เมื่อวาน เวลา 23:04 • ข่าวรอบโลก

การใช้สารบ่งชี้ทางชีวภาพ (Biomarkers) เพื่อช่วยวินิจฉัยภาวะภูมิแพ้รุนแรง (Anaphylaxis)

การวินิจฉัยภาวะภูมิแพ้รุนแรง (Anaphylaxis) ซึ่งเป็นปฏิกิริยาภูมิแพ้ที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ยังคงเป็นความท้าทายทางการแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ไม่ทราบสาเหตุการแพ้ หรือเมื่ออาการคล้ายคลึงกับภาวะอื่นๆ เช่น ลมพิษ หรือหอบหืด การใช้สารบ่งชี้ทางชีวภาพ (Biomarkers) เช่น ฮีสตามีน (Histamine) และทริปเทส (Tryptase) สามารถช่วยให้ระบุภาวะนี้ได้รวดเร็วขึ้น
อย่างไรก็ตาม การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบที่ตีพิมพ์ใน The Journal of Allergy and Clinical Immunology ชี้ให้เห็นว่า ทริปเทสซึ่งเป็นสารบ่งชี้ที่ใช้บ่อยที่สุด อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่น่าเชื่อถือที่สุดเสมอไป และการทราบค่าทริปเทสพื้นฐาน (Baseline level) ของผู้ป่วยเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อเพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัย
ความท้าทายในการวินิจฉัยและการใช้สารบ่งชี้ทางชีวภาพ
ภาวะภูมิแพ้รุนแรง (Anaphylaxis) เป็นปฏิกิริยาแพ้เฉียบพลันที่เกิดขึ้นทั่วร่างกาย ซึ่งเกิดจากการหลั่งสารเคมีอักเสบ เช่น ทริปเทสและพรอสตาแกลนดิน (Prostaglandins) เมื่อร่างกายสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้หรือปัจจัยกระตุ้นอื่นๆ เช่น การออกกำลังกาย สารสื่อกลางเหล่านี้ทำให้หลอดเลือดขยายตัว กล้ามเนื้อเรียบหดตัว และเพิ่มการซึมผ่านของหลอดเลือด ส่งผลให้เกิดภาวะหลอดลมตีบ ทางเดินหายใจบวม และอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้
แม้ว่าภาวะนี้สามารถรักษาได้ด้วยการฉีดเอพิเนฟรีน (Epinephrine) หากตรวจพบได้เร็ว แต่การวินิจฉัยที่แม่นยำตั้งแต่แรกยังคงเป็นเรื่องยาก
สารบ่งชี้ทางชีวภาพเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยยืนยันการวินิจฉัย ปัจจุบันฮีสตามีนและทริปเทสเป็นสารที่ได้รับการศึกษาอย่างกว้างขวางที่สุด ทริปเทสถูกนำมาใช้บ่อยที่สุดในการวินิจฉัยภาวะนี้
จากการวิเคราะห์งานวิจัย 28 ชิ้นที่ตีพิมพ์ในช่วง 20 ปี (เริ่มตั้งแต่ปี 2004) ซึ่งครอบคลุมผู้ป่วยกว่า 18,000 ราย (ยืนยันภาวะภูมิแพ้รุนแรง 3,329 ราย) พบว่าทริปเทสเป็นสารบ่งชี้ที่ถูกศึกษามากที่สุด อย่างไรก็ตาม ความไว (Sensitivity) หรือความสามารถในการตรวจจับผู้ป่วยที่เป็นโรคได้อย่างถูกต้องของทริปเทสเพียงอย่างเดียวยังไม่สูงนัก อยู่ที่ 0.49 แต่มีความจำเพาะ (Specificity) หรือความสามารถในการระบุผู้ที่ไม่ได้เป็นโรคได้ถูกต้อง ค่อนข้างสูงที่ 0.82
ความแม่นยำในการใช้ทริปเทสจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หากแพทย์ทราบค่าทริปเทสพื้นฐานของผู้ป่วยก่อนเกิดอาการแพ้ และนำมาเปรียบเทียบกับค่าที่วัดได้ระหว่างเกิดอาการแพ้ ซึ่งจะเพิ่มความไวขึ้นเป็น 0.78 อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่มีข้อมูลค่าพื้นฐานนี้ เว้นแต่จะเคยพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิแพ้ แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปและกุมารแพทย์มักไม่ได้สั่งตรวจค่านี้สำหรับผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ที่ยังไม่เคยมีอาการรุนแรง
สำหรับฮีสตามีน พบว่ามีความไวสูงกว่าทริปเทส (0.76) แต่ความจำเพาะต่ำกว่า (0.69) การใช้ฮีสตามีนยังมีข้อจำกัดเนื่องจากมีค่าครึ่งชีวิต (Half-life) สั้นมาก เพียงประมาณ 15 นาที อย่างไรก็ตามการศึกษาชิ้นหนึ่งชี้ว่าการใช้ฮีสตามีนร่วมกับทริปเทสสามารถเพิ่มความไวในการตรวจจับได้ถึง 0.93
นอกเหนือจากทริปเทสและฮีสตามีน ยังมีสารบ่งชี้ทางชีวภาพอื่นๆ ที่อาจช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัย เช่น Platelet-activating factor (PAF) ซึ่งการศึกษาหนึ่งในการทบทวนวรรณกรรมแสดงให้เห็นศักยภาพสูง (ความไว 100%) แต่ยังต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก่อนนำมาใช้ทางคลินิก ข้อมูลเกี่ยวกับ PAF acetylhydrolase และ urinary prostaglandin D2 ยังมีจำกัด แม้ urinary prostaglandin D2 จะดูมีแนวโน้มที่ดี แต่ก็มีความท้าทายในทางปฏิบัติในการเก็บตัวอย่างปัสสาวะจากผู้ป่วยที่กำลังมีอาการแพ้รุนแรง
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่ายังจำเป็นต้องมีสารบ่งชี้ทางชีวภาพใหม่ๆ เนื่องจากการตรวจวัดที่มีอยู่ในปัจจุบันยังไม่สามารถครอบคลุมสาเหตุการแพ้ได้ทุกชนิด และยังไม่สามารถตรวจจับผู้ป่วยภาวะภูมิแพ้รุนแรงได้ทั้งหมด
การวินิจฉัยภาวะภูมิแพ้รุนแรงได้อย่างถูกต้องและทันท่วงทีมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการป้องกันการเกิดซ้ำ ผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันการวินิจฉัยควรได้รับการติดตามอาการเป็นเวลาสองสามชั่วโมงหลังเกิดเหตุการณ์เพื่อป้องกันอาการกำเริบ และควรได้รับใบสั่งยาสำหรับปากกาฉีดเอพิเนฟรีน (Epinephrine auto-injector) ติดตัวไว้ นอกจากนี้ แพทย์ควรส่งต่อผู้ป่วยไปยังแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิแพ้เพื่อหาสาเหตุหรือปัจจัยกระตุ้นการแพ้ต่อไป ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิแพ้มักจะสั่งตรวจสารบ่งชี้ทางชีวภาพเหล่านี้เป็นประจำ
แม้ว่าทริปเทสและฮีสตามีนจะเป็นสารบ่งชี้ทางชีวภาพที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการช่วยวินิจฉัยภาวะภูมิแพ้รุนแรง แต่ก็ยังมีข้อจำกัดด้านความน่าเชื่อถือ การทราบค่าทริปเทสพื้นฐานของผู้ป่วยสามารถเพิ่มความแม่นยำได้ แต่ข้อมูลนี้มักไม่มีในสถานการณ์ฉุกเฉิน สารบ่งชี้ชนิดใหม่ๆ เช่น PAF มีศักยภาพ
แต่ยังต้องการการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันประสิทธิภาพและกำหนดแนวทางการใช้งานทางคลินิกที่ชัดเจน การพัฒนาและเข้าถึงสารบ่งชี้ทางชีวภาพที่แม่นยำยิ่งขึ้น จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการวินิจฉัยและการดูแลผู้ป่วยภาวะภูมิแพ้รุนแรงให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น
แหล่งอ้างอิง:
Fellegi, V. (2025, April 28). How Reliable Are Current Biomarkers for Diagnosing Anaphylaxis? Medscape Medical News
โฆษณา