้าน ..ไปสถานที่นั้น ..อารมณ์นั่นอารมณ์นี้ มันก็เกิดขึ้น ขัดขวางไม่ให้ไป …ยิ่งว่า จะไปฝึกหัด นำกายไป ปฏิบัติ สถานที่ ฝึกหัดปฏิบัติธรรม ไม่มีโลภโกรธหลง มีแต่เรื่องราวทำจิต ..ทำใจ ทิ้งอารมณ์กรรม เพื่อให้จิตว่างเว้นจากอารมณ์เสียบ้าง ..มันทำได้ยาก
..เพราะจิตเรามันมีความยึดถือ ..อยู่บ้านก็ยึดบ้าน ยึดวัตถุที่หามา ..แม้การปฏิบัติธรรม มีทองมีเงินในกระเป๋า ..ปฏิบัติธรรมภาวนา ..บางที่จิตก็วิ่งไปหากระเป๋า กลัวจะหาย ..มันทำใจยากจริง เรื่องความยึดถือ ..แล้วก็ยากที่จะรู้จักอารมณ์ความยึดถือต่าง จนเราก็ไม่รู้ตัวเลย ว่า จิตที่ว่างเว้นอารมณ์ ..จิตนั้นมีความสุข ..ไม่ใช่สุขของอารมณ์ที่ปกคลุมกายและจิต มันเป็นความสุขคนละอย่างกัน .
โฆษณา