28 เม.ย. เวลา 10:11 • ประวัติศาสตร์

ขุนโจรเหลียงซาน 241 เขาหลงเหมิน

พอฟ้าสาง ผู้คนผ่านไปมาเก็บกระดาษมาอ่านทางนั้นแผ่น ทางนี้แผ่น พริบตา คนก็มามุงกันเป็นกลุ่ม พลลาดตระเวนจึงชิงไปแผ่นหนึ่ง รีบนำมารายงานเหลียงหย่ง 梁永 เหลียงหย่งตื่นตกใจ รีบสั่งให้เจ้าหน้าที่รักษาประตูจวนไว้จงดี และไปตระเวนแจ้งค่ายทหารต่างๆ ให้ระมัดระวังเตรียมพร้อม
เซียวจยาสุ้ย 萧嘉穗 ซ่อนมีดวิเศษไว้กับตัว ปะปนอยู่กลางฝูงชน เดินมาทำเป็นมุงอ่านกระดาษออกเสียงดังเสียสองรอบ พวกทหารและชาวบ้านฟังแล้วตะลึงมองหน้ากัน
ขุนนางถ่ายทอดบัญชาขี่ม้าผ่านมากับทหารหกนายจะไปยังค่ายต่างๆ เซียวจยาสุ้ยปราดเข้าไปหา คำรามลั่นชักมีดออกฟันทีเดียวขาม้าขาด ขุนนางตกจากหลังม้าถูกมีดฟันฉับเดียวหัวขาดกระเด็น เซียวจยาสุ้ยคว้าหัวไว้ด้วยมือซ้าย มือขวาถือมีดตะโกนก้อง
“ใครอยากรักษาชีวิตให้รอดปลอดภัย ก็ตามเซียวจยาสุ้ยมาฆ่าโจร”
เหล่าทหารที่อยู่หน้าจวนคุ้นหน้าเซียวจยาสุ้ยดีอยู่แล้ว รู้ว่าเป็นลูกผู้ชายกระดูกเหล็ก ชั่วครู่เดียวมีคนมารวมกลุ่มด้วยห้าหกร้อยคน เซียวจยาสุ้ยเห็นทหารมากันแล้วจึงตะโกนบอกชาวบ้านว่า
“ราษฎรที่มีขวัญกล้า ก็มาร่วมด้วยช่วยกัน”
ชาวบ้านแห่กันมารอบทิศถือกระบอง หักกิ่งไม้ ขาโต๊ะมาร่วมชุมนุมคะเนราวห้าหกพันคน เซียวจยาสุ้ยนำหน้า ขบวนส่งเสียงโห่ร้องบุกเข้าไปในจวนว่าการ เหลียงหย่งปกติเป็นคนวางอำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงชาวบ้าน ชอบโบยลูกน้อง ทั้งทหารและองครักษ์ต่างเกลียดเข้ากระดูกดำ พอสบโอกาสลุกฮือก็มาสมทบ บุกเข้าไปจับครอบครัวเหลียงหย่งทั้งเฒ่าและเด็กสังหารเสียสิ้น
ทหารและชาวบ้านที่มาเข้าร่วมมีถึงสองหมื่นกว่าคนแล้ว ออกจากจวนมาด้านหน้า ถอดคาปล่อยเซียวย่าง เผยเซวียน จินต้าเจียนจากการปิงปา เซียวจยาสุ้ยคัดคนที่กำลังแขนแข็งแรงสามคนแบกพวกเซียวย่างขึ้นหลัง เซียวจยาสุ้ยหิ้วหัวเหลียงหย่งพากันมายังประตูเมืองทิศเหนือ สังหารหม่าจี้ยงขุนพลรักษาประตู ขับไล่ทหารรักษาประตูไป แล้วเปิดประตูทอดสะพานลง
อู๋ย่งบัญชาการรบอยู่ที่ด้านทิศเหนือ ได้ยินเสียงโห่ร้องจากในเมืองแล้วประตูเมืองก็เปิดออกมา คิดว่าพวกโจรคงยกทัพออกมาโจมตี จึงสั่งให้ถอยทัพมาพ้นระยะธนู พอประตูเมืองเปิด เซียวจยาสุ้ยหิ้วหัวเหลียงหย่ง มีคนแบกพวกเซียวย่างขี่หลังข้ามสะพานชักมา อู๋ย่งจึงประหลาดใจ
พวกเซียวย่างตะโกนมาว่า “ท่านเสธ.อู๋ โชคดีที่ผู้กล้าท่านนี้นำพวกชาวบ้านสังหารขุนพลโจรช่วยพวกเราออกมา”
อู๋ย่งทั้งแปลกใจทั้งดีใจ เซียวจยาสุ้ยกล่าวกับอู๋ย่งว่า
“เรื่องกระทันหันนัก ยังมิควรมากพิธี ขอเชิญท่านเสนาธิการนำทัพเข้าเมืองก่อนเถิด”
พวกชาวบ้านและทหารตรงสะพานชักก็ตะโกนบอกพร้อมกันว่า “เชิญท่านแม่ทัพซ่งเข้าเมือง”
อู๋ย่งเห็นคนกลุ่มนั้นมีอยู่หลากหลายลักษณะ จึงให้เหล่าขุนพลนำทหารเข้าเมือง ห้ามทำร้ายราษฏร หากผิดพลาดถึงตายแม้รายเดียว ประหารทั้งหน่วย ทหารที่รักษากำแพงเมืองทางเหนือเห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ ต่างวางอาวุธยอมจำนน ทหารรักษาเมืองอีกสามทิศรู้เรื่องราวที่เกิดทางเหนือ ต่างพร้อมใจกันจับขุนพลรักษาประตูมัด เปิดประตูเมือง จัดดอกไม้ธูปเทียนต้อนรับทัพซ่งเข้าเมือง มีเพียงหมีเซิง 縻貹 ที่ไม่ยอมจำนนหนีฝ่าวงล้อมออกไปได้ทางประตูตะวันตก
อู๋ย่งให้ม้าเร็วเร่งไปรายงานซ่งเจียง ซ่งเจียงพอรู้ข่าวดีเรื่องพี่น้องปลอดภัย ชิงได้เมือง ไข้ก็ทุเลาลงถึงเก้าส่วน ให้ถอนค่ายเคลื่อนทัพใหญ่เข้าเมืองจิงหนาน ซ่งเจียงขึ้นว่าการที่จวนผู้บัญชาการทหาร ให้ปลอบขวัญราษฎร บำเหน็จทหาร แล้วเชิญเซียวจยาสุ้ยมายังจวนสอบถามชื่อแซ่ เชิญนั่งที่อ้นทรงเกียรติ
ซ่งเจียงกระทำคารวะแล้วกล่าวว่า “ท่านผู้กล้าองอาจห้าวหาญ โค่นล้มโจรขบถ ขจัดภัยให้สรรพสัตว์ ทหารไม่เสียเลือดเนื้อ ยึดเมืองคืนได้ ทั้งยังช่วยเหลือพี่น้องของผู้แซ่ซ่งไว้ได้อีกสามคน ซ่งเจียงสมควรกราบคารวะ”
เซียวจยาสุ้ยปฏิเสธว่า “นี่หาใช่ความสามารถของผู้แซ่เซียว เป็นการร่วมแรงของเหล่าทหารและชาวบ้าน”
ซ่งเจียงได้ฟังยิ่งชื่นชม
ถัดจากนั้น เหล่าขุนพลเชลยถูกนำตัวเข้ามา ซ่งเจียงว่า หากผู้ใดยอมสวามิภักดิ์จะละเว้นโทษ
ซ่งเจียงให้จัดสุราอาหารเลี้ยงรับรองผู้กล้าเซียว ซ่งเจียงชูจอกเชิญดื่มกล่าวว่า
“ใต้เท้าเปี่ยมคุณธรรมมากความสามารถ ผู้แซ่ซ่งกลับถึงราชสำนัก จักกราบทูลต่อฮ่องเต้ คงทรงอวยยศท่านเป็นแม่นมั่น”
เซียวจยาสุ้ยว่า “เรื่องนี้เห็นทีไม่จำเป็น ผู้แซ่เซียวทำการครั้งนี้หาได้หวังลาภยศชื่อเสียง ผู้แซ่เซียวเมื่อยังเยาว์ไร้ความสามารถโดดเด่น เติบใหญ่มิอาจสร้างชื่อขจรขจาย ความรู้ตื้นเขินโลกทัศน์คับแคบ
ทุกวันนี้คนจอมปลอมชื่อลือกระเดื่อง ผู้ทรงคุณวุฒิไร้ชื่อไร้เสียง มีคุณสมบัติมากมาย มีคุณธรรมมากล้น ก็มิอาจไต่เต้าขึ้นสู่สรวงสวรรค์
ผู้แซ่เซียวเห็นวีรชนผู้มีปณิธานบางคนรับใช้บ้านเมืองโดยมิคำนึงถึงความเป็นตาย แต่หากทำเรื่องผิดพลาดเข้าสักเรื่อง อาจชักนำหายนะ มิอาจจะปกป้องตนเองและลูกเมีย ชีวิตตกอยู่ในกำมือของพวกทุรชน
สำหรับผู้แซ่เซียวทุกวันนี้ ไร้ภาระหน้าที่ราชการ อิสระเสรีดังก้อนเมฆและกระเรียนไพร มีฟ้าไหนที่มิอาจโบยบิน”
คำกล่าวนี้ทำเอาซ่งเจียงและพรรคพวกต้องทอดถอนใจ กงซุนเสิ้ง หลู่จื้อเซิน อู่ซง เอี้ยนชิง หลี่จวิ้น ถงเวย ถงเหมิ่ง ไต้จง ไฉจิ้น ฝานยุ่ย จูอู่ เจี่ยงจิ้งทั้งสิบกว่าคนตรึกตรองคำของผู้กล้าเซียวแล้วได้แต่ผงกศีรษะรับ
หลังงานเลี้ยงเย็นวันนั้น เซียวจยาสุ้ยกล่าวอำลากลับออกจากจวน เช้าวันรุ่งขึ้น ซ่งเจียงให้ไต้จงนำข่าวชัยไปแจ้งต่อเฉินอันฝู่ ส่วนตนเองเดินทางไปเยี่ยมคารวะผู้กล้าเซียวถึงเรือน พอไปถึงกลับพบแต่เรือนว่างเปล่า เจ้าของร้านขายกระดาษข้างบ้านแจ้งว่า
“เซียวจยาสุ้ยเก็บพิณกระบี่และหนังสือตั้งแต่ฟ้าไม่ทันสางเช้าวันนี้ มาบอกลาผู้น้อย แต่ไม่ได้บอกว่าจะไปที่ใด”
ชนรุ่นหลังต่างสดุดีเซียวต้านทวดและเหลน
冒雨修堤萧僧达,波狂涛怒心不怛。
恪诚止水堤功成,六穗嘉禾一茎发。
贤孙豪俊侔厥翁,咄叱民从贼首撮。
泽及生灵哲保身,闲云野鹤真超脱。
เซียวเซิงต๋าฝ่าฝนซ่อมเขื่อนภิณท์พัง
คลื่นคลุ้มคลั่งถั่งโถมหาหวั่นไหว
มุ่งมั่นกั้นเขื่อนยั้งอุทกภัย
ธัญพืชพิไลหนึ่งต้นชูหกรวง
วีรชนผู้เหลนเฉกเช่นทวด
สวดกวดต้อนชนกุดหัวโจรจาบจ้วง
ให้ปัญญาปกป้องตนชนทั้งปวง
เมฆเมืองสรวงกระเรียนไพรไร้อาวรณ์
ซ่งเจียงกลับมาถึงจวนเล่าให้เหล่าพี่น้องฟังว่าเซียวจยาสุ้ยเร้นกายไปแล้ว ทุกคนต่างทอดถอนใจ
ตกเย็น ไต้จงกลับมาแจ้งว่าบรรดาท้องที่ที่ขึ้นกับเมืองหว่านโจว เมืองซานหนานทั้งสองแห่งที่เดิมยังแข็งข้อนั้น บัดนี้เฉินอันฝู่และพวกหลินชง ฮวาหยงได้กำราบหมดสิ้นแล้ว ราชสำนักได้ส่งขุนนางใหม่มารับช่วงปกครอง เฉินอันฝู่จึงออกเดินทางมุ่งมายังที่นี่จะถึงในเร็ววันนี้
เฉินอันฝู่มาถึงในหกวันถัดมา ไข้ซ่งเจียงทุเลาหายเป็นปกติ ออกไปต้อนรับแล้วนำเข้าเมือง ลำดับถัดมา สื่อจิ้นที่ดูแลเมืองซานหนาน ส่งมอบหน้าที่แล้วเดินทางมาสมทบ ซ่งเจียงจึงเชิญให้เฉินอันฝู่อยู่รักษาเมืองจิงหนาน แล้วนำทัพใหญ่ทั้งทางบกทางเรือมุ่งหน้ามาหนานเฟิง 南丰 เพื่อกวาดล้างรังโจร ในครั้งนี้หนึ่งร้อยแปดวีรชนมากันครบหน้า บวกกับพวกซุนอันขุนพลเหอเป่ยสามิภักดิ์อีกสิบเอ็ดคน ไพร่พลสองแสนเศษ ยกทัพมาถึงเมืองไหนได้ชัยที่นั่น เฉินอันฝู่ก็จะให้หลอเจี่ยนส่งขุนพลมาดูแล
ทัพของซ่งเจียงเข้าแดนเมืองหนานเฟิง หน่วยลาดตระเวนสืบทราบว่าหวางชิ่งแต่งตั้งหลี่จู้เป็นจอมทัพ เกณฑ์ทหารเมืองนี้ทั้งทัพบกทัพเรือห้าหมื่น ทั้งยังสั่งเกณฑ์พลจากหยุนอัน 云安 ตงชวน 东川 อันเต๋อ 安德 อีกสามทัพ ทัพละสองหมื่น รวมพลหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นอยู่ใต้บังคับบัญชาของตูเจียน 都监 (ผู้บัญชาการทหาร) หลิวอี่จิ้ง 刘以敬 ซ่างกวนอี้ 上官义 และขุนพลรองอีกสิบกว่านาย หวางชิ่งจะกำกับทัพมาด้วยตัวเอง
ซ่งเจียงหารือกับอู๋ย่งว่า “พวกโจรเทรังมากันหมด คงตั้งใจรบพลีชีพ เราจะใช้แผนใดรับมือ”
อู๋ย่งว่า “พิชัยสงครามมีว่า “หลากข้อล่อให้พลาด 多方以误之” บัดนี้ ขุนพลฝ่ายเราอยู่กันพร้อมหน้า เราจะสลับหน้ากันรบล่ออย่าให้ข้าศึกมีเวลาพัก”
ซ่งเจียงจึงมีบัญชาให้จัดกำลังตามแผน
วันแรกสุด อินทรีโฉบฟ้าหลี่อิ้ง พายุหมุนน้อยไฉจิ้นรับบัญชานำขุนพลทัพม้า ซ่านถิงกุย เว่ยติ้งกว๋อ ซือเอิน เซวียหย่ง มู่ชุน หลี่จง พลรบห้าพันคุ้มกันรถเสบียง แพรพรรณ ปืนใหญ่ อยู่หลังแนวทัพใหญ่ที่เขาหลงเหมิน 龙门山 เป็นหมู่บ้านตีนเขาทางทิศใต้ที่ถูกทิ้งร้างเพราะภัยสงคราม มีเนินสูงโดยรอบเปรียบเหมือนเมืองป้อม เข้าออกได้สามด้าน
วันนั้น ลมตะวันออกเฉียงเหนือพัดจัด เมฆดำหนาเต็มฟ้า หลี่อิ้ง ไฉจิ้นเกรงเสบียงจะเปียกน้ำจึงให้ทหารรื้อประตูบ้านร้างออกแล้วเข็นรถเสบียงเข้าไปไว้ข้างใน พลันเสือลำบากเซวียหย่งนำทหารออกลาดตระเวนจับสายลับได้หนึ่งคน สอบถามได้ความมารายงานไฉจิ้นว่าหมีเซิง 縻貹 จะนำพลหนึ่งหมื่นมาลอบเผาเสบียงคืนนี้เวลายามสอง
หลี่อิ้งกล่าวกับไฉจิ้นว่า “ผู้น้องจะไปดักรอโจรนกเขาที่หน้าหมู่บ้าน จะฆ่าไม่เหลือกลับไป”
ไฉจิ้นว่า “เจ้าหมีเซิงนั่นมีฝีมือดีทีเดียว อย่าได้ประมาทศัตรู ทหารเราที่นี่ก็มีน้อย ผู้น้องจะใช้อุบายเล็กน้อย สละดินปืนไฟสักห้าหกคันรถ รถฟืนสักร้อยเศษ ล้างแค้นให้กับถังปิน”
1
แล้วสั่งการให้ทหารจัดเตรียมฟืน เสบียง ดินปืนใส่รถบรรทุก พอย่ำสนธยา ทั้งหมดก็ยกออกจากหมู่บ้านลงมาทางใต้ เหลือเพียงรถฟืนร้อยกว่าคันทิ้งกระจายไว้ใต้ลมทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของหมู่กระท่อมหญ้า และทิ้งรถเปล่าอีกร้อยกว่าคันจัดเป็นกลุ่ม กลุ่มละห้าหกคัน เอาเสบียงบางส่วนวางไว้ด้านบนให้เห็นเป็นรถเสบียง มีกำมะถันเชื้อไฟโรยไว้บนไม้แห้งในรถ
ให้ซือเอิน เซวียหย่ง มู่ชุน หลี่จงนำพลสองพันซุ่มไว้บนเนินฝั่งตะวันออกของปากทาง
ให้ซ่านถิงกุยนำทหารม้าหนึ่งพันซุ่มที่ทางเข้าออกด้านทิศใต้
ไฉจิ้นกับขุนพลเทพอัคคีเว่ยติ้งกว๋อนำพลเดินเท้าสามร้อยนำธนูไฟขึ้นไปซุ่มอยู่ในดงทึบบนเขา
เวลายามสอง นายโจรหมีเซิงกับสองขุนพลรอง นำพลหนึ่งหมื่นมาตามทางเข้าหมู่บ้านทิศใต้ ซ่านถิงกุยซุ่มรออยู่ จึงให้ทหารจุดคบไฟ แล้วออกมาสู้กับหมีเซิงได้ไม่ถึงห้าเพลง ก็ชักม้าถอยหนีเข้าไปในหมู่บ้าน หมีเซิงเป็นคนกล้าแต่ไร้แผนการ นำทหารไล่ตามเข้ามา
เซวียหย่ง ซือเอินเห็นแสงคบไฟจุดขึ้นทางใต้ จึงให้หลี่จง มู่ชุนแบ่งทหารหนึ่งพันไปสกัดทางถอยทางทิศใต้ของหมู่บ้าน
ทหารโจรโห่ร้องแห่กันเข้าไปในหมู่บ้านนั้น มากันทางต้นลมทิศตะวันออกเฉียงเหนือ พอเข้ามาเห็นแต่บ้านเปล่า ไม่มีเสบียง หมีเซิงให้ทหารค้นหาดู ก็พบรถเสบียงราวสองร้อยคันอยู่ทางใต้ลม มีทหารเฝ้าอยู่หกร้อยคน พอเห็นทัพโจรมากันมาก ก็พากันวิ่งหนีหายไปหมด หมีเซิงเห็นรถก็ว่า “ที่แท้ เสบียงก็มีไม่มาก”จึงให้ทหารส่องไฟดู เห็นรถที่จอดเป็นกลุ่มๆ ในแต่ละกลุ่มจะมีรถขนแพรพรรณสองคัน พวกทหารเห็นผ้าแพร ก็แห่มาแย่งชิงกัน
หมีเซิงจะเข้ามาห้ามพวกลูกน้อง พริบตานั้น ธนูเพลิงจำนวนมากยิงมาจากบนเขาใส่หมู่กระท่อมหญ้าและรถฟืนจนไฟลุก ทหารโจรพากันหลบ แต่ดินปืนตามรถติดไฟไว ระเบิดสนั่นดังฟ้าร้อง ทหารโจรหลบไม่ทัน ถูกไฟคลอกตายกันมาก ไฟไหม้จนฟ้าแดงฉาน เสียงดินปืนลั่นดังประทัด
风随火势,火趁风威。
千枝火箭掣金蛇,万个轰雷震火焰。
骊山顶上,料应褒姒逞英雄;
扬子江头,不弱周郎 施妙计。
氤氲紫雾腾天起,闪烁红霞贯地来。
必必剥剥响不绝,浑如除夜放炮竹。
ลมพ้ดตามส่งเพลิงลามไหม้
เพลิงอาศัยลมโหมคะนอง
ธนูเพลิงพันสายคล้ายงูทอง
ฟ้าร้องก้องหมื่นหนบนเปลวอัคคี
บนยอดเขาหลีซานนี้ เพื่อเอาใจสตรี
ล้อทหารสำราญเปาสื้อ
ณ ต้นแม่น้ำหยางจื่อ ไฟโหมกระพือ
โจวหลางวางแผนเผาเรือสิ้น
คุกรุ่นกรุ่นหมอกควันแจ้งฟ้าแดง
ราวแสงสางสาดจ้ามาคลุมดิน
เพียะเพียะพะพะลั่นต่อเนื่องยิน
ปานประทัดคืนสิ้นปีก็มิปาน
(นางเปาสื้อ 褒姒 ไม่ยอมยิ้ม โจวอิวอ๋อง 周幽王 จุดหอไฟ เรียกพวกเจ้าเมืองยกทหารมาชุมนุมที่หลีซาน 骊山 เพราะคิดว่าข้าศึกบุก นางเปาสื้อจึงหัวเราะ ต่อมาเกิดศึกติดเมืองจริง โจวอิวอ๋องจุดหอไฟระดมพล แต่ไม่มีใครยกมาช่วย ราชวงศ์โจวตะวันตกล่มสลาย
1
โจวหลาง 周郎 คือ โจวหวี 周瑜 (จิวยี่) ผู้วางแผนใช้ไฟเผาทัพเรือเฉาเชา (โจโฉ) ปลายราชวงศ์ฮั่น
除夜 คืนวันสิ้นปีก่อนวันตรุษจีนปีใหม่)
หมีเซิงถูกดินปืนตาย ทหารโจรถูกไฟคลอกตายไปกว่าครึ่ง ที่เหลือถูกไฟลวกเป็นแผลพอง ถูกทหารซ่งล้อมฆ่า ทหารหนึ่งหมื่น หนีรอดตายไปได้เพียงพันกว่าคน พอฟ้าสาง ไฉจิ้น หลี่อิ้งเก็บรวบรวมเสบียงกลับค่ายไปรายงานซ่งเจียง
ตอนก่อนหน้า : ธัญพืชช่อหกรวง
ตอนถัดไป : ล่าหวางชิ่ง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา