29 เม.ย. เวลา 04:01

โอ้รันดา, จะสี่ปีแล้วที่ไม่ได้คุยกัน ฉันคิดถึงเธอมาก

“รันดา” คือเพื่อนสาวใหญ่วัย 36 คนแรกที่ฉัน (ในวันนั้นอายุ 28) เป็นคนเริ่มต้นบทสนทนาสานสัมพันธ์ก่อน
เราเจอกันครั้งแรกในวันปฐมนิเทศ ป.โท สาย Policy and Political Analysis ที่มหาวิทยาลัย Higher School of Economics กรุงมอสโก รัสเซีย ในปี 2022
วันนั้นรันดา สาวใหญ่ตาคมโตแบบชาวอาหรับชอบเขียนอายไลเนอร์สีดำกริบและทาปากสีแดงสด เดินเข้าห้องมาในลุคสบาย ๆ แลดูมีความตั้งใจใช้ชีวิตปรากฏอยู่ในแววตาเวลาเธอยกมือพูดและถามคำถาม ฉันสะดุดใจตอนที่กวาดสายตามองนึกว่าเธอน่าจะทำงานอยู่ในองค์กร NGO อะไรสักอย่าง คงไม่น่าจะใช่สายข้าราชการแน่นอน
วันนั้นฉันเข้าใจว่าเพื่อน ๆ ร่วมชั้นต่างตั้งใจฟังบรรยายสายการเรียนที่ต้องเลือกหนึ่งในสามที่มีมาให้ ต้องบันทึกตารางกำหนดการ และรายวิชาอะไรต่าง ๆ ห้องเจ้าหน้าที่-เบอร์โทรอาจารย์ที่สามารถติดต่อได้ และรอรับบัตรนักศึกษาอย่างเป็นทางการ เลยไม่ได้มีโอกาสได้ทำความรู้จักอะไรกันต่อในทันที ตามประสาต่างคนต่างมาและเร่งรีบออกไป
ผ่านมาไม่นานหลังจากย้ายเข้าหอพักนักศึกษาของมหาวิทยาลัยย่านเทคทิลชิกี้ที่ได้มาจากการสุ่มเลือกตึก ซึ่งทำเลที่ตั้งอยู่กันคนละทิศละทางในกรุงมอสโกอันแสนกว้างใหญ่ ทั้งความเก่าใหม่ของตึกก็ไม่เหมือนกันเลยสักที่ เรื่องหอพักจึงกลายเป็นเรื่องวัดดวงวัดใจกันสุด ๆ โดยเฉพาะคนที่หอบเพื่อนมาเรียนด้วยกันและคนที่ต้องการคุมค่าใช้จ่ายในเมืองหลวง
วันหนึ่งฉันก็ได้พบกับรันดาโดยบังเอิญที่ห้องครัวส่วนกลางชั้น 2 ของตึกที่พักอยู่ ฉันว่าเธอเองไม่น่าจะทันสังเกตหรือจำฉันได้จากวันปฐมนิเทศหรอก เลยเป็นคนเข้าไปทักทายเริ่มแนะนำตัวเองก่อนและบอกว่าเราเรียนในโครงการเดียวกัน จนมารู้ว่าทั้งคู่ก็เลือกสายเดียวกันด้วย
จากทั้งที่อยู่หอพักชั้นเดียวกันและเรียน ป.โทโครงการเดียวกัน รวมถึงว่าอายุเราไม่ห่างกันมากนัก เมื่อมองออกไปรอบ ๆ ที่มีแต่บรรดาสาว ๆ ในหอพักชั้นเดียวกันทั้งที่เพิ่งจบ ม.6 อายุ 18 หมาด ๆ มาเข้าเรียน ป.ตรีในปีแรก หรืออายุ 22 และบินมาเรียนต่อ ป.โทที่นี่ ก็ทำให้เราทั้งสองคนที่นับกันเองว่าน่าจะเป็นรุ่นพี่เบอร์หนึ่งเบอร์สอง ค่อย ๆ ผูกมิตรไมตรีกันมากขึ้นเพราะคุยกันรู้เรื่อง
เราเริ่มเดินออกจากหอพักไปขึ้นรถไฟใต้ดินเพื่อไปห้องเรียนที่อยู่ไกลออกไปไม่เกินสิบสถานีพร้อมกัน จากสถานีเทคทิลชิกี้ไปถึงสถานีลูเบียนก้า เราไปหาร้านนั่งจิบกาแฟและชิมขนมหวานในวันที่ฝนตกอากาศหนาวชื้นจนต้องใส่เสื้อโค้ทหนา ๆ กับรองเท้าบูท เราไปเดินเล่น พูดคุย มีช่วงเวลาดี ๆ ด้วยกันที่พิพิธภัณฑ์แห่งชัยชนะ (Museum of the Great Patriotic War) และเรายังมีช่วงเวลาแบบนั้นในหอพักแต่ละวันด้วย
เช่นว่าความไม่ยอมหลับยอมนอนของเธอทำให้ชอบชวนมานั่งคุยเล่นที่เตียงของเธอตอนตีสี่-ตีห้าในวันที่รูมเมทไม่อยู่ หรือฉันเป็นคนชวนเธอขึ้นมาห้อง study room ชั้น 7 ให้มารู้จักกับน้องคนไทยอีกคนหนึ่ง และเพื่อบอกลาเธอตอนที่ตัดสินใจกลับไทย
เธอเป็นคนที่ชมว่าฉันทำกับข้าวได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ไม่กินพื้นที่คนอื่น และรักษาความสะอาดได้ดี ชมว่าฉันเป็นคนแกร่งมี strong mindset และเป็นคนแรกที่บอกว่าสายตาของฉันแท้จริงแล้วลึก ๆ เหมือนคนกำลังร้องไห้อยู่ในใจ แต่เธอต่างหากล่ะที่กลับเป็นคนร้องไห้ออกมาโดยไม่เขินอายตอนที่รู้ว่าฉันจะไม่ได้อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเธอในอีก 2-3 ปีที่กำลังจะมาถึงหรือยาวนานกว่านั้นถ้าเราปักหลักอยู่ที่รัสเซียต่อ
รันดาคือสาวชาวอียิปต์ที่ไม่ได้ทำงานในองค์กร NGO แต่อย่างใด ก่อนหน้านี้เธอทำงานเป็นทหารอียิปต์อยู่ที่ประเทศตัวเองมาเป็นเวลา 10 ปี จนติดเป็นนิสัยรักความเป็นระเบียบเรียบร้อย เช่นสร้างกฎระเบียบขึ้นมาในห้องพักของตัวเองและใช้คำพูดแข็งกร้าวเพื่อตักเตือนรูมเมทซึ่งเด็กกว่าตนเป็น 10 ปี แต่บางครั้งก็นึกขึ้นได้ (หรือต้องให้เพื่อนเตือนด้วย) ว่าที่นี่ไม่ใช่กองทัพ และตัวเองได้กลับมาเป็นนักศึกษาในประเทศอีกประเทศหนึ่ง
เมื่อเริ่มสนิทกันมากขึ้นถึงจะสัมผัสได้ว่า เธอเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งที่มีความรักสวยรักงาม ชอบแต่งตัว อยากสร้างทางเดินชีวิตให้กับตัวเอง และสร้างชีวิตครอบครัวกับคนรักสักคนในที่ไหนสักที่
ก่อนที่จะมาเริ่มต้นเรียน ป.โทที่มอสโก เธอขายรถยนต์และทรัพย์สินส่วนตัวในอียิปต์เพื่อเอามาใช้เป็นเงินทุนเริ่มต้นชีวิตใหม่โดยตั้งใจว่าจะเป็นรัสเซีย เธอไปอยู่ที่เมือง ๆ หนึ่งก่อนที่จะย้ายมาที่มอสโก เธอพูดภาษารัสเซียและฝรั่งเศสในระดับที่ใช้เพื่อสื่อสารได้ เธอมีหัวข้อวิทยานิพนธ์ที่อยากทำ ซึ่งก็อาจจะเกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงไม่มากก็น้อย แล้วมาเล่าว่าสงสัยหัวข้อคงยากไป เซนซิทีฟไป หรือก้าวหน้าไป ไม่มีอาจารย์คนไหนสามารถรับเป็นที่ปรึกษาได้ ทำให้เธอว้าวุ่นใจมาก
เวลาเราคุยกันเธอมักจะเอามือถือคว่ำลง วางให้ไกลจากตัว หรือปิดมือถือซะ ทั้งที่เรื่องที่คุยกันอาจจะไม่มีอะไรที่สุ่มเสี่ยง แต่เธอก็จะป้องกันไว้ก่อน บอกว่าที่นี่มีสายลับเยอะ และสาขาที่เราเรียนต้องมีคนจับตามองอยู่แน่นอน นอกจากนั้น เวลาถ่ายรูปกันเธอจะไม่อยากให้ถ่ายจนเห็นใบหน้าของเธอทั้งหมด และเธอจะไม่สร้างบัญชีหรือโพสต์อะไรในโลกโซเชี่ยลเลย
(อ่านจนถึงตอนนี้อาจจะคิดว่าเว่อร์ แต่จากการที่เธอเป็นทหารและบริบทของรัสเซียไม่กี่เดือนหลังจากบุกยูเครน สถานการณ์ของมหาวิทยาลัยและโครงการที่เราเรียนค่อนข้างอ่อนไหวมาก มีการปรับหลักสูตรในเดือนพฤษภาทันที บางวิชาเช่นสิทธิมนุษยชนถูกตัดออก อาจารย์บางคนลี้ภัย นักศึกษาบางคนตัดสินใจไม่เรียนต่อเพราะไม่อยากกลับมาเกณฑ์ทหาร อาจารย์ประจำชั้นแนะให้เปลี่ยนหัวข้อวิทยานิพนธ์บางหัวข้อไปทำเรื่องอื่นแทน เป็นต้น)
นอกจากเรื่องชีวิตในรัสเซีย รันดายังมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างงงงวยกับหนุ่มชาติเดียวกันคนหนึ่ง เพราะความที่สายอาชีพเดียวกัน อายุต่างกัน บวกกับวัฒนธรรมเว้นระยะห่างแต่มีแอบส่งสายตาหรือสัญญาณคลุมเครือบางอย่าง ทำให้เธอรู้สึกสับสนและไม่มั่นใจว่าสถานะที่เธออยู่คืออะไร เธอจะคิดแล้วคิดอีกว่าเธอควรแสดงท่าทีหรือคำพูดแบบนั้นแบบนี้ผ่านข้อความออกไปไหม
ท้ายที่สุดแล้ว เธอเลือกให้เป็นเรื่องของ “ศักดิ์ศรี” ที่หนุ่มรุ่นน้องคนนั้นจะต้องเป็นคนแสดงความชัดเจนก่อน แต่เรื่องก็อาจจะไม่ได้เป็นไปตามที่จินตนาการเอาไว้ ฉันว่าเธอคงจะผิดหวังอยู่บ้าง แต่ก็มั่นใจว่าเธอมีความฝันอันยาวไกลและแข็งแกร่งเกินกว่าจะมาใช้เวลาตั้งคำถามกับจิตใจของคน
ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่กี่เดือน ฉันยังรู้สึกชื่นชมและขอบคุณอยู่เสมอที่เราได้รู้จักกัน ฉันคิดว่านี่เป็นมิตรภาพที่จริงแท้และอยากให้เธอไปได้ดี วันนี้ที่เธอเรียนจบแล้ว แต่ฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังเผชิญกับอะไรหรือไปทางไหนต่อ ก็หวังว่าอย่างน้อยจะได้มาเที่ยวไทยตามที่ฝันไว้ หวังว่าสักวันเราจะได้พูดคุยและเจอกันอีก.
โฆษณา